ตอนที่2 น้องสาวคนเดียว
มาเฟียหนุ่มนั่งเงียบมองหญิงสาวนิ่ง โดยที่ไม่ได้ถามอะไรต่อ ก่อนที่เสียงเรียกของเพื่อนร่วมงานเธอจะดังขึ้น พร้อมกับเดินเข้ามาหาแล้วยื่นโทรศัพท์ของเมษาให้
“เมษา โรงพยาบาลโทรมาเรื่องน้องสาวเธอ”
เมษาได้ยินดังนั้นก็ไม่รอช้าที่เธอนั้นจะรับโทรศัพท์มาถือไว้ ก่อนที่เธอนั้นจะหันมาขออนุญาตมาเฟียหนุ่มออกไปรับโทรศัพท์
“ฉันขอเวลาไปรับโทรศัพท์สักครู่นะคะ”
แทนไทไม่ได้ว่าอะไรนอกจากพยักหน้าให้เธอเล็กน้อย
ก่อนที่หญิงสาวจะรีบลุกขึ้นเดินออกไปคุยโทรศัพท์ด้านนอก ด้วยสีหน้าที่เป็นกังวลเมื่อรู้ว่าเป็นข่าวของน้องสาวเธอ
โดยที่ชายหนุ่มมองตามหลังเธอไปจนลับสายตา
“ฮัลโหลค่ะ”
(คุณเมษาใช่มั้ยครับ) เสียงของคุณหมอเอ่ยถามในสาย
“ใช่ ใช่ค่ะ คุณหมอมีอะไรรึเปล่าคะ หรือว่าน้องฉันเป็นอะไร”
(ตอนนี้คนไข้หมดสตินะครับ เนื่องจากหัวใจหยุดเต้นไปครู่หนึ่ง โชคดีครับที่ปั๊มกลับมาได้)
เพียงแค่นั้นก็ทำเอาเมษานิ่งอึ้งไปชั่วขณะ เมื่อรู้ว่าน้องสาวของเธอหัวใจหยุดเต้น แววตาเริ่มสั่นระริกด้วยความหวาดกลัว และเป็นกังวล
“อะ อะไรนะคะหมอ แล้ว ตอนนี้น้องสาวฉันเป็นยังไงบ้างคะ”
เมษาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เพราะตอนนี้เธอเหลือน้องสาวเพียงคนเดียวที่เป็นครอบครัวในตอนนี้ และเป็นเหตุผลที่เธอต้องมาทำงานเสริมที่นี่ เพื่อหารายได้ไปรักษาโรคหัวใจให้กับน้องสาว
(คุณเมษาใจเย็นๆ ก่อนนะครับ ตอนนี้น้องสาวของคุณปลอดภัยดีแล้วครับ แต่ตอนนี้ยังไม่ได้สติ ต้องรอดูอาการพรุ่งนี้เช้าอีกทีนะครับ)
“งั้น ฉันขอไปเฝ้าน้องได้มั้ยคะ”
(ได้ครับ ถ้าคุณสะดวก)
“โอเคค่ะ เดี๋ยวฉันจะรีบไป ขอบคุณมากนะคะ”
ว่าจบเธอก็รีบตัดสายทิ้งไป แล้วเดินกลับเข้าไปด้านใน เพื่อไปเก็บของในห้องแต่งตัวที่อยู่อีกด้านหนึ่งของผับ
“เมษา ทำไมมาเดินอยู่ตรงนี้ล่ะ แล้วทำไมไม่ไปนั่งกับคุณแทนไท”
ผู้จัดการผับเอ่ยถาม เมื่อเห็นเมษากำลังจะเดินกลับเข้าไปในห้องแต่งตัว
“เอ่อ พี่แก้วคะ พอดีเมย์มีเรื่องด่วนที่ต้องไปค่ะ ส่วนเรื่องรับแขก พี่ให้คนอื่นไปแทนเมย์หน่อยนะคะ พอดีเมย์ติดธุระด่วนจริงๆ ค่ะ”
เมษาบอกด้วยน้ำเสียงสั่นเครือเล็กน้อย สีหน้าของเธอไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ดูเป็นกังวลใจจนแก้วมองออก
“นี่เป็นอะไรรึเปล่า บอกพี่ได้นะ”
“คือ เมย์ต้องรีบไปดูน้องสาวค่ะ เมย์ขอลางานก่อนนะคะ”
เมษาเอ่ยบอกเพียงแค่นั้นแล้วรีบวิ่งเข้าไปเอากระเป๋าสะพายข้างออกมา ก่อนที่เธอนั้นจะยกมือไหว้ลาแก้ว แล้วรีบวิ่งออกจากผับไปทางด้านหลังที่ไม่ค่อยมีคนพลุกพล่าน
แก้วได้แต่มองตามแผ่นหลังเมษาด้วยความเป็นห่วงเช่นกัน ก่อนที่เธอนั้นจะเดินเข้าไปดูแลแขกวีไอพีที่โต๊ะด้านหน้า
“เอ่อ คุณแทนไทคะ วันนี้เป็นไงบ้างคะ สนใจเด็กคนใหม่มานั่งดื่มเป็นเพื่อนไหมคะ”
แก้วเอ่ยถามมาเฟียหนุ่มที่นั่งดื่มไวน์ด้วยท่าทีนิ่งขรึม เขาดูไม่ได้มีความสุขกับสถานบันเทิงเท่าไหร่
แทนไทเงยหน้าขึ้นมองผู้จัดการด้วยสายตานิ่งเรียบ
“แล้วเมษาล่ะ”
“อ๋อ เอ่อ พอดีว่าน้องเขาติดธุระกะทันหันน่ะค่ะ เลยต้องรีบออกไปก่อน แต่ว่าเรามีเด็กๆ สาวๆ สวยๆ อีกเยอะเลยนะคะ ถ้าคุณแทนไทต้องการ เดี๋ยวแก้วไปตามมาให้ค่ะ”
แก้วเอ่ยบอกแล้วตั้งท่าจะเดินออกไปตามเด็กในผับให้มานั่งกับเขา
“ไม่ต้อง ฉันก็จะกลับแล้วเหมือนกัน” แทนไทเอ่ยบอกเสียงราบเรียบ ก่อนที่เขานั้นจะดันตัวลุกขึ้นยืน
“จะกลับแล้วเหรอคะ นานๆ ทีคุณแทนไทจะมา ไม่นั่งดื่มต่ออีกสักหน่อยเหรอคะ”
“ไม่ล่ะ”
มาเฟียหนุ่มเอ่ยบอกเพียงแค่นั้น ก่อนที่เขาจะเบี่ยงตัวออกไปจากโต๊ะ โดยที่แก้วได้แต่มองตามหลังเขาไป ด้วยความรู้สึกเกร็งอยู่เล็กน้อย
เมษารีบวิ่งมารอรถแท็กซี่บนทางเท้าหน้าผับหรู เธอมองหารถโดยสารแต่ก็ไม่เห็นวีแววว่าจะวิ่งผ่านมาสักคัน ในขณะที่รถยนต์วิ่งผ่านไปมาตลอด
หัวใจดวงน้อยกระวูบไปจนถึงตาตุ่ม เมื่อรู้ข่าวอาการไม่ดีของน้องสาว แม้จะรู้ว่าตอนนี้น้องเธอปลอดภัยแล้วก็ตาม แต่เธอก็อดเป็นห่วงไม่ได้
เธอยืนรอรถได้สักพักแล้ว แต่ก็ไม่เห็นว่าจะมีแท็กซี่ขับผ่านมาทางนี้สักคัน ทว่ากลับมีรถตู้สีดำทึบขับมาจอดตรงหน้าเธอแทน
สร้างความหวาดระแวงและสงสัยให้กับหญิงสาว ก่อนที่จะมีชายฉกรรจ์ในชุดสูทสีดำเปิดประตูลงจากรถด้านหน้าลงมา ทำให้เมษารีบก้าวหลังถอยห่างออกไป
ก่อนที่ชายฉกรรจ์คนนั้นจะเปิดประตูเลื่อนออก ทำให้เห็นมาเฟียหนุ่มที่นั่งอยู่ภายในรถมองมาที่เธอ
“จะไปไหน”
แทนไทเอ่ยถามหญิงสาวเสียงราบเรียบ เมษาได้แต่ยืนเงียบ พลางกลอกสายตามองเขาและลูกน้องด้วยความไม่ไว้วางใจ
แม้ว่าที่ตรงนี้จะมีรถวิ่งผ่านไปมาตลอด และยังมีแสงไฟส่องสว่างตลอดทาง แต่มันก็ยังทำให้เธอหวาดกลัวพวกเขาไม่น้อย
มาเฟียหนุ่มจับจ้องมองร่างเล็กที่อยู่ในชุดเดรสสั้นเหนือเข่าด้วยแววตาที่ยากจะคาดเดาความคิดได้ จนคนถูกมองรู้สึกวูบวาบไปทั่งตัว
“เอ่อ เมย์จะไปโรงบาลค่ะ” เธอเอ่ยบอกเขาเพียงแค่นั้น แล้วหันไปมองหารถอีกที
“ไปโรงบาล”
“ค่ะ คุณ..เอ่อ คุณแทนไทมีอะไรรึเปล่าคะ”
เมษาจ้องตาเขากลับเพียงครู่เดียวเท่านั้น เพียงได้สบสายตากับเขา หัวใจดวงน้อยกลับรู้สึกเต้นแรงโครมครามแทบจะหลุดออกมา เพราะตรงนี้เธอสามารถมองเห็นใบหน้าเขาได้อย่างชัดเจน ไม่เหมือนตอนที่อยู่ในผับ ที่มีแสงไฟสลัวเพียงนิด
“ขึ้นรถสิ เดี๋ยวฉันไปส่ง”
คำเอ่ยชวนทำให้เมษายิ่งไม่ไว้ใจชายแปลกหน้าที่รู้จักกันไม่กี่นาที
“เอ่อ ไม่ ไม่เป็นไรดีกว่าค่ะ พอดีว่าเมย์รอรถไปเองได้ ขอบคุณมากนะคะ”
เธอปฏิเสธอย่างนอบน้อมและเลี่ยงที่จะไม่สบตากับเขา พลางมองไปรอบๆ ที่มีผู้คนเดินอยู่
“ขึ้นรถเถอะครับ เดี๋ยวนายผมไปส่ง” เสียงทุ้มของคนเป็นลูกน้องที่ยืนหน้านิ่งอยู่นั้นเอ่ยบอก
เมษาหันกลับมาจ้องมองหน้าลูกน้องของเขา ก็รู้สึกหวาดกลัวไม่ต่างจากแทนไท พวกเขาเป็นพวกหน้านิ่งตลอดเวลารึไงกัน ดูท่าทางไม่น่าไว้วางใจเลยสักนิด
“เอ่อ ไม่เป็นไรดีกว่าค่ะ”
เมษายังคงเลือกที่จะปฏิเสธ เธอส่งยิ้มแห้งให้กับชายหนุ่มที่มองหน้าเธอด้วยสายตานิ่งเฉย
“ทำไม กลัวฉันรึไง”
แทนไทเอ่ยถามออกไปตามตรง เมื่อเห็นสีหน้าและท่าทีหวาดระแวงของหญิงสาว
“เปล่านะคะ เอ่อ ฉันแค่ เกรงใจค่ะ” หญิงสาวหันกลับมามองหน้ามาเฟียหนุ่ม
“ถ้าไม่กลัว ก็ขึ้นรถ ฉันไม่ทำอะไรเด็กอย่างเธอหรอก”
“...” เมษามองดูท่าทีของแทนไทและลูกน้องของเขาแล้ว พวกเขาก็ไม่ได้ดูคุกคามเธออะไร เธอเหลือบสายตาไปมองหารถแท็กซี่อีกครั้ง แต่ก็ไม่เห็นวี่แววเลยสักนิด และนี่มันก็ดึกมากแล้วด้วย
เธอยืนเงียบครุ่นคิดอยู่สักพัก ก่อนจะตัดสินใจเลือกขึ้นรถไปกับเขา แต่ก่อนที่เธอนั้นจะก้าวขาขึ้นไปนั่งบนรถนั้น เธอก็ยกมือถือขึ้นมาถ่ายรูปพวกเขาเอาไว้ และกดส่งไปให้เพื่อนสนิทของเธอเพื่อความปลอดภัยถ้าหากเกิดอะไรขึ้น
เมษาถ่ายทั้งรูปหน้าลูกน้องของแทนไทและถ่ายรูปเขาด้วยเช่นกัน และเดินไปถ่ายรูปทะเบียนรถส่งไปให้เพื่อน
แทนไทและลูกน้องของเขามองด้วยสายตานิ่งๆ โดยที่ไม่ได้ว่าอะไร
ก่อนที่ร่างเล็กจะเดินขึ้นไปนั่งบนเบาะข้างๆ มาเฟียหนุ่ม
ลูกน้องของแทนไทจึงรีบปิดประตูรถทันที แล้วกลับเข้าไปนั่งด้านหน้ารถที่เดิม
ภายในรถนั้นถูกปกคลุมไปด้วยความเงียบ จนเมษารู้สึกอึดอัด เธอนั้นนั่งตัวเกร็งตลอดทางจนมาถึงโรงพยาบาลที่เธอได้บอกเอาไว้ก่อนหน้า
ทันทีที่รถจอด ลูกน้องของแทนไทก็รีบมาเปิดประตูให้กับหญิงสาว
“ขอบคุณมากนะคะ”
เธอไม่ลืมที่จะเอ่ยปากขอบคุณเขา ที่ช่วยขับรถมาส่งเธอถึงโรงพยาบาล
หญิงสาวไม่รอช้าที่จะรีบวิ่งเข้าไปด้านในด้วยความเป็นห่วงน้องสาว มาเฟียหนุ่มมองตามแผ่นหลังบางที่วิ่งลับสายตาเข้าไปด้านในทางเข้าห้องฉุกเฉิน
“กลับเลยมั้ยครับนาย” เสียงเอ่ยถามของลูกน้อง
“ยัง”
แทนไทไม่ว่าเปล่า เขายังก้าวขาเดินลงจากรถและเดินตามเมษาเข้าไปด้านในทันที โดยลูกน้องที่เป็นคนขับรถรีบเปิดประตูเดินตามคนเป็นนายไปพร้อมกันกับเพื่อนอีกคน
“คุณหมอ คุณหมอคะ น้องสาวฉัน น้องฉันเป็นยังไงบ้างคะ”
ทันทีที่เมษาเห็นคุณหมอที่เป็นคนดูแลน้องสาวเธอ และเป็นคนเดียวกันที่โทรบอกเธอก่อนหน้า
เมษาถามด้วยน้ำเสียงกระวนกระวายใจ เพราะกลัวว่าน้องสาวเพียงคนเดียวของเธอจะเป็นอะไรไป
“คุณ คุณใจเย็นๆ ก่อนนะครับ ตอนนี้น้องสาวคุณปลอดภัยแล้วนะครับ ตอนนี้คนไข้อยู่ที่ห้องพักฟื้นครับ”
“ขอบคุณนะคะคุณหมอ”
เมษาพยายามตั้งสติ ก่อนหน้านี้ที่คุณหมอโทรมาแจ้งเธอ แม้จะรู้ว่าน้องสาวปลอดภัยแล้ว แต่ก็ต้องถามคุณหมอให้แน่ใจอีกครั้ง เพื่อความสบายใจของเธอ
“ครับ คุณใจเย็นๆ ก่อนนะครับ เดี๋ยวหมอให้พยาบาลพาไปที่ห้องคนไข้นะครับ”
เมษาพยักหน้าเข้าใจเล็กน้อย ก่อนที่พยาบาลสาวที่ทำหน้าที่ดูแลน้องสาวของเธอ จะพาเมษาไปที่ห้องคนไข้
มาเฟียหนุ่มยืนมองอยู่ไกลๆด้วยแววตาเรียบเฉย ก่อนที่เขานั้นจะเดินตามหลังหญิงสาวไปที่ห้องพักของน้องสาวเธอ
เมษาเปิดประตูห้องเข้ามาด้านในทันทีที่มาถึง เธอเดินเข้ามาหยุดมองดูน้องสาววัยสิบเจ็ดปี ที่ตอนนี้นอนหลับไม่ได้สติอยู่บนเตียงผู้ป่วย
พยาบาลจึงเดินออกจากห้องไป เพื่อให้เวลาส่วนตัวกับคนไข้
เมษาเดินเข้าไปลูบผมน้องสาวเธอเบาๆ อย่างอ่อนโยน แววตาสั่นระริก น้ำตาคลอเบ้าก่อนที่มันจะไหลลงมาเปื้อนแก้มนวลทั้งสองข้าง
“พี่ขอโทษนะปลาย พี่จะหาเงินมารักษาเธอให้หายนะ เธอต้องสู้กับมันนะ”
เมษาเอ่ยบอกกับน้องสาวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือเบาๆและเป็นกังวลอยู่ในๆ เมื่อเห็นใบหน้าซีดเผือกของปลาย ผู้เป็นน้องสาวที่นอนไม่ได้สติอยู่ในตอนนี้
ทั้งชีวิตนี้เธอเหลือน้องเพียงคนเดียว พ่อแม่ก็เสียชีวิตไปเมื่อสองปีก่อนด้วยอุบัติเหตุ ทำให้เมษาต้องคอยดูแลปลายและคอยทำงานส่งตัวเองเรียนมาจนถึงมหาลัย
เมื่อสามเดือนที่แล้วเธอก็พบว่าน้องสาวเธอเป็นโรคหัวใจ ทางเดียวที่จะรักษาได้นั้น คือต้องผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจเท่านั้น
ค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดนั้นก็ค่อนข้างสูง ทำให้เมษาต้องดิ้นรนและยอมไปทำงานเป็นเด็กนั่งดริ้งที่ผับเพื่อหาค่ารักษาให้น้องสาว
ในขณะเดียวกันด้านนอกก็มีแทนไทยืนมองหน้าประตูห้องของผู้ป่วยที่เมษามาหา ด้วยแววตานิ่งเฉย..