ตอนที่6 ไม่เหมือนเดิม

2248 คำ
ตอนที่6 ไม่เหมือนเดิม “คุณเมษาใช่มั้ยครับ” เซนเอ่ยทักหญิงสาว ขณะที่เมษากำลังจะเดินออกจากบริษัท หญิงสาวหยุดชะงักมองหน้าคนทักอย่างไม่คุ้นเคย “ใช่ค่ะ” “ผมชื่อเซนนะครับ ได้รับคำสั่งให้ขับรถไปส่งคุณ” “อ๋อ” “เชิญทางนี้เลยครับ ผมเตรียมรถเอาไว้แล้ว” เมษาพยักหน้าเข้าใจ ก่อนที่เซนจะเดินนำเธอไปยังรถที่จอดอยู่ ซึ่งเป็นรถตู้สีดำคันเดียวกันกับที่เคยไปส่งเธอที่โรงพยาบาล เมษาจำใจยอมทำตามที่แทนไทบอก เพราะไม่อยากมีปัญหากับเขาในภายหลัง เพราะตอนนี้เธอควรจะเชื่อฟังเขา ในเวลานี้แทนไทถือเป็นผู้ที่มีพระคุณต่อเธอและน้องสาวมาก “ช่วยไปส่งฉันที่โรงพยาบาลใกล้ๆ นี้หน่อยนะคะ” “ได้ครับ” @โรงพยาบาล “ขอบคุณมากนะคะ” เมษาเอ่ยบอกพร้อมกับส่งยิ้มให้กับเหล่าลูกน้องของแทนไท ที่ขับรถมาส่งเธอถึงที่ “ไม่เป็นไรครับ มันเป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้ว” เซนเอ่ยบอกด้วยความยินดี ก่อนที่เธอจะก้าวขาลงจากรถ แล้วเดินเข้าไปด้านใน “คุณเมษาคะ” เสียงเรียกของพยาบาลสาวร้องเรียกตามหลัง ขณะที่เธอกำลังจะเปิดประตูเข้าไปด้านในห้องของผู้ป่วย “คะ มีอะไรรึเปล่าคะ” “วันนี้มีคนมาคุยเรื่องค่าใช้จ่ายในการรักษาของน้องปลายให้แล้วนะคะ ไม่ทราบว่าคุณเมษารู้เรื่องนี้รึยังคะ” “ค่ะ ฉันรู้แล้ว ขอบคุณมากเลยนะคะ แล้วเรื่องการผ่าตัด คุณหมอจะเริ่มเมื่อไหร่เหรอคะ” เมษาเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มแห่งความดีใจ ที่ได้รู้ว่าน้องเธอมีโอกาสหายและกลับมาเป็นปกติได้ “ตอนนี้คุณหมอขอรอดูความพร้อมร่างกายของคนไข้ก่อนนะคะ หากคนไข้พร้อมทั้งเรื่องจิตใจและพร้อมที่จะรับการผ่าตัด ก็สามารถทำได้เลยทันทีค่ะ ไว้ค่อยคุยกับคุณหมออีกทีนะคะ” “อ๋อ โอเคค่ะ ขอบคุณมากเลยนะคะ” “ค่ะ งั้นดิฉันขอตัวก่อนนะคะ” พยาบาลสาวส่งยิ้มให้ ก่อนที่จะเดินเลี่ยงออกไปดูแลคนไข้ห้องอื่นต่อ เมษารู้สึกโล่งใจที่เธอนั้นสามารถช่วยเหลือน้องสาวตัวเองได้แล้ว แม้ว่าเธอจำเป็นต้องเอาตัวเข้าแลกก็ตาม หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ก่อนที่เธอนั้นจะเปิดประตูเข้าไปด้านในห้องของปลาย “ปลาย เป็นไงบ้าง” เธอเอ่ยถามคนเป็นน้องที่นั่งเอนหลังพิงกับหัวเตียง วันนี้ปลายดูสดใสกว่าเมื่อวานเยอะมากๆ “ดีขึ้นแล้วค่ะ แล้วพี่ล่ะไปไหนมา ทำมั้ยปล่อยให้พี่ข้าวปั้นมาดูแลหนูแทนล่ะ” ปลายถามขณะที่ข้าวปั้นนั่งปลอกผลไม้ที่โซฟา “พอดีว่าพี่ติดงานน่ะ เลยให้ข้าวปั้นมาแทน ทำไม คิดถึงพี่เหรอ” “อือ ไม่เห็นหน้า ก็ต้องคิดถึงสิ มีพี่สาวคนเดียว จะไม่ให้คิดถึงพี่ แล้วจะคิดถึงใคร” “พูดจาหวานหูกว่าทุกวันนะ มีอะไรรึเปล่า” “เปล่า แค่ไม่อยากให้พี่ทำงานหนักมากเกินไป ไม่ต้องทำเพื่อฉันขนาดนั้นก็ได้นะ พักผ่อนบ้าง เดี๋ยวก็เป็นอะไรไปอีกคนหรอก” ปลายบอกด้วยความเป็นห่วงพี่สาว เพราะตั้งแต่ที่เมษารู้ว่าเธอป่วยเป็นโรคหัวใจ และมีทางเดียวที่จะสามารถรักษาได้นั้น คือต้องผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจเท่านั้น ทำให้พี่สาวของเธอต้องอดทนทำงานหลายอย่าง เพื่อหาเงินมาเป็นค่ารักษาให้กับเธอในตลอดเวลาสามเดือนที่ปลายเข้ามานอนในโรงพยาบาล “พี่สาวปลายเขาไม่เป็นไรหรอก มันอึดจะตาย” ข้าวปั้นเอ่ยบอกแทรกขึ้นมา พร้อมกับหยิบแอปเปิลที่เพิ่งปลอกเสร็จเข้าปากกิน “แต่ต่อให้พี่ขยันแค่ไหน พี่ก็ควรที่จะพักบ้างนะ หนูไม่อยากให้พี่เป็นอะไรไป” ปลายบอกด้วยสีหน้าเป็นกังวลและรู้สึกสงสารพี่สาว ที่เมษาต้องมาลำบากเพราะเธอ เมษามองหน้าคนเป็นน้องแล้วต้องอมยิ้มน้อยๆ ที่รู้ว่าปลายก็เป็นห่วงเธอ ก่อนที่เธอจะนั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆ เตียง แล้วกุมมือน้องสาวเอาไว้ “ปลาย พี่ไม่เป็นไรเลย แล้วอีกอย่าง ปลายก็จะได้ผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจแล้วนะ” “พี่ หมายความว่าไง ผ่าตัดมันใช้เงินเยอะไม่ใช่เหรอ แล้วพี่มีเงินเหรอ” เด็กสาวถามอย่างสงสัย เพราะเธอรู้ว่าค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดนั้น มันไม่ใช่น้อยๆ แล้วพี่สาวเธอไปเอามากมายขนาดนั้นมาจากไหน “พอดีว่า มีคนใจดี ช่วยเหลือค่าผ่าตัดให้ เป็น..พี่ร่วมงานพี่เอง เขาช่วยเรื่องค่าใช่จ่ายให้ทุกอย่างเลยนะ ปลายจะหายจากโรคนี้แล้วนะ” “จริงเหรอคะ เขาเป็นใครเหรอ ทำไมเขาถึงช่วยหนูล่ะ” ข้าวปั้นนั่งฟังบทสนทนาของสองพี่น้องอย่างตั้งใจ และอยากรู้เหมือนกันว่าเขาที่ยื่นมือมาช่วยเพื่อนเธอนั้น เป็นใครกันแน่ ทำไมถึงได้ใจบุญขนาดนี้ “เอ่อ เขา..ชื่อ พี่จำไม่ค่อยได้อ่ะ แต่เอาไว้พี่จะเล่าให้ฟังนะ เพราะงั้นปลายควรทำใจให้สบาย ผ่อนคลาย เดี๋ยวใกล้วันผ่าตัดจะได้ไม่เกร็งไง” เมษาบอกน้องสาวอย่างให้กำลังใจ และเลี่ยงที่จะเอ่ยชื่อของแทนไทให้เธอและเพื่อนได้รู้จัก เพราะเธอไม่อยากให้ทั้งสองรู้ว่าเธอนั้นเอาตัวเข้าแลก จึงอยากจะปิดบังไว้ก่อน “แล้ว แบบนี้ พี่ไม่เป็นหนี้เขาเหรอ” เด็กสาวขมวดคิ้วถามอย่างสงสัย และกลัวว่าพี่สาวจะกลายเป็นหนี้สินเพราะเธอ “ไม่หรอก เขาช่วยเหลือฟรีๆ เลย ไว้พี่มีโอกาส พี่จะพามาให้รู้จักนะ” เมษาเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้มเพื่อไม่ให้ปลายกังวลเรื่องเธอ แกร๊ก เสียงเปิดประตูเข้ามาในห้องอย่างถือวิสาสะ ทำให้ทั้งสามคนหันไปมองพร้อมกัน “พี่บาส!” ปลายเอ่ยเรียกชายหนุ่ม พร้อมกับส่งยิ้มดีใจที่ได้เจอกับบาสอีก แต่เมษากลับนิ่งไป ใบหน้าหวานเรียบเฉย ราวกับไม่ได้รู้สึกดีใจอะไร ข้าวปั้นถึงกับสตั้นไปครู่หนึ่ง ที่เห็นว่าบาสมาที่นี่จริงๆ อย่างที่เมษาบอก และมันก็คือความผิดของเธอด้วยที่บอกว่าปลายอยู่โรงพยาบาล ทั้งที่เพื่อนเธอไม่ต้องการเกี่ยวข้องกับบาสอีกแล้ว “เอ่อ ขอโทษนะ ที่ถือวิสาสะเข้ามาในห้องโดยที่ไม่ได้เคาะประตูก่อน” “นี่พี่มาที่นี่ทำไมอีก” ข้าวปั้นโพล่งถามขึ้น แสดงความไม่พอใจออกมาอย่างชัดเจน เมื่อมองสีหน้าของคนเป็นเพื่อนที่นิ่งไป ก่อนที่ข้าวปั้นจะลุกขึ้นยืนแล้วเดินตรงเข้ามาหาคนตัวสูง “ก็พี่ มาเยี่ยมปลายไง” บาสชักสีหน้างุนงงกับท่าทางของข้าวปั้น ที่ดูจะไม่พอใจเขาอย่างมาก ทั้งที่เธอเป็นคนบอกเขาเองทุกอย่างเกี่ยวกับเมษาและปลายเรื่องการป่วย “ไม่เป็นไรหรอกค่ะพี่ข้าว พี่บาสมาก็ดีเหมือนกันนะคะ ปลายอยากคุยกับพี่บาสอยู่พอดีเลย” บาสถึงกับหันไปส่งยิ้มให้เด็กสาวด้วยความดีใจ ต่างจากคนเป็นพี่อย่างมาก ที่ตอนนี้เมษาเอาแต่ทำหน้านิ่ง ไม่พูดหรือทักทายอะไรเขาเลย “เอ่อ พี่เมย์” ปลายเอ่ยเรียกคนเป็นพี่เสียงเบา เพราะรู้ว่าเมษาคงไม่ชอบให้บาสเข้ามายุ่งอะไรกับเธออีกแล้ว “หือ” “คืนนี้พี่จะนอนเป็นเพื่อนหนูมั้ยอ่ะ” “อือ เดี๋ยวพี่กลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บ้านก่อนนะ แล้วจะกลับมานอนเป็นเพื่อน” “ก็ได้ค่ะ” เมษายิ้มให้คนเป็นน้อง แล้วลุกขึ้นออกจากเก้าอี้เพื่อจะกลับไปอาบน้ำที่บ้าน หญิงสาวเดินผ่านหน้าบาสออกไปจากห้อง โดยที่ไม่ทักทายอะไรสักคำ ชายหนุ่มหันไปมองตามหลังเธอก่อนที่จะตัดสินใจเดินตามออกไป “พี่ข้าวไม่ต้องไปหรอกค่ะ ปล่อยให้พี่บาสได้ทำความเข้าใจกับพี่เมย์เถอะ” ปลายรีบทักห้ามข้าวปั้นเอาไว้ เมื่อเธอตั้งท่าจะออกไปขัดบาสด้านนอก “เอางั้นเหรอ” “ค่ะ หนูอยากให้พี่บาสกับพี่เมย์เข้าใจกัน” เมษาเดินเร็วๆ ออกมายังด้านนอกโรงพยาบาล โดยที่มีบาสวิ่งตามหลังเธอมาติดๆ “เมย์ เดี๋ยวก่อนสิเมย์!” ชายหนุ่มรีบวิ่งเข้ามาคว้าข้อมือหญิงสาวเอาไว้ เมษาถึงกับยืนนิ่ง โดยที่เธอไม่ได้หันไปมองหน้าเขาตรงๆ ใบหน้าสวยยังคงเรียบเฉย และไม่ได้ดีใจที่เธอได้เจอเขา “เมย์ คุยกันก่อนได้มั้ย” “ปล่อย” “เดี๋ยวก่อนสิ พี่รู้ว่าพี่ผิด และครอบครัวพี่ทำผิดต่อเมย์มาก แต่พี่ไม่ได้อยากแต่งงานกับแพรวเขาเลยนะ” บาสพยายามอธิบายเรื่องของเขาให้เธอเข้าใจ แต่ดูเหมือนว่าเมษาจะไม่ได้มีความรู้สึกดีกับเขาเหมือนเมื่อก่อนแล้ว และความรู้สึกของเธอที่มีต่อเขาในตอนนี้ มันด้านชา และไม่อยากรับรู้อะไรเกี่ยวกับเขาอีก “แล้วมาบอกเมย์ทำไม” เมษาหันกลับมาถามเขาด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ บาสจ้องมองใบหน้าหญิงสาวอย่างรู้สึกรักและคิดถึงเธออยู่เสมอ ทั้งที่ตัวเองมีคู่หมั้นอยู่แล้ว ชายหนุ่มคว้ามืออีกข้างของเธอขึ้นมากุมเอาไว้ “พี่ขอโทษนะ คือ เรากลับมาเป็นเหมือนเดิมได้มั้ย พี่จะไปยกเลิกงานหมั้นของพี่กับแพรวเอง ตั้งแต่ที่เราเลิกกันไป พี่ก็คิดถึงแต่เมย์นะ” “พี่บาสหยุดพูดเถอะค่ะ ยิ่งพูด ก็ยิ่งทำให้เมย์ดูแย่ พี่ชอบคุณแพรวเขาไม่ใช่เหรอคะ” “..พี่ไม่ได้ชอบแพรวนะเมย์” เมษาดึงมือออกจากมือของเขา เธอชักสีหน้าบึ้งใส่อย่างไม่พอใจ “เราเลิกกันไปหนึ่งปีแล้วนะคะ พี่ควรเลิกยุ่งกับเมย์ได้แล้ว และควรเอาเวลาไปใส่ใจคู่หมั้นของพี่นะคะ พี่มาทำตัวแบบนี้ มันไม่ถูกต้อง” หญิงสาวส่ายหน้าเล็กน้อยในประโยคท้ายที่พูด ก่อนที่เธอนั้นจะเดินหนีเขาไปเรียกรถแท็กซี่ที่กำลังขับผ่านมาพอดี เธอรีบเปิดประตูขึ้นรถหนีเขาออกไป บาสได้แต่มองตามหลังรถคันนั้น ด้วยแววตาที่รู้สึกผิดต่อเธอ เมื่อหนึ่งปีก่อน “คุณน้ามีอะไรเปล่าคะ” เมษาเอ่ยถามคนเป็นแม่ของบาส ที่ขอคุยกับเธอเป็นการส่วนตัว อยู่ภายในบ้านของหญิงสาว “พ่อแม่เธอเสียไปนานแล้วเหรอ” “เสียเมื่อปีก่อนค่ะ” “แล้วตอนนี้เธออยู่กับใครล่ะ” “หนูอยู่กับน้องสาวค่ะ ครอบครัวหนูเหลือแค่น้องคนเดียว และก็มีบ้านหลังนี้เป็นที่พักพิงสุดท้ายค่ะ” เมษาเอ่ยบอกกับรวี คนเป็นแม่ของบาส สายตาของรวีที่มองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้านั้น ราวกับกำลังดูถูกเธอเป็นนัยๆ ทำให้เมษารู้สึกเกร็งเล็กน้อย “แล้วตอนนี้เธอทำงานอะไรอยู่ล่ะ” “เมย์ทำงานพาร์ทไทน์ค่ะ และก็ทำขนมเค้กฝากขายตามร้านคาเฟ่ค่ะ” “ฮึ” รวีถึงกับแค่นหัวเราะออกมาเบาๆ ราวกับดูแคล้นเธอ เมษาเงยหน้าขึ้นมองรวีอย่างไม่พอใจเล็กน้อย “นี่ตาบาสคบคนแบบเธอไปได้ยังไงกัน เด็กที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้า พ่อแม่ก็ไม่มี งานการก็ไม่รุ่ง” “คุณน้ามีอะไรรึเปล่าคะ” “เลิกยุ่งกับลูกชายฉันซะ ตอนนี้บาสมีคู่หมั้นแล้ว เด็กอย่างเธอไม่คู่ควรกับวงศ์ตระกูลของฉันสักนิด อย่าหาว่าฉันดูถูกเธอเลยนะ แต่เธอควรจะเอาเวลาที่มาตามเกาะลูกชายฉัน ไปตั้งใจทำงานเลี้ยงดูน้องสาวเธอ และก็ส่งเสียตัวเองเรียนให้จบจะดีกว่านะ” “นี่ หมายความว่าไงคะ” “ฉันพูดขนาดนี้แล้วยังไม่เข้าใจอีกเหรอ” รวียิ้มเยาะเย้ยเธออย่างนึกดูถูก ก่อนที่จะล้วงหยิบเช็คเงินสดในกระเป๋าราคาแพงออกมา ที่เขียนจำนวนเงินเอาไว้ห้าหมื่นบาทยื่นให้กับเมษา “นี่ถือเป็นค่าตอบแทนที่เธอเลิกยุ่งกับลูกชายฉันนะ เอาไว้เริ่มต้นชีวิตใหม่กับน้องแล้วกัน หวังว่าจะพอนะ” รวีวางเช็คเงินสดเอาไว้บนโต๊ะตรงหน้าหญิงสาว ก่อนที่จะลุกขึ้นเดินออกจากห้องของเธอไป โดยที่มีรถตู้สีดำจอดรออยู่ด้านนอก เมษากำหมัดเอาไว้แน่น อย่างรู้สึกโกรธเคืองในใจ และไม่พอใจที่ถูกแม่ของแฟนหนุ่มดูถูกแบบนี้ เธอมองเช็คที่วางอยู่ตรงหน้าด้วยแววตานิ่งเฉย จากวันนั้น เมษาก็พยายามติดต่อกับบาสอยู่หลายครั้ง แต่ก็ติดต่ออะไรเขาไม่ได้ และยิ่งรู้ว่าบาสมีคู่หมั้น เธอก็ยิ่งรู้สึกกระวนกระวายใจ และอยากที่จะคุยกับเขาให้รู้เรื่อง แต่อีกคนกลับไม่ยอมอ่านข้อความ หรือรับสายเธอเลย และนับแต่วันนั้นมา เมษาก็เลือกที่จะไม่ยุ่งเกี่ยวอะไรกับบาสและครอบครัวของเขาอีก
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม