EP.6 ฝันร้ายที่ไม่อาจลืม
ภัครติอดที่จะคิดเล่นๆ ไม่ได้ว่าถ้าเป็นเธอล่ะ ข้อเสนอที่จะทำให้เธอร่ำรวยไปทั้งชาติ แลกกับการยื่นเลือดในอกให้ชีคฮัยฟาอ์ไปตลอดกาล เธอจะยอมรับได้มั้ย...
แค่คิดหยาดน้ำตาก็รื้นขึ้นเกาะขอบตา เธอทำใจไม่ได้ แม้เงินจะทำให้ดำรงชีวิตอยู่บนโลกเบี้ยวๆ ใบนี้ได้อย่างสุขสบายก็จริง แต่เงินซื้อความสุข ความรัก และศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ไม่ได้ เธอขออยู่แบบจนๆ กับผู้ชายสักคนที่รักเธอ มีโซ่ทองคล้องใจที่เธอฟูมฟักอุ้มชู เฝ้ามองการเติบโตของเขาตราบจนกว่าเธอจะหมดลมหายใจไปตามกาลเวลาดีกว่า...นี่ต่างหากคือความสุขที่แท้จริง
“ท่านชีคไม่เคยคิดใช้อำนาจเอาเปรียบใคร ทุกคนที่นี่ถึงได้ทั้งรักและเกรงกลัวท่านชีคกันทุกคนไงล่ะ”
“แล้วทำไมถึงต้องแต่งหลายครั้งล่ะคะ หรือว่าเจ้าสาวของท่านชีคแต่ละคนมีทายาทให้ท่านชีคไม่ได้”
“งานแต่งถูกจัดขึ้น แต่ไม่เคยสำเร็จ”
“อ้าว!” ภัครติร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ เกิดมาไม่เคยพบเคยเจอคนที่จัดงานแต่งงานถึงสามครั้ง แต่งานแต่งกลับล่มกลางคัน
“เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ ทำไม...”
“ก็พอเจ้าสาวเห็นใบหน้าท่านชีคตอนถอดแผ่นหนังออก ก็พากันเตลิดหนีไปก่อนจะเริ่มพิธีน่ะสิ ส่วนใหญ่ผู้หญิงที่พ่อบ้านดาริมหามาให้ก็เป็นลูกหลานเศรษฐี บ้างก็ไฮโซ ดารานางแบบมีชื่อเสียง ผู้หญิงพวกนั้นอยากแต่งกับท่านชีคก็เพราะเงิน แต่พอเห็นใบหน้าอัปลักษณ์ของท่านชีคก็ทำใจยอมรับไม่ได้ เผ่นแน่บทุกราย” แม่ครัวเล่าพลางถอนหายใจ เมื่อหันไปมองคนอ่อนวัยกว่าก็ต้องตกใจเมื่อเห็นว่าหญิงสาวตาแดงก่ำ หยาดน้ำใสรินรดแก้มอิ่มเป็นสาย
“ตายแล้วยายหนูของป้า ร้องไห้ทำไม ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า”
จันทร์เพ็ญยื่นมือไปลูบหลังลูบแขน พิศมองหลานสาวโดยรอบ ทว่าหญิงสาวกลับปฏิเสธด้วยการส่ายหน้าจนผมเปียทั้งสองข้างแกว่งไปมา
“หนูสงสารท่านชีคค่ะ” หญิงสาวใช้หลังมือเช็ดหยาดน้ำตา
“โถยายหนู” แม่บ้านยื่นมือไปลูบศีรษะหลานสาวด้วยความเอ็นดู
“ท่านชีคคงเสียใจมากเลยนะคะ”
แค่คิดว่าผู้ชายคนหนึ่งต้องโดนเจ้าสาวปฏิเสธที่จะแต่งงานด้วยถึงสามครั้งเพียงเพราะเขามีรอยแผลอัปลักษณ์ มันช่างไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย ต่อให้ท่านชีคตัวโตท่าทางห้าวหาญสักเพียงใด แต่ขึ้นชื่อว่าหัวใจย่อมมีเลือดเนื้อ มีความรู้สึกดีใจและผิดหวัง เธอเชื่อเหลือเกินว่าท่านชีคคงเสียใจที่ถูกเจ้าสาวทอดทิ้งเพียงเพราะรูปลักษณ์ภายนอก
“นั่นสินะ ป้าเองก็ไม่เคยคิดว่าท่านชีคจะเสียใจหรือเปล่า เห็นท่านทำหน้านิ่งเรียบเฉยอย่างกับคนไม่มีความรู้สึก แต่ถ้าเป็นป้า ป้าก็คงเสียใจมาก การที่เจ้าสาวหนีไปก่อนเข้าพิธีก็เท่ากับโดนตบหน้าแรงๆ ท่ามกลางฝูงชน คงทั้งเจ็บและอับอาย” จันทร์เพ็ญรู้สึกสะเทือนใจ เธอไม่เคยคิดถึงข้อนี้มาก่อนเลย ด้วยมองว่าประมุขของเธอนั้นเข้มแข็ง ห้าวหาญ คงไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซ้ำๆ
“แต่ขี้ข้าอย่างเราก็ทำได้แค่สงสารนั่นแหละนังหนู”
หญิงสาวหยุดร้องไห้ ก่อนจะพูดขึ้นพร้อมประกายตามุ่งมั่นว่า “หนูจะสวดมนต์ทุกคืน อธิษฐานขอพรให้การแต่งงานครั้งที่สี่ของท่านชีคประสบความสำเร็จ หนูอยากเห็นท่านชีคมีความสุขค่ะ”
ตูม!
เสียงระเบิดดังสนั่นพร้อมกับที่ร่างสูงทรุดฮวบลงกองกับพื้น สะเก็ดระเบิดบางส่วนกระเด็นถูกใบหน้าซีกขวาและตามลำตัวของฮัยฟาอ์ เลือดสีแดงชาดไหลอาบลงมายังลำคอและแผงอกกว้าง เขาหันไปหาทารีฟ น้องชายซึ่งโดนสะเก็ดระเบิดตามเนื้อตัวเช่นกันด้วยความเป็นห่วง
ระเบิดถูกจุดขึ้นโดยบิดา หมายสังหารศัตรูให้สิ้นซาก ทว่าระเบิดกลับทำอันตรายแก่ฝ่ายตรงข้ามไม่ได้เลยแม้เพียงปลายเล็บ ซ้ำร้ายกลับทำร้ายพวกเดียวกันเองจนได้รับบาดเจ็บล้มตาย เขารู้สึกได้ว่าทารีฟพยายามจะพยุงเขาลุกขึ้น แต่เขาเป็นผู้ชายตัวสูงใหญ่ น้องชายจึงพยุงเขาที่จวนเจียนจะหมดสติให้ลุกขึ้นได้อย่างทุลักทุเล
‘ท่านพ่อช่วยกันพยุงพี่ฮัยฟาอ์คนละข้างสิครับ’
‘เรื่องอะไร เชิญพวกแกหอบหิ้วกันไปเองเถอะ ฉันจะหนีไปจากที่นี่’ นาฟาซัสรอดพ้นจากระเบิดที่ตัวเองโยนออกไปได้อย่างหวุดหวิด เขาชักสีหน้าหงุดหงิดแล้วหันหลังเตรียมจะหนี ไม่แยแสบุตรชายทั้งสองเลยสักนิด เวลานี้เขาต้องการเอาชีวิตรอดมากกว่าสิ่งใดๆ ทั้งหมด
‘ทำไมท่านพ่อถึงได้ใจดำนัก ทำอย่างกับพวกเราไม่ใช่ลูก สัตว์เดรัจฉานมันยังรักลูกของมัน ท่านพ่อยังมีความเป็นคนหลงเหลืออยู่บ้างหรือเปล่า ทั้งๆ ที่พี่ฮัยฟาอ์เอาตัวรับกระสุนแทนท่านพ่อแท้ๆ’
ทารีฟกราดเกรี้ยวด้วยความแค้น แผลของพี่ชายสาหัสนัก ทั้งแผลจากกระสุนปืนที่ชีคอินติซาร์หมายจะยิงบิดา แต่พี่ชายกลับเอาตัวเข้าไปรับแทน แล้วยังแผลจากสะเก็ดระเบิดที่ดูเหมือนพี่ชายจะได้รับมันมากกว่าคนอื่นๆ หากไม่ได้รับการช่วยเหลืออย่างทันท่วงที เกรงว่าอาจไม่รอดชีวิต
‘ถุย! ไอ้พวกโง่! ก็เพราะพวกแกไม่ใช่ลูกของฉันน่ะสิ ไหนๆ ก็จะตายกันอยู่แล้ว ฉันจะบอกให้พวกแกหายโง่ ฉันเป็นหมัน พวกแกทั้งสี่คนไม่มีใครเป็นลูกของฉันทั้งนั้น พวกแกเป็นเด็กที่ฉันขโมยมา ฉันเกลียดพวกเลือดผสม ไม่ใช่อาหรับแท้เหมือนกับฉัน พวกที่มีแม่เป็นอีผมทองหรือไม่ก็พวกต่างศาสนาแต่ดันได้ดีกว่าฉัน ฉันรับไม่ได้’ นาฟาซัสหัวเราะอย่างบ้าคลั่งราวกับเสียสติ
ฮัยฟาอ์ได้ยินทุกอย่างชัดเจน หัวใจของเขาปวดแปลบ เมื่อคนที่เขาเรียกว่าพ่อมาโดยตลอดแท้จริงแล้วเป็นเพียงคนเลวที่เห็นแก่ตัว
‘สารเลว!’
‘ใช่! คนอย่างฉันมันสารเลว ฉันขโมยพวกแกทุกคนมาจากพ่อแม่ที่แท้จริง สะใจฉิบหายที่ได้ใช้งานพวกลูกชีค ลูกเศรษฐี สอนให้พวกมันเป็นโจร เป็นขี้ข้ารองมือรองตีนกู’
เจ้าของร่างหนากระสับกระส่ายไปมา แขนปัดป่ายไปทั่วจนคริสตัลรูปสิงโตบริเวณหัวเตียงหล่นลงแตกกระจายเกลื่อนพื้น เหงื่อกาฬผุดขึ้นเต็มใบหน้า ก่อนที่เขาจะลืมตาโพลงแล้วหยัดกายลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว
“บ้าฉิบ! ฝันอีกแล้ว”
ชีคฮัยฟาอ์ยกมือหนาขึ้นลูบใบหน้าแรงๆ ราวกับจะปลุกปลอบตนเองให้คลายอาการเครียดอันเกิดจากฝันร้าย