EP.3 สาวใช้คนใหม่
“ผมอยากให้ท่านชีคหลบไปที่อื่นสักพัก ผมบอกตรงๆ ว่าผมไม่สบายใจเลย” ดาริมถอนหายใจเฮือกใหญ่
“ถ้าฉันหนี ฉันก็ต้องหนีไปทั้งชีวิต ดาริม...นายก็เห็นนี่ว่าเศษเดนอย่างฉันจะตายหรืออยู่...ก็ไม่สำคัญ” ชายหนุ่มแค่นหัวเราะในลำคอ สมเพชชีวิตของตนเองเหลือแสน
“แต่ว่า...”
“เลิกพูดเรื่องนี้เถอะ ฉันไม่อยากฟัง”
ผู้เป็นนายบอกปัดแล้วเบือนหน้าออกไปยังนอกหน้าต่าง แน่นอนเขาซ่อนแววตากร้าวปวดร้าวราวกับสัตว์ป่าบาดเจ็บได้อย่างมิดชิด ทว่าดาริมรู้...เขารู้ว่าภายใต้ท่าทางแข็งกร้าวของชีคฮัยฟาอ์นั้นมีความอ่อนโยนซ่อนอยู่ แต่มันถูกซ่อนเร้นเอาไว้ลึกสุดใจ แทนที่ด้วยการเฉยชาราวกับไม่ยี่หระสิ่งใด นั่นเป็นเพราะสิ่งเลวร้ายที่ชายหนุ่มได้รับมาตลอดสามสิบห้าปี มันหล่อหลอมให้ชายหนุ่มแข็งกร้าว เมื่อเขาถูกหักหลังจากผู้ที่เขาเรียกว่าบิดาอย่างนาฟาซัส และผิดหวังซ้ำอีกครั้งเมื่อพบว่าบิดาที่แท้จริงอย่างสุลต่านเชอร์กีส่งคนมาฆ่าเขาถึงสามครั้ง
“ผมว่างานแต่งงานที่กำลังจะมีขึ้นในอีกสามวันน่าจะเลื่อนออกไปก่อนดีมั้ยครับท่านชีค”
สีหน้าของพ่อบ้านดาริมบ่งชัดว่ากังวลถึงงานแต่งงานที่จะมีขึ้นไม่น้อย กลัว...ว่าจะเกิดปัญหาเหมือนอย่างที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว
“ไม่! ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม”
ชีคหนุ่มปฏิเสธ ถึงอย่างไรเขาก็ต้องการแต่งงานมีทายาท ขอเพียงมีผู้หญิงสักหนึ่งคนที่รับทุกอย่างที่เขาเป็นได้ ยอมตั้งท้องให้กำเนิดบุตรแก่เขา บุตรที่จะเติบโตขึ้นปกครองหมู่บ้านเจมินและทรัพย์สมบัติมากมายที่เขาสร้างขึ้น
เพราะไม่มีทางรู้เลยว่าเขาจะมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ไปอีกนานสักแค่ไหน ดังนั้นเขามิอาจรอช้า ต้องรีบมีทายาทให้เร็วที่สุด!
“หายไปไหนมายายหนู เผลอหน่อยไม่ได้เลย นี่แอบไปเที่ยวเล่นมาอีกแล้วใช่มั้ย หา!”
จันทร์เพ็ญผู้เป็นป้าเอ็ดหลานสาวกำพร้าอย่างขัดใจ แต่ก็ทำได้แค่ดุด่าเสียงดังไปอย่างนั้นเอง ไม่เคยลงไม้ลงมือจริงๆ เสียที เพราะเธอส่งเสียเลี้ยงดูหลานสาวมาตั้งแต่ยังแบเบาะ มารดาของภัครติคือน้องสาวคนเล็กของเธอ เสียชีวิตพร้อมกับสามีด้วยอุบัติเหตุรถโดยสารพลิกคว่ำ ผู้โดยสารและคนขับร่วมสามสิบชีวิตเสียชีวิตคาที่ มีเพียงเด็กหญิงภัครติที่รอดชีวิตมาได้ราวกับปาฏิหาริย์ ดังนั้นเธอจึงเฝ้าเลี้ยงดูหลานตัวน้อยมาด้วยความรักและความสงสาร กอปรกับเธอครองตัวเป็นโสดไม่มีครอบครัว ความรักทั้งหมดของเธอจึงมอบให้สาวน้อยนามภัครติราวกับลูกในไส้
เธอจำต้องเดินทางมาทำงานเป็นแม่ครัวให้ชีคฮัยฟาอ์ นั่นเพราะเงินเดือนที่มากกว่าหลายเท่า ดังนั้นจึงต้องฝากภัครติไว้กับน้องสาวคนกลาง ภัครติเป็นเด็กฉลาด เรียนหนังสือเก่ง ชอบทำกิจกรรม เด็กสาวสมัครเรียนพรีดีกรี ซึ่งเป็นการเรียนแบบสะสมหน่วยกิตล่วงหน้า โดยเธอเก็บหน่วยกิตคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเปิดชื่อดัง ควบกับการเรียนมัธยมปลายไปด้วย ดังนั้นเมื่อเด็กสาวเรียนจบมัธยมปลายจึงเร่งเรียนเก็บหน่วยกิตที่เหลือภายในหนึ่งปี และจบปริญญาตรีตอนแค่อายุสิบเก้าปีเท่านั้น
จันทร์เพ็ญไม่รอช้า รีบสั่งให้ภัครติเดินทางมาอยู่กับตนที่นี่ทันที หวังให้เรียนรู้ประเพณี วัฒนธรรม และฝึกภาษาท้องถิ่น แล้วจึงจะให้ออกหางานทำที่นี่ ระหว่างนี้ให้เด็กสาวช่วยทำงานเล็กๆ น้อยๆ ในคฤหาสน์ไปก่อน ขืนทิ้งไว้ไกลหูไกลตาก็อดไม่ได้ที่จะเป็นห่วง เพราะหลานสาวโตเป็นสาวสะพรั่ง นับวันยิ่งสวยสดราวกับดอกไม้แรกแย้ม แต่ดูเหมือนเด็กสาวจะไม่รู้ตัว เพราะชอบแต่งตัวทโมน ทำตัวเป็นลูกลิงลูกค่าง ต้องคอยบ่นจนปากเปียกปากแฉะ
“เปล่านะคะ หนูไม่ได้ไปเที่ยวเล่นที่ไหนเลย เอ่อ...หนูแค่ไปห้องน้ำเองค่ะ นี่ไง หนูกำลังจะกลับมาทำความสะอาดต่อ” หญิงสาวรีบหยิบไม้ปัดขนไก่ขึ้นมาปัดฝุ่น
“ยังจะมาเถียงอีก เราน่ะโตแล้วนะยายหนู อีกไม่กี่วันก็จะอายุยี่สิบปีแล้ว ยังจะมัวห่วงเล่นเป็นเด็กๆ ไปได้...แล้วนี่อะไร”
จันทร์เพ็ญหยิบเศษใบไม้ที่ติดผมเปียออกมาแล้วจ้องหน้าหลานสาวเขม็ง เมื่อเห็นหญิงสาวได้แต่ทำหน้าเหยเกอย่างยอมจำนนต่อหลักฐาน เธอก็ส่ายหน้าด้วยความอ่อนใจ
“ห้องน้ำอะไรถึงได้มีใบไม้พวกนี้ติดผมมาด้วย บอกป้ามาเดี๋ยวนี้นะว่าไปเล่นซนที่ไหนมา ถ้าไม่บอกละก็ป้าจะหยิกให้เนื้อเขียวเลยเชียว” ไม่พูดเปล่าหญิงวัยกลางคนยื่นมือไปหมายจะหยิก แต่คนอ่อนวัยกว่ากลับกระโดดหลบได้อย่างรวดเร็ว
“อย่านะคะป้า!”
“ถ้าไม่อยากโดนหยิกก็บอกป้ามาเดี๋ยวนี้นะว่าไปที่ไหนมา”
“เอ่อ...ด้านหลังคฤหาสน์ค่ะ” หญิงสาวยิ้มแห้งๆ ก่อนจะตอบออกมาแต่โดยดี
“หลังคฤหาสน์! ตายแล้ว!”
“ใครตายหรือคะ”
“แน่ะ ยังจะมาทะเล้นอีก” จันทร์เพ็ญอดไม่ไหว ตีลงบนต้นแขนหลานสาวด้วยความหมั่นไส้
“อูย...เจ็บ” หญิงสาวลูบแขนป้อยๆ
“ว่าแต่หลังคฤหาสน์มีอะไรหรือคะ” หญิงสาวเอ่ยถาม เมื่อคิดถึงด้านหลังคฤหาสน์ ใจยังเต้นตึกตักไม่หาย ตาคมกร้าวของใครคนนั้นทำให้เธอรู้สึกร้อนวูบวาบได้อย่างน่าประหลาด
“ป้าลืมบอกไปเลยว่าท่านชีคไม่ชอบให้ใครไปเดินเพ่นพ่านตรงนั้น มันเป็นที่พักผ่อนส่วนตัวของท่าน” จันทร์เพ็ญหน้าเสีย เพราะรู้กันดีว่าชีคฮัยฟาอ์ผู้เป็นเจ้าของคฤหาสน์แห่งนี้หวงแหนสวนด้านหลังคฤหาสน์ยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด ผู้ที่มีสิทธิ์ย่างกรายเข้าไปได้จึงมีแต่คนสวน บอดีการ์ดส่วนตัว และพ่อบ้านคนสนิทเท่านั้น
“ท่านชีค...เอ่อ...” ภัครติมีท่าทางอึกอักก่อนจะเอ่ยถามสิ่งที่ค้างคาใจ “ใช่คนที่มีแผลเป็นที่หน้าหรือเปล่าคะป้า”
“ตายแล้ว! หนูเจอท่านชีคด้วยเหรอ”
“ก็ไม่เชิงเจอหรอกค่ะ” หญิงสาวไม่กล้าเล่าวีรกรรมของเธอทั้งหมด ไม่อย่างนั้นเธอคงต้องโดนบ่นด้วยเรื่องเดิมๆ ไปอีกหนึ่งเดือนเต็มแน่ๆ เพราะรู้นิสัยผู้เป็นป้าเป็นดี
“ไม่เชิงน่ะมันยังไง อย่ามาเล่นลิ้นนะ” จังหวะที่ภัครติเผลอจันทร์เพ็ญก็หยิกที่ต้นแขนด้วยความหมั่นไส้ในความดื้อของหลานสาวเหลือกำลัง “ถ้าไม่เล่ามาให้หมดแล้วป้ามารู้ทีหลังละก็ หนูจะโดนทำโทษ” ผู้เป็นป้าคาดโทษเสียงเข้ม
หญิงสาวนิ่งไปอึดใจ ใคร่ครวญดูว่าคุ้มหรือไม่หากบอกความจริงกับป้า ท้ายที่สุดเธอก็เลือกที่จะส่ายหน้า แล้วแสร้งเปลี่ยนเรื่องคุยไปเสียดื้อๆ