EP.1 ชายหน้าบาก
เจ้าของร่างสูงในชุดโต๊บ สีน้ำตาลอ่อน ซึ่งเป็นชุดสวมใส่ในชีวิตประจำวันเฉพาะในกลุ่มอาหรับ ยาวคลุมข้อเท้า ผ่าหน้ากว้างพอสำหรับสวมศีรษะได้ แขนเสื้อยาว นั่งดีดลูต ซึ่งเป็นเครื่องดีดชนิดหนึ่งคล้ายกีตาร์ อยู่บนพรมหนาริมหน้าต่างสูงที่โค้งมนคล้ายดอกบัวตูม เหนือขึ้นไปมีกระจกโมเสกสีขาวขุ่นและสีน้ำเงินกรุเป็นลวดลายเรขาคณิต ผนังห้องสีส้มอิฐประดับภาพวาดรูปนกอินทรีขนาดใหญ่ เป็นเจ้าแห่งท้องฟ้าผงาดเหนือผู้ใด ในตัวนกประกอบด้วยตัวอักษรอาหรับร้อยเรียงกัน
ผนังห้องอีกด้านหนึ่งมีหนังสือนับพันเล่มเรียงรายแน่นขนัดจดเพดาน ภายในห้องไม่มีเครื่องใช้ไฟฟ้า หรือสิ่งอำนวยความสะดวกทันสมัยใดๆ มีเพียงตะเกียงน้ำมันฉลุลายแขวนไว้ทำหน้าที่ส่องสว่างยามค่ำคืน แต่เมื่อเป็นเวลากลางวัน หน้าต่างทุกบานจะเปิดกว้างเพื่อรับแสงธรรมชาติจากภายนอก กลางห้องมีแท่นไม้สี่เสาปูทับด้วยพรมสีเข้ม เสาทั้งสี่ด้านพาดพันด้วยผ้าสักหลาดหนาหนัก ดูน่าเกรงขาม
นี่คือห้องพักผ่อนซึ่งเป็นห้องโปรดของเจ้าของคฤหาสน์ที่ประดับตกแต่งอย่างประณีต คงไว้ซึ่งสถาปัตยกรรมอาหรับโบราณแทบทุกกระเบียดนิ้ว นั่นเพราะเจ้าของคฤหาสน์แห่งนี้มีความภูมิใจในเชื้อชาติและแผ่นดินเกิดของตนเป็นอันมาก แม้ว่าก่อนหน้านี้เขาจะไม่เคยรู้เลยว่าใครเป็นผู้ให้กำเนิดตนเองก็ตาม
ท่วงทำนองเพลงเศร้าดังแผ่วไปตามสายลม คนในคฤหาสน์ต่างคุ้นชินกับเสียงดนตรีที่ไม่ต่างจากเสียงร่ำไห้ของผืนทรายยามรัตติกาล แต่ไม่ใช่เด็กสาวอย่างภัครติ เด็กสาวเพิ่งมาทำงานที่นี่เป็นวันที่สอง วันแรกนั้นแทบไม่ต้องพูดถึงเพราะเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางจนนอนหลับสลบไสล ดังนั้นวันนี้จึงเป็นวันทำงานที่แท้จริง และเป็นครั้งแรกที่เธอได้ยินเสียงเพลงนี้
“เพลงเศร้าจัง...เศร้าจนอยากจะร้องไห้เลย”
เสียงเพลงทำให้สาวน้อยวัยสิบเก้าปีใจหาย เธอรับรู้ได้ถึงความเศร้าโศกจนอยากรู้ว่าใครหนอเป็นผู้บรรเลงบทเพลงบาดจิตนี้ เธอเดินตามเสียงดนตรีนั้นไปเรื่อยๆ โดยทิ้งงานเช็ดถูตู้เก็บเครื่องลายครามที่ผู้เป็นป้ามอบหมายให้ทำเอาไว้เบื้องหลัง
ด้านหลังคฤหาสน์ตกแต่งคล้ายสวนป่า ไม่น่าเชื่อเลยว่ารัฐที่ดูแห้งแล้งจะปลูกต้นไม้ได้เขียวชอุ่มขนาดนี้ แต่อย่างว่าละ เงินบันดาลได้ทุกสิ่ง เธอได้ยินป้าเล่าว่าเจ้าของคฤหาสน์แห่งนี้รวยมาก รวยชนิดที่ว่านั่งกินนอนกินไปอีกสิบชาติก็ไม่หมด
“ว้า เลยไม่เห็นเลยว่าใครกำลังเล่นเพลงนี้อยู่”
หญิงสาวมองพุ่มไม้ขนาดใหญ่ที่บดบังหน้าต่างบานสูงเอาไว้ พยายามเขย่งปลายเท้า แต่ความสูงของเธอช่างไม่เอื้อเอาเสียเลย อุตส่าห์เดินตามเสียงเพลงมาถึงนี่แล้ว ถ้าจะเดินย้อนกลับไปโดยไม่ได้เห็นหน้าคนเล่นเพลงนี้คงน่าเสียดายแย่ หญิงสาวชั่งใจอยู่เพียงนิดก็เหลือบเห็นต้นไม้ใหญ่ไม่ไกลจากบริเวณพุ่มไม้นัก
“แบบนี้สิ ค่อยน่าสนุกหน่อย” หญิงสาวถลกแขนเสื้อเชิ้ตลายตารางขึ้น ส่วนกางเกงยีนขาสามส่วนนั้นไม่ใช่ปัญหา ไม่กี่อึดใจเธอก็ปีนป่ายขึ้นไปบนต้นไม้ด้วยความคล่องแคล่ว
แล้วในที่สุดหญิงสาวก็ปีนขึ้นมาได้สำเร็จ เธอชะเง้อมองเข้าไปในหน้าต่าง เห็นชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ ผมสีดำหยักศกยาวจนขมวดมวยไว้เหนือท้ายทอยได้ เขากำลังนั่งดีดเครื่องดนตรีสายที่มีรูปทรงคล้ายกีตาร์ด้วยดวงตาหม่นเศร้า และที่น่าตกใจที่สุดก็คือ ใบหน้าด้านหนึ่งของชายหนุ่มมีแผลเป็นขนาดใหญ่ แผลนั่นทำให้ใบหน้าหล่อเหลาของเขาดูน่ากลัวราวกับอสูรร้าย
บทเพลงที่เขาบรรเลงทำให้เธอรู้สึกหวิวโหวงในหัวใจ หญิงสาวนั่งนิ่งอยู่บนต้นไม้เพื่อฟังเสียงดนตรี มองเหม่อคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย จึงไม่รู้ว่าเพลงหยุดลงนานแล้ว พร้อมๆ กับดวงตาคมกร้าวที่มองมายังเธออย่างไม่ชอบใจ
“เธอเป็นใคร!” เจ้าของเสียงดุทรงอำนาจตวาดลั่น
เท่านั้นเองคนตัวเล็กที่นั่งอยู่บนต้นไม้จึงหันกลับมามองคนตัวโตที่ยืนอยู่เบื้องล่างด้วยความตกใจ และนั่น...ทำให้เธอหงายหลังร่วงหล่นลงมาจากต้นไม้
“ว้าย!”
หญิงสาวหวีดร้อง พยายามคว้ากิ่งไม้เอาไว้ แต่ไม่ทัน เธอคิดว่าคงร่วงหล่นลงมากระแทกพื้นดินแน่ๆ แต่ผิดคาด เธอหล่นลงมาในอ้อมแขนทั้งสองข้างของชายหนุ่มหน้าตาอัปลักษณ์ ที่บัดนี้ใช้แผ่นหนังสีดำปิดดวงตาและใบหน้าข้างหนึ่งเอาไว้ ไม่ได้เปิดเปลือยอย่างตอนที่กำลังเล่นลูต
ภัครติเบิกตากว้างเมื่อได้สติ ใบหน้าหวานมอมแมมซีดเผือด เมื่อเขาปล่อยเธอจากอ้อมกอด เธอก็ก้มหน้างุดเอ่ยขอโทษชายหนุ่ม “ขอโทษค่ะ”
เมื่อสิ้นสุดคำขอโทษ เจ้าตัวก็โกยแน่บวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว
ชายหนุ่มมองตามหลังหญิงสาวที่แต่งตัวทะมัดทะแมงด้วยความแปลกใจ ใบหน้ามอมแมม ผมยาวจดเอวทั้งสองข้างถักเปียเอาไว้ คงยังเด็กถึงได้มาปีนป่ายเล่นแถวนี้ ว่าแต่เป็นลูกหลานของใคร หรือจะเป็นหลานสาวของแม่ครัวจันทร์เพ็ญ ที่พ่อบ้านบอกเขาเอาไว้หลายวันแล้วว่าจะมีเด็กรับใช้คนใหม่เข้ามาทำงานที่คฤหาสน์
สงสัยว่าจะเป็นเด็กกะโปโลคนนี้กระมัง
สองมือหนาไขว้ไปทางด้านหลัง ปล่อยลูตทิ้งไว้บนพื้นพรมอย่างไม่คิดจะหยิบมันขึ้นมาเล่นอีก เจ้าของร่างสูงเหม่อมองออกไปยังท้องฟ้าอย่างไร้จุดหมาย ไม่สิ...เขามีจุดมุ่งหมาย แต่ขืนบอกใครคงโดนหัวเราะเยาะ คนที่มีเงินมีอำนาจอย่างเขากลับต้องการเพียงแค่การยอมรับจากผู้ให้กำเนิด ความรักความอบอุ่นจากครอบครัวที่เขาไม่เคยได้สัมผัสมันเลยสักครั้ง ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่ามันเป็นไปไม่ได้เลย
ชีคหนุ่มยกมือขึ้นจับใบหน้าซีกขวาของตนเอง ใบหน้าน่าเกลียดน่ากลัวที่เมื่อใครพบเห็นก็ต้องผงะด้วยความตกใจ มันคือบาดแผลที่จารจารึกถึงชาติกำเนิดที่บิดเบี้ยวในอดีต มีนายแพทย์ศัลยกรรมมือดีของโลกมากมายเสนอตัวผ่าตัดแปลงโฉมให้เขา ทว่าเขากลับปฏิเสธโดยไม่เสียเวลาตรึกตรองเลยสักนิด นั่นเพราะเขาต้องการเก็บบาดแผลนี้ไว้เตือนใจตัวเอง ให้รอยแผลย้ำชัดถึงอดีตที่ปวดร้าว ให้รอยแผลเป็นเครื่องพิสูจน์และคัดกรองคนที่จะก้าวเข้ามาในชีวิตของเขา ซึ่งนับว่าแผลเป็นอัปลักษณ์นี้ทำหน้าที่ได้ดีทีเดียว มันไม่เพียงคัดกรองคน แต่ยังสร้างความหวาดผวาให้ผู้พบเห็น จนไม่มีใครอยากใช้ชีวิตคู่กับเขาฉันสามีภรรยา