คุณหมอพิรัชที่หันรีหันขวางทำตัวไม่ถูกรีบหันขวับมาทันทีที่ได้ยินชื่อที่น้องชายเอ่ยเรียก เพราะหากเป็นอันดาจริง ๆ คงถูกนายหัวปราบเพื่อนรักของเขาคงฆ่าล้างโคตรแน่ ๆ เนื่องจากบังอาจฉกเจ้าสาวมาในวันแต่งงาน
แต่ร่างที่อยู่ในอ้อมกอดน้องชายนั้นหาใช่เจ้าหล่อนไม่ หากแต่เป็นผู้หญิงอีกคน เขาจำได้ว่าเป็นเด็กนักศึกษาที่มาทำงานพิเศษในร้าน
พิธานตกใจก่อนจะก้มลงพิจารณาใบหน้าของผู้หญิงที่เขากอดรัดไว้แนบแน่นในอ้อมอกอย่างจริงจัง
“ มีน ! ”
เขาผงะทันทีที่เห็นเธออย่างชัดเจน กิริยานั้นทำให้เธอชาวาบตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า
..มีนเอ๋ย ยัยผู้หญิงหน้าไม่อาย..
เธอรีบลุกขึ้นจากโซฟาแล้วพยายามวิ่งออกไปจากห้อง แต่ถูกมือแข็งแรงจากร่างสูงใหญ่ของคุณหมอพิรัชคว้าหมับเอาไว้ก่อน
“ เดี๋ยวก่อน อย่าพึ่งไป ” เธอก้มหน้างุด พยายามแกะมือใหญ่นั้นออกพลางส่ายศีรษะไปมา
“ ปล่อยมีนเถอะค่ะคุณหมอ ขอให้มีนไปเถอะ ”
“ ไม่ได้ น้องชายผมล่วงเกินคุณ เป็นลูกผู้ชาย เป็นสุภาพบุรุษต้องรับผิดชอบในการกระทำที่เกิดขึ้น ” พิธานที่นั่งอึ้งอย่างทำอะไรไม่ถูก ได้ยินดังนั้นก็เงยหน้าขึ้นมามองทันที
“ นี่มันเกิดอะไรขึ้นพิธาน ทำไมเป็นแบบนี้ ” ชายหนุ่มได้แต่นั่งนิ่งอยู่อย่างนั้นราวกับช็อค คุณหมอจึงส่งเสียงเข้มมาอีกครั้ง
“ ตอบพี่ พิธาน ! ” จึงได้เอ่ยตอบเสียงอ้อมแอ้ม
“ ผมจำได้ว่าขับรถผ่านร้านแล้วเห็นไฟเปิด คิดว่าขโมยเข้าร้านเลยแวะมาดู เจอมีนกำลังหากุญแจห้องอยู่ ผมช่วยหาแล้วก็เจอด้วย มีนก็ขับรถกลับบ้าน ผมอยากอยู่คนเดียวเงียบ ๆ เลยหยิบเตกีร่ามานั่งจิบในห้องแล้วเผลอหลับไป ” คุณหมอพิรัชมองขวดเปล่าที่ล้มเท้งเต้งอยู่ด้านข้างโซฟาแล้วส่ายหน้า
“ จิบซะเกลี้ยงขวดเลยนะ กินจากในงานก็มากพออยู่แล้ว ”
“ ก็นั่นแหละพี่ ผมรู้ตัวว่าถ้าขับรถไม่ไหวก็จะนอนที่โซฟาให้สร่างก่อน ผมจำได้นะว่านอนลงไปแต่ไม่รู้หลับตอนไหน ตื่นมาอีกทีก็ เอ่อ.. ” เขามองไปที่มีนา ซึ่งตอนนี้อยากจะมีมนต์วิเศษเสกให้ตัวเองหายวับไปจากตรงนั้น แต่ความจริงทำได้เพียงแค่ดึงเสื้อแขนยาวมาคลุมไว้แล้วก้มหน้างุด
“ ผมจำได้แค่ว่าเห็นอันดา ผมก็เลย.. ”
“ แล้วมีนมาได้ยังไงครับ กลับไปแล้วไม่ใช่เหรอ ” คุณหมอหันไปถามหญิงสาว ตัดบทรายละเอียดที่พิธานอึกอักอยู่ในลำคอ
“ มีนออกมาทำธุระที่ตู้เอทีเอ็ม ผ่านหน้าร้านเห็นเจ้านายลืม ปิดไฟหน้ารถ โทรหาก็ไม่รับ เลยเปิดประตูเข้ามาตั้งใจจะบอกให้ไปปิดไฟค่ะ ” เธอตอบมาแผ่วเบา คุณหมอหนุ่มพยักหน้านิด ๆ อย่างเข้าใจ คงจะพอเดาสถานการณ์ในส่วนที่เหลือได้
“ พิธานเมาเลยเห็นมีนเป็นอันดา แบบนี้ใช่ไหม ” คนก่อเรื่อง ได้แต่พยักหน้าเบา ๆ ด้วยสีหน้าเจื่อน ๆ
“ พิธานต้องรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้นเพราะมีนเสียหาย ” มีนาเงยหน้าขึ้นตาเบิกโพลง ส่ายหน้าดิก
“ เอ่อ ไม่ ไม่เป็นไรค่ะ มีนกับคุณเจ้านายยังไม่ได้ เอ่อ ยังไม่มีอะไรลึกซึ้งขนาดนั้น ไม่ต้องอะไรทั้งนั้นค่ะ ”
“ ไม่ได้หรอกมีน คุณเสียหาย ผมไม่มีสติเอง ผมต้องขอโทษมีนด้วย และผมยินดีรับผิดชอบ คุณจะเอายังไงว่ามาเลย ” พิธานเอ่ยหน้าเครียด ถึงเขาจะไม่ปฏิเสธ แต่แววตาของเขามันสะท้อนออกมาถึงความเจ็บปวดเหลือเกินที่ได้ทำพลาดพลั้งลงไป ท่าทางที่เขาผงะและถอยห่างจากเธอเมื่อครู่มันก็ทำให้เธอรู้สึกด้อยค่ามากพอแล้ว
“ ไม่ค่ะ ไม่ต้องอะไรทั้งนั้น เราลืมมันไปนะคะ มันเป็นแค่อุบัติเหตุ ขอร้องอย่าพูดถึงมันอีกเลย มีนอยากกลับแล้ว แฟนมีนรออยู่ที่ห้อง ขอตัวนะคะ ” เธอพูดโกหกเพื่อให้อีกฝ่ายยอมปล่อย จากนั้นจึงรีบวิ่งออกจากร้าน ตรงไปยังรถจักรยานยนต์แล้วขับออกไปทันที เธอขับรถเร็วอย่างที่ไม่เคยขับมาก่อน คล้ายกับอยากจะหนีหายไปจากตรงนั้นให้เร็วที่สุด ไกลที่สุดจากเหตุการณ์อันน่าอับอายที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้เหลือเกิน
เมื่อถึงห้องพัก หญิงสาวรีบวิ่งเข้าไปแล้วฟุบหน้าลงกับหมอน ปลดปล่อยน้ำตาที่กลั้นมานานให้มันท่วมท้น ร่างเล็กสะอื้นจนตัวโยน
ทำไมทำตัวแบบนี้นะ ทำไมเป็นผู้หญิงใจง่ายที่ยอมปล่อยกายใจให้กับผู้ชายที่ไม่ได้รักเชยชม ทำไมไม่รู้จักหักห้าม ทำไมถึงอยากรู้อยากเห็นจนลืมความผิดชอบชั่วดี ทำไมปล่อยให้ความรู้สึกอยู่เหนือความถูกต้อง
แล้วเห็นหน้าเขาไหม เห็นหน้าเจ้านายไหม แววตาของเขาเมื่อรู้ว่าผู้หญิงในอ้อมกอดไม่ใช่อันดา เขามีปฏิกิริยาอย่างไร เขาตกใจจนแทบสิ้นสติ
คิดได้ดังนี้เสียงสะอื้นก็ยิ่งดังขึ้น ๆ เธอร้องไห้อยู่นานเท่าไรไม่รู้ สุดท้ายก็เหน็ดเหนื่อยจนกระทั่งหมดเรี่ยวแรงและหลับไป
***
“ ไง ไอ้เสือ ”
หมอพิรัชหันมาหาน้องชายที่นั่งหน้าสลด แววตาแห้งแล้งเช่นเดียวกับหัวใจที่แห้งเหือด เสียใจก็เข้าใจ แต่ไม่น่าทำอะไรไร้สติถึงขั้นนั้น โดยเฉพาะผู้หญิงอย่างมีนาที่เป็นลูกน้องในร้าน ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกผิด
“ ผมผิดไปแล้วพี่ ผมขอโทษ ผมเมาจริง ๆ ”
“ ถึงมีนจะไม่เรียกร้องอะไร แต่เดี๋ยวก็ต้องคุยอีกทีแหละ เมื่อกี้คงอายมาก ว่าแต่ว่ายังไม่ได้อะไรกันแน่นะ ”
“ ก็..เอ่อ แค่ภายนอกน่ะพี่ ”
“ จะภายนอกภายในยังไงเธอก็เสียหายอยู่ดี เธอเป็นผู้หญิง ”
“ ผมรู้ครับพี่ ไม่ได้จะเถียงสักหน่อย เดี๋ยวผมโทรไปคุยกับเธอเอง ”
“ เอาไว้พรุ่งนี้ค่อยโทรดีกว่า โทรไปตอนนี้เดี๋ยวแฟนเขารับขึ้นมาจะบ้านแตกสาแหรกขาดเอาได้ เห็นบอกต้องรีบกลับเพราะแฟนรออยู่ที่ห้อง ”
“ ครับ ”
“ ไป กลับบ้านกัน ไปรถพี่ รถแกทิ้งไว้นี่แหละ เมาไม่ขับ ปลอดภัยสุด ”
แล้วพี่ชายก็เดินเข้าไปประคองร่างยับยู่ยี่ที่เต็มไปด้วยกลิ่นแอลกอฮอล์ของน้องชายเดินขึ้นรถ ก่อนจะขับตรงกลับบ้านในทันที