Are you Sheik or Mafia? / Ep.7 (ฝนตกขี้หมูไหล คนจัญไรมาพบกัน)

3288 คำ
“งานอะไร ขายตัวเหรอ ยี้ไม่เอาหรอก” เธอทำหน้าเหยเกพร้อมย่นจมูกขึ้นขณะงมหาเศษเหรียญในกระเป๋าคาดเอวมาทอนให้ลูกค้าที่เอาแต่มองรูปร่างหน้าตาเธออยู่นั่น “นี่ หาว่าฉันเป็นแม่เล้าเหรอยะ แต่ อืม ไม่ใช่ก็ใกล้เคียงอ่ะนะ แต่ฉันจะบอกหล่อนไว้เลยว่าถ้าหล่อนทำแล้วจะติดใจเพราะคนที่ฉันแนะนำงานนี้ให้ได้ดีกันทุกคนนะยะ มีเงินเก็บเป็นแสนเป็นล้านเชียว” เมื่อคนฟังเงยหน้าชะงักอ้าปากค้างดวงตาเป็นประกายเขาจึงเริ่มขยับเข้าใกล้เพื่อรุกแม่ค้าปากมอมแต่หน้าสวยคนนี้ต่อ “ไง สนใจล่ะสิ” “ใช่ สนใจ สนใจมาก” วิลายัดเงินเป็นแบงก์ยี่สิบแทนเหรียญ “ฉันลดให้ แต่ต้องแลกกับอะไรอย่างนึงนะ เพราะเกิดมาฉันไม่เคยเจอผู้ชายคนไหนที่ทำให้ฉันตาค้างได้ขนาดนี้เลย” “หืม อะไรนะชะนี สรุปคือหล่อนไม่ได้ฟังที่ฉันเล่า?” “เถอะน่า เร็วๆช่วยหน่อยฉันแถมเสื้อกล้ามให้ตัวนึงเลยเอาถ้าเธอขอเบอร์หรือไลน์คนนั้นได้” “แหม ชะนีปากตลาดแต่มาตายน้ำตื้นเพราะผู้หล่อ” เธอยืนเท้าสะเอวพลางบ่นแต่ในใจรู้สึกอยากได้เสื้อกล้ามตัวนั้น “ไหนคนไหน?” “นั่นไง เสื้อขาวผมสกินเฮดเร็วเข้า!” พอเดินไปได้สองก้าวจึงหยุดถาม “เดี๋ยวนะ เราสนิทกันตอนไหน?” “โธ่ เร็วๆเข้าให้ชุดเดรสเลยเอา” ภควรรณวิลาชักกลัวว่าหนุ่มหล่อที่เดินมากับกลุ่มเพื่อนคนนั้นจะผ่านหน้าร้านไปเสียก่อนเธอจึงผลักหลังลูกค้าหน้าหยกไปหา ร่างเพรียวผอมทอดกายลงนั่งบนเก้าอี้พลาสติกหน้าร้านพลางส่งยิ้มหวานไปให้เขาที่หันมามองมาตามการชี้นิ้ว ดวงตาสบมองเธอเข้าพอดี เธอเขินจนรีบวิ่งไปหลบหลังร้านรอจนกว่าหนุ่มคนนั้นเดินไปไกล และแล้วก็ถึงเวลาที่ต้องยื่นหมูยื่นแมวกัน “เค้าชื่อ?” “ชื่อโอห์ม” “อะนี่เสื้อกล้าม” เธอยื่นเสื้อกล้ามไปให้หลังทราบชื่อหนุ่มรูปหล่อคนนั้น “เอาเบอร์มาดิ” “ไหนว่าให้เดรส?” “เออ” เธอจึงจำใจหยิบเดรสให้หนึ่งตัวด้วยความเสียดาย “แต่ไหนล่ะเบอร์?” “อ่ะนี่” อีกฝ่ายจึงยื่นช็อตโน้ตให้ “เดี๋ยวนะ นี่เดรสทรงอะไรของเธอเนี่ย หลุดQCเหรอยะ?!” ลูกค้าหน้าหยกหยิบชุดที่เหมือนมองไม่เห็นเป็นรูปเป็นทรงไม่รู้ช่วงแหว่งๆจะยัดหัวหรือยัดแขนใส่กันแน่ “โอ๊ยหล่อนอย่าโง่ นี่ชุดแขนเดียวอีกข้างเปิดโชว์ไหล่แล้วก็โชว์หลังด้วย แบบที่ซินดี้ใส่นี่ไงเค้าฮิตกันจะตาย” เธอดึงภาพขนาดห้านิ้วที่เป็นรูปนางแบบชุดซึ่งเป็นดาราดังสวมใส่ “ใส่แล้วสวยเหมือนซินดี้มั้ยนะ” “สวย” เธอลากเสียงยาว “โอเคตอแหลดี ถือว่าเข้ากันได้ เอาล่ะ มา ฉันช่วยเธอเก็บร้านนะนังแม่ค้าปากตลาด ฉันชื่อดิว หรือใครๆชอบเรียกว่าดิวลดา เธอล่ะ?” “อืม ฉันชื่อวิลา” แล้วมิตรภาพความเป็นเพื่อนก็เริ่มต้นขึ้น ทั้งที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนแต่เหมือนมีเคมีบางอย่างที่ทำให้ทั้งสองดูสนิทสนมกัน อาจจะเพราะนิสัยที่ดูห้าวและไม่กลัวใครของภควรรณวิลากับนิสัยเฮฮาช่างเจรจาเข้ากับคนได้ง่ายของอีกคนด้วยกระมังถึงได้เข้ากันได้ดีเป็นปี่เป็นขลุ่ย “นี่ เอางี้ไหม ฉันพูดตรงๆเลยนะ เธออยากเป็นพริตตี้หรือสายเอ็นฯมั้ย?” ดิวลดาสบโอกาสถามระหว่างที่ทั้งสองแบกถุงกระสอบลายทางเจ็ดสีที่ใส่เสื้อผ้า “ไม่หรอก เพราะฉันจะไปทำงานเสิร์ฟ แต่ถ้างานที่เธอเสนอเป็นงานที่สบายได้เงินดีกว่าก็ค่อยว่ากัน” “งานดีกว่า สบายกว่า และได้เยอะกว่าสองเท่าย่ะชะนี ฉันไม่อยากจะคุยหรอกนะ เธอต้องไปเห็นด้วยตาก่อน ฉันไม่มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรแต่แค่เสียดายคนหุ่นดีๆมีต้นทุนใบหน้าที่ดีแบบไม่ต้องลงทุนศัลยกรรมเลยแบบเธอน่ะ สวยเลิศขนาดนี้ก็ใช้มันให้เกิดประโยชน์สิยะ” “เออๆ” เธอตอบพลางลอบชำเลืองมองตั้งแต่หัวจรดเท้าของเพื่อนใหม่อย่างระแวงในใจ เผื่อว่าจะมีอาวุธร้ายจะได้รีบควักมีดพกขนาดเล็กในกระเป๋ามาสู้ แต่ดูๆแล้วหล่อนคนนี้คงไม่โง่มาคิดปล้นคนอย่างเธอหรอก เพราะสังเกตจากการที่ผู้คนทักเธอตลอดทางซอยเล็กๆที่เต็มไปด้วยหอพักตึกน้อยใหญ่นั้นทำให้รู้ว่าแม่ดิวลดาคนนี้เป็นที่รู้จักมากมาย แอบมองยี่ห้อรองเท้าแตะ นาฬิกาหรือแม้แต่กลิ่นน้ำหอมก็ดูท่าว่าจะมีรสนิยมสูงใช้ของแพงเงินในกระเป๋าคงหนากว่าเธอหลายเท่า เปล่าประโยชน์ที่จะมาเสียเวลากับเธอ ถ้าคิดอีกทางในเรื่องอนาจาร ดูแล้วยิ่งเป็นไปได้ยาก ก็หล่อนคนนี้ท่าเดินหวานกว่าเธออีก และแน่นอน หล่อนชอบผู้ชาย “โอ๊ยแล้วเมื่อไหร่จะถึงเนี่ย หอพักหล่อนอีกไกลไหม” “ใกล้ถึงแล้วน่า” “ว้าย ห้องพัดลมเนี่ยนะ อย่าหาว่าฉันบูลี่เลยนะ เธอทำงานเดือนนึงได้ติดแอร์ใหม่หรือเผลอๆได้เช่าคอนโดฯเลยนะยะ” ดิวลดาวิจารณ์สภาพห้องพักของเธอตามความจริง อาจจะฟังดูแรงไปบ้างแต่เธอคิดว่าการพูดความจริงย่อมดีกว่าปิดปากเงียบ ทำแบบนั้นมันคงอึดอัดจะตายชัก สายธารสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงผู้ชายดังมาก่อนที่ตัวจะเข้ามาในห้องด้วยซ้ำ เธอจึงรีบลุกจากเก้าอี้และเดินไปสะกิดเพื่อนสาว “นี่ใครเหรอ? “อ๋อ โทษทีนะฉันลืมโทรมาบอกล่วงหน้าว่าจะมีเพื่อนมาด้วย นี่ดิว เธอพอจำได้ไหมคนที่เก็กแมนประกวดเดือนคณะปีที่แล้วไงแต่ตกรอบแรก ไม่ต้องตกใจนะนี่ไม่ใช่ผู้ชายจริงๆ เอ๊ย ฉันพูดผิด นี่ไม่ใช่ชายแท้” “แต่เป็นคนแท้ๆเหมือนกันนี่แหละจ๊ะ” ดิวลดาโผล่หน้ามาในวงสนทนา “ส่วนนี่ สายธารรูมเมทฉัน” “อืมฮื้ม ยินดีที่ได้รู้จักจ๊ะ เอางี้นะชะนี ฉันว่าเธอต้องรีบแต่งตัวซะ” “ไปไหนอ่ะแก” สายธารสะกิดเพื่อนพลางถามด้วยความเป็นห่วงอีกครั้ง “พาเพื่อนเธอไปขายตัวมั้งยะ ดูทำหน้าสิ เพื่อนหล่อนน่ะแก่แดดน่ากลัวกว่าฉันอีกไม่ต้องห่วงมันหรอก ห่วงตัวเองก่อนเถอะ” “ห่วงฉันทำไม?” คำถามของสายธารนั้นไม่ได้มีความโทสะ เธอถามด้วยสีหน้างุนงงตาใสซื่อแต่มันคงทำให้อีกฝั่งคิดว่าเธอยียวน “โอ๊ย พอๆทั้งสองคนหยุด เอาล่ะสายธาร ฉันว่าจะไปดูลาดเลางานใหม่ในผับนะ ไม่เป็นไรฉันเก่งดูแลตัวเองได้สบายมากเดี๋ยวยังไงฉันจะโทรหา ส่วนเธอนังดิวลดา นั่งรอฉันเงียบๆห้ามปากมากเพราะเพื่อนฉันจะอ่านหนังสือ” แต่กว่าที่ภควรรณวิลาจะแต่งตัวสวยถูกใจเธอก็สวมไปกว่าห้าชุด จนกระทั่งชุดสุดท้ายแม่ดิวลดาเป็นฝ่ายเลือกหาในตู้เสื้อผ้าให้เธอสวมใส่เอง เธอไปที่ผับหรูหราแห่งหนึ่งซึ่งมีการบริการหลายระดับชั้น “บอกไว้ก่อนเลยนะว่าฉันพกตังค์มาแค่สองร้อย” เธอเอ่ยกระซิบย้ำเตือนอีกครั้งโดยไม่ยอมเสียเปรียบง่ายๆ “เออ รู้แล้ว ไม่ต้องห่วงเลยนะนี่ถิ่นฉันย่ะ มากับฉันซะอย่างดีไม่ดีฉันและแกจะไม่ได้จ่ายแม้แต่บาทเดียว” แล้วดิวลดาก็ไม่ทำให้เธอผิดหวังเมื่อเธอได้ดื่มฟรีตลอดคืนเพราะถูกลากพาไปรู้จักกับเพื่อนแทบทั่วทั้งผับโดยการแนะนำของนังดิวลดา ช่วงเวลาผ่านไปกว่าสามเดือน ดิวลดาช่วยเปิดโลกทัศน์ใหม่ให้เธอรู้จักกับงานกลางคืนรายได้ดีและได้รู้จักกับเพื่อนใหม่นั่นคือ มิ้นท์ เฟย์ ทับทิม ลิลลี่ พวกหล่อนทั้งสี่คนนั้นสวยและหุ่นดีราวกับนางแบบแถมยังเรียนที่มหาลัยเอกชนชื่อดังอีกต่างหาก ฉายาของกลุ่มนี้คือแก๊งค์สวยสับไม่หลับใน แต่ดิวลดาแอบกระซิบบอกชื่อเก่าและเรื่องราวพอสังเขปของแต่ละคนให้เธอฟังว่า “ชื่อเก่าอีมิ้นท์คือนิล เป็นดี้ที่เลิกกับผัวทอมวันละแปดรอบแต่ไม่เลิกจริงสักที ส่วนอีเฟย์มันชื่อส้ม อีนี่โสดและใช้เงินเก่งและสัจจะไม่มีอย่าเผลอให้มันยืมตังค์ง่ายๆ สาวทับทิมคนนั้นมันชื่อเขียว ดูเรียบร้อยพูดน้อยกว่าใครในกลุ่มมันเป็นเมียน้อยเค้ามาตั้งแต่อยู่ม.ปลายแล้ว ส่วนอีลิลลี่ชื่อเก่ามันคืออีรัตน์ มึงอย่าไปเผลอเล่าเรื่องอะไรให้มันฟังมากอีนี่มันขี้นินทาและปากพล่อยสุดและเคยแต่งงานแล้วตอนม.ต้น ตอนนี้มันโสดกับลูกติดอีกหนึ่ง” ดิวลดาตะโกนใส่หูเธอแข่งกับเสียงเพลงดังในผับเธอแอบชำเลืองมองพวกหล่อนที่เต้นอยู่ไกลๆแล้วหันไปหัวเราะกับดิวลดาพร้อมวิ่งเข้าไปแจมกับแก๊งค์สวยสับออกลวดลายเต้นอย่างสนุกสุดเหวี่ยง เธอไม่ค่อยจะมีเวลาได้พูดคุยกับสายธารเท่าไหร่ แต่ในขณะเดียวกันเองเธอก็เริ่มสนิทกับเพื่อนสายเอ็นฯกลุ่มนี้มากขึ้น ยิ่งมีรายได้มาก ก็ยิ่งตกเป็นทาสของกระแสสังคมและสินค้าใหม่ๆให้คอยวิ่งตามและอัพเดตตลอดเวลา เช่น สมาร์ทโฟนโลโก้รูปผลไม้โดนแทะเครื่องละหลายหมื่น กระเป๋า เสื้อผ้า รองเท้า และแอคเซสเซอรี่จากหลักร้อยก็ค่อยๆไต่ไปหลักพันจนกระทั่งแตะไปถึงหลักหมื่น โดยแรกๆเธอจะเหนื่อยสักหน่อยในการพยายามถีบตัวเองให้เป็นที่ยอมรับ แต่เพราะไม่ยอมน้อยหน้าไปกว่าพวกนั้นจึงรับงานเยอะยิ่งขึ้น ผ่านไปหนึ่มเทอมการทำงานกลางคืนของเธอไปได้สวยพอๆกับเรื่องของหัวใจ ความรักระหว่างเธอ สาวนักศึกษาปีสองกับโอฬาร หรือ โอห์มเด็กหนุ่มชั้นมัธยมปีที่หกกำลังเบ่งบานและกระชุ่มกระชวยเป็นที่สุด ใครจะมองว่าเธอรักเด็กก็ช่างเถอะ เธอไม่สนและยึดคติที่ว่า ‘เด็กในวันนี้คือผู้ใหญ่ที่หล่อในวันหน้า’ แต่หารู้ไม่ว่าหายนะในรูปแบบของภาระกำลังบังเกิด เงินที่หามาได้ก็ต้องเปย์เด็กหนุ่มตลอด ทั้งการดูหนัง เลี้ยงข้าว หนักไปอีกก็จเป็นพวกเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า แทนที่เธอจะได้ใช้เงินที่ตนเองหามาโดยการรับงานเอ็นเตอร์เทนแขกจนขอบตาแทบจะกลายเป็นหมีแพนด้าเพราะนอนน้อยแต่ต้องฝืนร่างกายไปเรียนหนังสือให้ทันอีก ถ้าถามว่าเหนื่อยไหม เธอตอบเลยว่าเหนื่อย แต่มันคือความเหนื่อยที่เธอแสนจะสุขใจและเต็มใจ เธอชอบที่จะเห็นรอยยิ้มบาดใจของเขามากกว่า เรียกว่าแพ้ทางความหล่อ น่ารักและแสนจะขี้อ้อนของเขาเป็นที่สุด ภาพที่สายธารเห็นแล้วรู้สึกอิจฉาอยู่บ่อยๆก็คือการที่เห็นคู่รักสาวนักศึกษากับเด็กม.ปลายนั่งคุยกระหนุงกระหนิงกันในห้อง เธออาจจะอึดอัดเล็กน้อยที่มีคนนอกเข้ามาแวะเวียนห้องพักบ่อยๆแต่พอนานๆเข้าก็เป็นความเคยชินไป เห็นแล้วก็พลอยดีใจที่เพื่อนมีความรักให้ยึดเหนี่ยว ดูน่ารักไปอีกแบบที่เพื่อนของเธอไม่เคยมีอะไรกับเด็กคนนี้เลย เธอไม่อยากจะเชื่อหรอกนะเพราะบุคลิกของภควรรณวิลาแบบมองผิวเผินนั้นช่างดูก๋ากั่นแต่ดันบริสุทธิ์จนน่าทึ่ง การสัมผัสกันของคู่รักคู่นี้อย่างมากก็แค่หอมแก้มและคลอเคลียกันดูหนังและเล่นเกมส์ในช่วงเย็น พอตกค่ำก็แยกย้ายเพราะภควรรณวิลาต้องรีบเตรียมตัวไปทำงานแล้ว แต่วันนี้วันเสาร์คนโสดอย่างเธออาจจะรู้สึกระอาสักหน่อยเพราะโอฬารแฟนเด็กของเพื่อนเล่นเคาะประตูเข้ามาหาตั้งแต่เช้าแน่ะ ก๊อก ก๊อก ก๊อก “อือ มาแล้วๆเคาะรัวๆอยู่ได้” “หวัดดีฮะ วันนี้ผมว่างว่าจะมาขอเบียดเบียนwifiเล่นเกมส์สักวัน” “จ้า” เธอลากเสียงยาวออกจะประชดสักหน่อย “แล้วพี่สาวของผมยังไม่ตื่นสินะ โทรหาไม่รับเลย” เขามักเรียกวิลาว่าพี่สาวจนติดปาก ร่างสูงโปร่งเดินตรงดิ่งไปที่เตียงนอนที่มีสาวสวยนอนคว่ำหน้าหลับเป็นตายเพราะเลิกงานเอาเกือบสว่าง เขาหยิบหมอนหนึ่งใบขึ้นมาตีลงที่ก้น ฟุ่บ “ตื่นได้แล้วค้าบ” “อื้อ” “นี่ เหนื่อยไหมค้าบพี่สาว” ขาแทรกตัวขึ้นไปนั่งบนเตียงนอนใช้หมอนพิงหลังนั่งข้างๆคนที่หลับปุ๋ยอยู่ “ยืมมือถือเล่นเกมส์หน่อย” “งืม” เธอพยักหน้าอนุญาต ส่วนเขาก็ใช้มือถือเธอนั่งเล่นเกมส์อย่างเมามันส์ ภควรรณวิลาเอื้อมแขนควานหาเด็กหนุ่มเธอขยับศีรษะนอนหนุนตักเขาที่เอาแต่จ้องหน้าจอมือถือ “บอกว่าอย่าดื่มเยอะเห็นไหมหมดสภาพเลยเนี่ย” เขาหยิกแก้มนุ่มและหันมาสนใจเกมส์ต่อ ภควรรณวิลานอนยิ้มแก้มปริ เธอช่างมีความสุขเหลือเกิน “พี่สาวผมขอยืมมือถือพี่ไปโรงเรียนสักวันดิ” “หือ? ไม่เอา ถ้าตัวเองยืมไปแล้วพี่จะใช้อะไรล่ะ” “ก็ของผมไง เปลี่ยนกันสักวันสองวันเถอะนะ นะ นะ” “ชิ เครื่องละห้าพันจะเปลี่ยนกับเครื่องละสามหมื่น” “ทำไม กลัวเห็นความลับในเครื่องล่ะสิ” “เปล่าเสียหน่อย ถ้าพี่มีความลับคงไม่ตั้งค่าเพิ่มใบหน้าตัวเองเข้าใช้งานเครื่องด้วยหรอก” เธออธิบายเสียงงัวเงีย “เชื่อได้เรอะ ดูสิ มีเบอร์แปลกโทรมาด้วย” “หือ?” เธอผงกศีรษะขึ้นมองหน้าจอพลางมองสีหน้าบึ้งตึงของแฟนหนุ่ม “รับสิ แล้วให้ผมได้ยินด้วย” “โอเค” เธอรีบรับและเปิดเสียงลำโพงไว้ ‘ตึกสีครีมห้าชั้นกลางซอยมีม้าหินอ่อนเก่าๆสองชุดตรงหน้าใช่มั้ยลูก? ตอนนี้พ่ออยู่หน้าหอพักเราแล้วนะลงมาหาพ่อหน่อย’ หัวใจเธอเต้นแรงประกอบกับสายธารที่หันขวับมองเธอด้วยความประหลาดใจเช่นกัน เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่พ่อเธอโทรมา “พ่อรู้ได้ไงคะว่าหนูอยู่ที่นี่” เธอเอ่ยถามผู้พ่อด้วยท่าทีเก้กังเมื่อเงยขึ้นมองไปที่ระเบียงชั้นสามพบสายธารโผล่หน้าแอบมองด้วย ใช่ สายธารเธอดูตื่นเต้นและดีใจไปกับเธอเสมอ “พ่อไปหาเราที่บ้านป้าน่ะ ทราบข่าวว่าป้าเสียแล้วพ่อก็ตกใจเหมือนกันและไม่มีใครส่งข่าวนี้เลย” “มันฉุกละหุกค่ะหนูเลยไม่ได้บอก ถึงบอกพ่อก็คงไม่ว่างมาอยู่แล้ว” “แล้วเพิ่งตื่นหรือเราฮื้ม ทำไมตื่นสายจัง” “ก็วันนี้ไม่มีเรียนนี่คะ” เธออธิบายพลางขยี้เปลือกตาป้อยๆ ไม่พร้อมบอกหรอกน่าว่าทำงานกลางคืน “แล้วได้เงินจากไหนใช้ฮื้ม” “ก็ ป้าให้ไว้แต่ตอนนี้ใกล้หมดแล้วค่ะ” เธอเริ่มยืนบิดตัวไปมาพร้อมเกาท้ายทอยขณะที่เหลือบมองพ่อกำลังควักกระเป๋าสตางค์ออกมา แต่พอเห็นภาพลูกแฝดของเขาสองคนในกระเป๋าสตางค์แล้วก็ต้องเบือนหน้าหนี กัดริมฝีปากแน่น มองไปที่รถปิกอัพสี่ประตูสีบลอนด์ที่พ่อขับมาที่ตรงท้ายกระบะมีลังสินค้าเต็มไปหมด แสดงว่าพ่อคงแอบมาหาเธอและใช้ข้ออ้างว่ามาซื้อของเข้าร้านกระมัง พ่อโชคชัย สุวรรณมายา เป็นเถ้าแก่เปิดร้านขายของขนาดใหญ่ใจกลางอำเภอและบ้านท่านไม่ได้อยู่ห่างกันมากจนจะลำบากในการเดินทางหรอก พ่อแค่ไม่ได้สนใจเธอแล้วต่างหาก “ป้าไม่อยู่แล้วลูกคงลำบาก ยังไงก็โทรมาขอพ่อได้นะ แล้วก็นี่ใช้อย่างประหยัดด้วย” พ่อดึงมือเธอไปและยัดแบงก์สีเทาจำนวนแปดใบให้ เธอรับเอาไว้แล้วไหว้ย่อด้วยท่าทางแข็งกระด้าง “ไม่เจอนานเกือบปีโตเป็นสาวแล้วนะลูกพ่อ อะไรดลใจให้ทำผมสีนี้ล่ะฮื้ม?” ผู้พ่อเพ่งมองผมสีบลอนด์ของลูกสาวอย่างแปลกใจ “ก็แฟชั่นไง” เธอเอ่ยอย่างเคอะเขิน “พ่อว่าสีดำก็น่ารักอยู่แล้วนะ” มือเอื้อมออกไปลูบศีรษะลูกเบาๆ “แต่แบบนี้ก็สวยไปอีกแบบ เอาล่ะพ่อต้องไปแล้ว ไว้จะแวะมาหาใหม่นะ ตั้งใจเรียนนะลูก” “ค่ะพ่อ” เป็นวินาทีที่เธอรู้สึกสุขจนล้นปรี่ แม้ว่าท่านจะไม่ได้อยู่คุยนานแต่เธอก็ยังรู้สึกมีความสุขและดีใจเหลือเกิน ใบหน้าเรียวสวยเอนซบไหล่โอฬารพลางอมยิ้ม “แหม พ่อให้เงินแล้วยิ้มทั้งวันเลยนะครับ” “แน่นอน” เธอยักคิ้วขึ้นพลางคลอเคลียแฟนเด็กราวกับแมวน้อย “อย่าเบียดนักสิ ผมแข็งขึ้นมาจะยุ่งนะ” เขากระซิบบอกพลางดึงผ้าห่มขึ้นปกคลุมถึงอกทั้งเธอและเขา มือซุกซนเอื้อมมาขยำอกอวบเธอแต่สายตาแอบเฝ้ามองสายธารที่กำลังก้มหน้าก้มตาทำรายงาน เมือ่สายธารหันมาเขาก็รีบดึงมือกลับ “ฉันว่าจะออกไปซื้อของหน้าปากซอยพวกเธอเอาอะไรไหม?” “ไม่คร้าบ ไปนานๆเลยนะ” เขาทำหน้าทะเล้นพร้อมพูดจามีเลศนัยจนสายธารทำหน้าเหม็นเบื่อ “เชอะ” เมื่ออยู่กันสองต่อสองแล้ว เด็กหนุ่มผู้นานๆทีจะเกิดอารมณ์กับหล่อนเริ่มควานมือลูบไล้สะเปะสะปะ อยากจะบอกว่าเขาก็ตื่นกลัวเหมือนกันเพราะมันจะเป็นครั้งแรกของเขา ส่วนเธอนั้นต่อให้อมพระมาพูดเขาก็ไม่เชื่อหรอกว่าเธอบริสุทธิ์ แต่เธอก็ยังเอาแต่โกหกหน้าตายอยู่ได้ “เอาจริงเหรอ” เธอทำหน้าหนักใจ “ทำไมครับ นะๆๆ” เขาเอ่ยเสียงกระเง้ากระหงอดพร้อมค่อยๆสอดมือเข้าไปในกางเกงขาสั้นของเธอ “งื้อ พี่จั๊กกะจี้” เธอดีดดิ้นพร้อมส่งเสียงหัวเราะ ยิ่งเขากำลังลูบวนชุดนั้นในบริเวณหนั่นเนินเนื้อแล้วค่อยๆแทรกนิ้วเข้าไปใต้ร่มผ้าที่เป็นด่านสุดท้าย “หืม?” โอฬารขมวดคิ้ว พร้อมรีบดึงมือขึ้นมองมือที่แฉะของตัวเอง “เลือด” ทั้งสองอุทานโดยพร้อมกัน ประจำเดือนเธอมาขัดจังหวะอีกแล้ว เขาทำหน้าเซ็งจัดพร้อมเดินหน้ามุ่ยจะออกไปจากห้อง “โกรธพี่เหรอ” เธอรีบเข้าไปกอดเขาจากด้านหลัง “เปล่า” “เปล่าก็เปล่า แต่ห้ามไปมีอะไรกับใครน้า? สัญญาก่อน” “อืม ปล่อยได้แล้วผมจะรีบกลับไปชักว่าว” เขาทำหน้ามุ่ย “งั้น วันนี้พี่ให้มือถือไปใช้ หายโกรธยัง” เธอชูสมาร์ทโฟนขึ้นกวัดแกว่งไปมาจ่อใบหน้าหล่อเหลา “เย้ รักพี่สาวที่สุด” เขารีบดึงมือถือยัดใส่กระเป๋ากางเกง พร้อมหอมแก้มเธอซ้ายขวาก่อนจากไปด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม