Are you Sheik or Mafia? / Ep.6 (อดีตของลัยลาฮ์ )

2196 คำ
“โอ๊ะโอ..” การิมอุทานแล้วกรอกตามองบนทันทีเมื่อเพื่อนไม่ได้มาคนเดียวแต่ยังอุ้มลัยลาฮ์มายังชั้นล็อบบี้ สิ่งที่ตนเองคาดเดานั้นช่างแม่นเสียนี่กระไร สุดท้ายชารีฟก็กลับมาติดพันผู้หญิงคนนี้อีกจนได้ เขารีบเดินตามเพื่อนสนิทเข้าไปในลิฟต์ด้วยกันเพื่อขึ้นไปยังห้องพักที่เจ้าบ่าวจองไว้รองรับแขกที่มาร่วมงาน “เกิดอะไรขึ้นทำไมถึงได้เป็นแบบนี้” เขาเอ่ยถามชารีฟ “เดี๋ยวค่อยคุยกันในห้องฉัน” ถึงจะใจร้อนอยากทราบเหตุผลมันตรงนี้ว่าทำไมเพื่อนจึงไม่รู้จักหลาบจำ ก็ต้อง “โอเค” ระหว่างที่ชารีฟบรรจงวางเธอไว้บนโซฟา เขาหันหลังและเดินเอื่อยไปชงกาแฟดื่มสักหน่อยเพราะคิดว่าคืนนี้คงได้นั่งจับเข่าคุยกันยาว การิมจิบกาแฟยังไม่ถึงครึ่งชารีฟก็เดินตรงมาทางเขาด้วยสีหน้าและท่าทางฉุนเฉียว “เกิดอะไรขึ้น ทำไมนายถึงได้อุ้มพาเธอเข้ามาในสภาพนี้ แล้วเธอเต็มใจหรือเปล่า?” “ก็ไม่ เธอเมาไม่รู้เรื่องฉันเลยลากคอมานี่ไง” “เฮ้ย นายจะทำตามอำเภอใจไม่ได้นะชารีฟ” เขาเค้นเสียงขึ้นถามเพราะไม่เห็นด้วยสักเท่าไหร่ “แล้วถ้าเผื่อว่ามีคนเฝ้ารอเธอกลับบ้านอยู่ล่ะ?” “ถ้าไม่ลากมาคิดว่าจะเกิดอะไรให้ทาย?” เขาโต้แย้งเสียงดังขึ้นตามอารมณ์ที่เดือดปุดเมื่อนึกถึงภาพที่เธอกำลังคลานเข่าไปหาเพื่อนของเขา “แม่นี่น่ะเกือบจะขายตัวให้พวกนั้นแล้ว ฉันเลยต้องลากคอมันออกมานี่ไง!” มือใหญ่ชี้ไปด้านหลังที่ซึ่งมีเธอหลับปุ๋ยในท่านอนตะแคงหันมาทางพวกเขาทว่าผมสีบลอนด์อันยุ่งเหยิงนั้นบดบังใบหน้า เรียกได้ว่าหมดสภาพขั้นสุด “เห้อ นั่นก็เรื่องของเธอน่ะชารีฟ” เขาพยายามอธิบายอย่างใจเย็น “มันเห็นแล้วรู้สึกโกรธปนสมเพชว่ะ นายไม่เข้าใจหรอกนายไม่ใช่ฉัน นั่นก็กลุ่มเพื่อน และนี่ก็..” เขาชะงักริมฝีปาก ผ่อนลมหายใจออกเชื่องช้า “หล่อนก็เคยเป็นของฉันมาก่อน” “ฉันนึกไว้แล้วเชียวว่านายต้องไม่มีทางที่จะเดินออกมาเฉยๆโดยไม่ได้สนใจเธอ” “ก็แน่นอน” เขายกยิ้มมุมปาก “รำลึกความหลังกันพอหอมปากหอมคอแล้ว” “อุ๊บ..” ร่างเพรียวลุกขึ้นนั่งฉับพลันราวกับเส้นกระตุก “อ้วก” เธอโก่งคออาเจียนออกมามากมายทำเอาเขาต้องกรอกตามองบนเพดานยกฝ่ามือขึ้นโปะหน้าผาก ส่วนการิมนั้นหรี่มองด้วยสีหน้าแหยๆ “แล้ว นี่นายจะทำอย่างไรกับเธอต่อ?” “ก็ต้องพาไปล้างเนื้อตัวสิ” “ไม่ นายรู้ว่าฉันกำลังหมายถึงอะไร” การิมถามย้ำเพื่อรอคำตอบจากใจจริงว่าตกลงเขาจะเอาอย่างไรกับชีวิตตนเองต่อ ใบหน้าคมคายเหลือบหันไปมองเธอที่อาเจียนออกมาจนแทบจะหมดตัวแล้วหล่อนก็เอนกายลงนอนตามเดิมอย่างไม่รู้เรื่องราว “ไม่รู้” เขาตอบออกมาตามตรง “โอเค” การิมผงกรับเชื่องช้า ถึงจะไม่เห็นด้วยแต่ก็ไม่ก้าวก่าย เขาเคารพทุกการตัดสินใจของเพื่อนเสมอ “งั้น พรุ่งนี้เจอกันเพื่อน” การิมตบบ่าให้กำลังใจก่อนเดินออกจากห้องไป ซู่วส์! สายน้ำจากฝักบัวด้านบนไหลลงมาชำระล้างคนที่กำลังนั่งคออ่อนคอพับไม่ได้สติจนตื่นตัวขึ้นพร้อมเอื้อมมือสะเปะสะปะร้องเรียกหาคนช่วย “ช่วยด้วย อื้อ” “ไง ได้สติแล้วใช่มั้ย” ร่างใหญ่ยืนเท้าสะเอวก้มมองหญิงสาวที่กำลังคลานออกมาจากสายน้ำเงยหน้าขึ้นมองเขา “ชารีฟ” “ใช่ ฉันเอง” ร่างบางเปียกโชกพยายามดันตัวเองให้ลุกขึ้นยืนแต่เหมือนว่าเรี่ยวแรงมันหายไปไหนหมดก็ไม่รู้ “พาฉันออกไปจากที่นี่ที” “พรุ่งนี้ฉันจะไปส่ง” “ม่าย ช้านจาไปตอนนี้” “เอาสิ ถ้าเก่งนักก็เดินออกไปเองเลย” เขาหยุดยืนมองดูเฉยๆ อยากจะรู้นักว่าจะเก่งได้สักกี่น้ำ แล้วริมฝีปากที่ยิ้มเยาะนั้นกลับเปลี่ยนเป็นอ้าปากค้างหวอในทันทีที่แม่สาวจอมก๋ากั่นดันเดินเซซัดออกไปจากห้องน้ำได้สำเร็จ เขาเดินตามหล่อนที่เก้าเท้าเตาะแตะประหนึ่งเด็กหัดเดินพร้อมทั้งมีรอยน้ำบนพื้นเป็นทางจากฝีมือของเธอ “จะออกไปด้วยสภาพเหมือนหมาตกน้ำอย่างนี้เหรอ?” “ไปแบบนี้ก็ดีกว่าอยู่กับไอ้ผู้ชายที่กระชากหัวผู้หญิงก็แล้วกันแหละ” “โอเค คอแข็งดีนี่ ถือว่าเก่งที่ยังจำได้” เขาปรบมือสามที “แล้วจำได้มั้ยล่ะ ว่าเพราะอะไรถึงได้ถูกกระชากหัวออกมา” “จำได้สิคะคุณชารีฟขา ฉันจะไปดูดค..ให้เพื่อนคุณ” “ลัยลาฮ์” เขากระชากแขนเธอเข้ามาปะทะร่างใหญ่ “ปล่อยนะ ถ้าไม่ปล่อยฉันจะเหมารวมว่าคุณเองก็อยากจะซื้อบริการกับฉันจนตัวสั่น ฮ่าๆๆ เถียงไม่ออกล่ะสิ” เขานิ่งอึ้ง คาดไม่ถึงว่าเธอจะเป็นไปได้ขนาดนี้ แต่พอเห็นน้ำตาที่ไหลพรากลงมาแล้วหัวใจก็อ่อนยวบไหวไปตามเจ้าหล่อน ให้ตายเถอะ มันสับสนไปหมดว่าเธอกำลังพยายามแสดงตัวตนแบบนี้ออกมาเพื่ออะไร เพื่อประชดชีวิตและไล่เขาทางอ้อมหรือ หรือว่าเธอเป็นแบบนั้นแล้วจริงๆ “เงียบทำไม อยากฉันเหรอ” เธอดึงทึ้งเสื้อผ้าตนเองออกจนไม่เหลือสักชิ้น “เอาเซ่ จัดให้หนักๆเลย จะบีบคอ กระชากหัวหรือจะบอกให้เพื่อนเรียงคิวกันเข้ามาก็เอาเล้ย กูอนุญาต!” “อย่ากวนประสาทฉัน” “ทำไม ฮ้า ก็ใครล่ะมันตามวอแวฉันเอง เอาสิ เอาเลย” เธอแอ่นหน้าอกพลางใช้สองมือขยำยั่วยวนเขา ทันใดนั้นเอง สองมือใหญ่ดันหัวไหล่มนให้ไปยืนชิดผนังห้อง เขาแกะมือเธอออกจากสองเต้าอวบแสนเย้ายวนแล้วใช้มือตนเองตะปบเข้าบีบขยำแทน “อื้อ” เธอหลับตาพริ้ม ใบหน้าซบลงบนอกแกร่ง ร่างอ่อนระทวยเกือบทรุดฮวบหมดสติบนพื้นแต่เขาโอบอุ้มเอาไว้ได้ทันเสียก่อน “ฟู่ว” ชารีฟพ่นลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก ในที่สุดเธอก็หมดฤทธิ์สักที จุ๊บ ริมฝีปากโน้มลงจูบกลางศีรษะพลางหลับตาซึมซับสัมผัสที่โหยหานี้นานครู่หนึ่ง ก่อนอุ้มเธอไปนอนบนเตียง “คุณยังรักฉันอยู่ใช่มั้ยคะชารีฟ” คนสติสัมปชัญญะไม่เต็มร้อยละเมอออกมาเสียงแผ่วขณะถูกเขาใช้ไดร์เป่าผมให้อย่างอ่อนโยน เธอกำลังฝันอยู่แน่ๆ! เธอรู้สึกมึนงง และปวดศีรษะเหมือนกำลังอยู่บนเตียงที่หมุนได้ นี่เธอกำลังอยู่ไหน และทำอะไรอยู่? อีกครั้งแล้วสินะที่ปล่อยให้อารมณ์อยู่เหนือสตินำพาชีวิตให้ฉิบหาย นังลาโง่เอ๊ย! สองปีก่อน ร่างผอมบางในชุดนักศึกษาทรุดฮวบลงกับพื้นหลังได้รับข่าวเศร้าจากการสูญเสียครั้งใหญ่ ป้าโสภี ผู้เป็นพี่สาวของแม่ท่านมีพระคุณเลี้ยงดูเธอตั้งแต่เด็ก และตอนนี้ท่านได้จากเธออย่างไม่มีวันหวนกลับด้วยโรคประจำตัว เธอมาไม่ทันได้ดูใจป้าเลยด้วยซ้ำ “ฮือ” ภควรรณวิลานั่งปาดน้ำตาป้อยๆภายในห้องนอนป้า รอบๆเตียงนอนนั้นมีทั้งสามีและลูกๆของป้ากำลังร้องห่มร้องไห้เสียใจอย่างหนัก หลังจากงานศพของคุณป้าเป็นอันเสร็จสิ้น เธอนั่งเหม่อลอยอยู่ที่ศาลาริมน้ำหลังบ้าน ไม่นานนักคุณลุงก็เดินมาวางมือเหี่ยวย่นไว้บนศีรษะเธอ “วิลาเอ้ย ตอนนี้ป้าไม่อยู่กับเราแล้ว ลุงอยากให้วิลาย้ายไปอยู่กับพ่อแท้ๆเถอะนะ” “ไม่ หนูไม่ไปหาพ่อ” เธอส่ายหน้าปฏิเสธเสียงแข็ง “เห้อ ถ้างั้นก็อย่าหาว่าลุงใจร้ายเลยนะ ถ้าลุงจะบอกให้วิลาไปพักการเรียนไว้ก่อนเพราะลุงจ่ายคนเดียวไม่ไหว ไหนจะต้องส่งลูกอีกสองคนอีก” “ไม่ หนูไม่ดร็อปเรียน” “อุบ๊ะ นังนี่หัวดื้อไม่เปลี่ยนเลยจริงๆ แล้วเอ็งจะเอายังไง ข้ามีภาระตั้งมากมายจะให้เลี้ยงเอ็งเพิ่มอีกคนคงไม่ไหว เอ็งควรไปอยู่กับพ่อเอ็งนะถ้าอยากเรียนต่อ” “ไม่ ฉันไม่ไปอยู่กับพ่อและฉันจะหาเงินส่งตัวเองเรียนให้จบ!” เธอเดินกระแทกพื้นปึงปังออกไปเก็บเสื้อผ้าข้าวของออกจากทีนี่โดยไม่เอ่ยลาใครสักคน ที่จริงแล้วบ้านสวนริมแม่น้ำเจ้าพระยาขนาดกระทัดรัดบนเนื้อที่เกือบหนึ่งไร่หลังนี้เป็นของคุณตาคุณยายที่เลี้ยงป้าโสภีและแม่โสรยาส่งต่อมายังรุ่นหลานอย่างเธออีก เธอพอจะเข้าใจดีแหละว่าลุงอยากจะเก็บบ้านหลังนี้ไว้ให้ลูกทั้งสองของเค้า แม่เธอชื่อโสรยา ส่วนพ่อชื่อโชคชัย รายนั้นไม่อยากจะพูดถึงหรอก ขอมองข้ามไปก่อนแล้วกัน เพราะพ่อเขามีครอบครัวใหม่ที่แสนอบอุ่นไปแล้ว แม่โสรยาหย่ากับพ่อไปมีสามีใหม่ซึ่งเป็นสามีฝรั่ง เธอจำได้พอลางๆเพราะแม่เคยพามาเยี่ยมบ้านหนึ่งครั้ง แต่น่าเสียดายที่แม่ใช้ชีวิตสุขสบายได้เพียงสองปีก็ประสบอุบัติเหตุจนเสียชีวิตที่โน่น เธอไม่มีโอกาสได้กราบศพท่านเลย แม่กลับมาเพียงโกศกระดูกให้ดูต่างหน้า ตามประสาเด็กหญิงอายุเจ็ดขวบที่ยังไม่ได้รู้สึกอาลัยในการสูญเสีย แต่พอโตขึ้น เธอยิ่งรู้สึกเศร้าและคิดถึงแม่อย่างจับหัวใจ ถ้าแม่โสรยายังอยู่ชีวิตเธอคงดีกว่านี้ ไม่ปากกัดตีนถีบไปเป็นแม่ค้าขายผ้าในตลาดนัดตอนเย็นเพื่อส่งตัวเองเรียนระดับมหาวิทยาลัยรัฐฯในจังหวัดปริมนฑล ชีวิตการต่อสู้ไม่ได้เรียบง่ายขนาดนั้นหรอก บททดสอบมันยากเข้าไปอีกขั้นเมื่อการค้าขายไม่สามารถส่งตัวเองไปถึงฝันได้ ก็นะ มันไม่แน่นอนและใช่ว่าจะขายดีไปทุกวันดังใจหมายหรอก บางวันก็ขายได้ บางวันก็ขายไม่ออกเลยสักตัวก็มี แล้วอย่างนี้เธอจะทำอย่างไร? “หา แกจะไปทำงานในผับเหรอ เห้ย อย่าเลยนะฉันว่า” สายธาร รูมเมทที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่ปีหนึ่ง เรียนคณะเดียวกัน เข้าอกเข้าใจกัน แต่ทว่า บุคลิกและนิสัยนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง สายธารเธอเป็นคนเรียบร้อยสนใจแต่การเรียนอย่างเดียว เธอยืนยันจะสวมกระโปรงยาวถึงตาตุ่มและแว่นตาหนาเตอะอยู่อย่างนั้นแม้ว่าใครจะล้อว่าเธอนั้นแสนเฉิ่มก็ตาม เธอไม่สน และตอนนี้สายธารกำลังส่ายหน้าเพราะไม่เห็นด้วยหากเธอคิดจะทำงานกลางคืน “แกจะตื่นไปเรียนไหวเหรอ?” “ไม่ไหวก็ต้องไหวสิน่า เพื่อเงิน!” แต่กับภควรรณวิลาแม่ค้าเสื้อผ้าแฟชั่นราคาหลักร้อยแล้วนั้นจะตรงข้ามกับสายธารโดยสิ้นเชิง เธอสวมกระโปรงนักศึกษาทรงสอบสั้นเลยเข่า มีความมั่นใจในตัวเอง กล้าแสดงออก และเอกลักษณ์ของเธอนั้น คือปากต้องแดงแจ๋และคอยหยิบลิปสติกที่ซื้อราคาส่งจากตลาดใหญ่รับมาหลายโหลเพื่อนำมาขายขึ้นมาเติมทุกครั้ง “มาจ้าวันนี้หนูขายเท! ชุดเซ็ตถูกๆมือหนึ่งเอาไปเลย! เก้าเก้า! ย้ำ เก้าสิบเก้าบาทฟังไม่ผิดจ้า!!” เป็นภาพจำของผู้คนในตลาดเย็นยันค่ำที่เห็นเธอแหกปากร้องเรียกลูกค้า “ชุดเช็ต99มือหนึ่งจริงๆเหรอ?”เสียงทุ้มของหนุ่มนักศึกษาดังมาจากด้านหลัง “ใช่จ้า ซื้อไปฝากแฟนหรือจ๊ะ” เธอที่กำลังจะหันไปส่งยิ้มก็ต้องหยุดลงพลันเมื่อดันไปเจอกับหนุ่มหน้าหยกแต่ริมฝีปากแดงกว่าเธออีก “อืม เอาตัวนี้ ตัวนี้ แล้วก็ตัวนี้จ๊ะ” หล่อนจีบปากจีบนิ้วชี้อย่างมีจริตจก้านแถมยังต่อราคากับเธออีก “นี่ ลดอีกหน่อยไม่ได้เหรอ นะ สิบบาทก็ยังดีพอให้พี่ได้ซื้อน้ำหวานแก้คอแห้งสักแก้วหน่อย” “โอ๊ยพี่ แค่นี้ฉันก็ขาดทุนจะแย่แล้ว! พี่รู้ดีน่าว่ามันถูกแค่ไหน นี่ฉันจะเลิกขายและไปทำงานเสิร์ฟหรอกน่าถึงได้รีบปล่อยราคาเท่าทุนขนาดนี้” เธอยกมือเท้าสะเอวพร้อมอธิบายร่ายยาวจนเขาคนนั้นเลิกต่อรอง แต่กลับหันมาจ้องมองหน้าเธอแล้วไล่ลงมาถึงปรายเท้าแล้วก็วกขึ้นมามองหน้าและยิ้มให้เธออย่างมีเลศนัย “ฉันชื่อดิวนะ เธออยากไปทำงานกับฉันมั้ย?”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม