เจอกันครั้งแรกเแต่หมือนรู้จักกันมานาน

1747 คำ
"ปลาดาว ฉันอยากให้แกไปเป็นเพื่อนฉันหน่อย" จันทร์เจ้าเอยส่งข้อความหาเพื่อนสาวขณะที่นั่งอยู่บนรถไฟฟ้ากำลังมุ่งหน้าเพื่อไปสอนที่โรงเรียน "แกจะไปไหน" "ฉันคิดว่าฉันคงจะต้องเริ่มไปหาจิตแพทย์แล้วล่ะแต่ฉันไม่กล้าไปคนเดียว" "ได้ แกจะไปเมื่อไรว่ามา" "เอาไว้ไปเสาร์หรืออาทิตย์นี้ก็ได้ แต่แกอย่าให้พ่อกับแม่ฉันรู้นะฉันกลัวท่านจะเป็นห่วง" จันทร์เจ้าเอยขอร้องเพื่อนรัก "เออไว้ใจได้น่า" จันทร์เจ้าเอยเก็บโทรศัพท์มือถือลงกระเป๋าเมื่อเพื่อนตอบรับว่าจะไปด้วยกันเธอก็เริ่มคลายความวิตกกังวลไปได้บ้าง "ครูเจ้าเอยครับ สวัสดีครับ" เด็กชายเป็นเอกเดินเข้ามาทักทายเมื่อผู้ปกครองมาส่งที่หน้าห้องเรียน "สวัสดีค่ะสุดหล่อของครู" "ทำไมคุณครูไม่ชวนเพื่อนเข้ามานั่งในห้องเย็นๆล่ะครับ" "เพื่อนที่ไหนจ๊ะ" "พี่สาวคนนั้นครับเขายืนที่หน้าห้อง น่าจะเป็นเพื่อนคุณครูครับ" "ไม่มีใครนี่จ๊ะ" จันทร์เจ้าเอยเดินออกไปดูหน้าห้องก็ไม่พบว่ามีใคร "มีสิครับ" เด็กน้อยจูงมือคุณครูของเขาออกไปดูที่หน้าประตู "นี่ไงครับพี่เขายืนหลบอยู่ที่มุมเสาเขายิ้มให้ด้วยครับ" เด็กชายยืนยัน "เป็นเอกจ๊ะ คุณครูว่ามันไม่ใช่เรื่องสนุกนะจ๊ะ เราเข้าไปฟังนิทานกันดีกว่าวันนี้คุณครูมีหนังสือใหม่มาเล่าให้ทุกคนฟัง" จันทร์เจ้าเอยบอกแล้วก็จูงมือเด็กชายเป็นเอกกลับเข้าห้องเรียน เธอไม่คล้อยตามลูกศิษย์เพราะคิดว่าเขาอาจจะแค่อยากล้อเล่น ตามวิสัยเป็นเอกเป็นเด็กคุยเก่งอยู่แล้ว ............. "คุณพ่อคุณแม่คะ วันหยุดพรุ่งนี้เจ้าเอยออกไปข้างนอกนะคะพอดีนัดกับยัยปลาดาวเอาไว้น่ะค่ะ ขอออกไปเปิดหูเปิดตาหน่อย" เธอบอกกับบิดามารดาบนโต๊ะอาหารเย็น "ตามสบายเลยลูกไปผ่อนคลายบ้างก็ดี" เกรียงไกรสนับสนุน "แล้วปลาดาวกับชมจันทร์เป็นยังไงกันบ้างลูกว่างๆชวนมาทานข้าวที่บ้านบ้างนะไม่เจอกันนานเลย" จิตตราสนิทสนมกับเพื่อนทั้งสองของเธอเป็นอย่างดี "ได้เลยค่ะคุณแม่ เดี๋ยวจะชวนมาค้างด้วยเลย" จันทร์เจ้าเอยอารมณ์ดีกลบเกลื่อนสิ่งที่จะแอบไปทำกับเพื่อนรักในวันพรุ่งนี้ .......... "เจ้าเอย" ปลาดาวโบกมือเรียกพร้อมวิ่งถลาเข้าไปหา "อ้าวชมจันทร์มาด้วยหรือ" "ยัยนี่มันอยากรู้ด้วยน่ะสิ" ปลาดาวหันไปเหน็บเพื่อน "ใครว่าล่ะฉันเป็นห่วงเพื่อนต่างหากถึงขั้นมาพบจิตแพทย์เนี่ย" ชมจันทร์แก้ตัว "นี่!บอกแล้วไงว่ามาพบจิตแพทย์ไม่ได้แปลว่าบ้าเมื่อไรแกจะเลิกพูดแบบนี้เสียทีเนี่ย" ปลาดาวดุเพื่อน "แฮ่ๆๆๆขอโทษ" ชมจันทร์ยิ้มแหยขยับแว่นแก้เก้อ "ไม่เป็นไร เข้าไปข้างในกันเถอะ" จันทร์เจ้าเอยชวนเพื่อนเข้าไปติดต่อข้างในโรงพยาบาล "นี่ต้องขอบคุณพี่ต้นน้ำนะที่เขาช่วยคุยกับน้องชายให้เพราะปกติแล้วคลีนิคนอกเวลาแบบนี้ต้องนัดล่วงหน้าฉันเองก็เพิ่งนึกได้ เลยโทรไปคุยกับพี่เขาเมื่อวาน แถมพี่เขาขอล็อคคิวพิเศษให้ด้วยนะ" ปลาดาวสารภาพว่าลืมแนะนำเรื่องนี้ไป "ไม่เป็นไรเลยแกแค่นี้ก็ขอบใจมากแล้ว" จันทร์เจ้าเอยเอื้อมมือไปจับมือเพื่อน "คุณจันทร์เจ้าเอยเชิญพบแพทย์ค่ะ" เสียงนางพยาบาลมาเรียกเธอตรงที่นั่งพักหน้าห้อง "เพื่อนหรือญาติรอตรงนี้ก่อนนะคะ" "ทำใจให้สบายแกพวกฉันรออยู่ตรงนี้" ปลาดาวและชมจันทร์ชูสองนิ้วให้เพื่อนทำเหมือนเธอกำลังจะไปเผชิญหน้ากับอะไรบางอย่าง "สวัสดีครับ คุณจันทร์เจ้าเอย" นายแพทย์อติวิชญ์ทักทายคนไข้ "สวัสดีค่ะ คุณ..." เธอหยุดเสียงเพราะคุ้นหน้ากับเขา "อ้าวคุณนั่นเอง" เขาเองก็ยังจำเธอได้ "โลกกลมจังเลยนะคะ" "ครับ คุณจันทร์เจ้าเอย ชื่อเพราะจังเลยนะครับแถมแปลกด้วย" เขาชวนเธอพูดคุยเพื่อผ่อนคลายไม่ให้รู้สึกเหมือนว่ากำลังมารักษา "ทำไมถึงได้ชื่อนี่ล่ะครับ คุณพ่อคุณแม่เข้าใจตั้งนะครับ" "คุณพ่อชอบเล่าเรื่องสมัยเด็กๆตอนคุณย่ากล่อมด้วยกลอนจันทร์เอ๋ยจันทร์เจ้าให้คุณแม่ฟังค่ะ คุณพ่อก็เลยบอกว่าถ้ามีลูกสาวเกิดวันจันทร์จะให้ชื่อนี้ก็เลยเป็นจันทร์เจ้าเอยนี่แหล่ะค่ะ แต่คุณหมอเรียกเจ้าเอยก็ได้นะคะจะได้สั้นลงหน่อย" เธอเริ่มพูดคุยกับเขาอย่างเป็นกันเอง "ครับคุณเจ้าเอย เรียกผมว่าติญญ์ก็ได้นะครับ ที่จริงเราก็ไม่ใช่คนอื่นไกลเห็นว่าพวกคุณเป็นรุ่นน้องพี่ชายผมสมัยเรียน" "ใช่ค่ะ ปลาดาวเพื่อนของเจ้าเอยเป็นน้องรหัสตรงกับพี่ต้นน้ำเลยค่ะ" "งั้นพวกเราก็น่าจะรุ่นๆเดียวกันเป็นเพื่อนกันได้ครับ" อติวิชญ์อัธยาศัยดีทำให้จันทร์เจ้าเอยเพลินไปกับการชวนคุยของเขาไม่รู้สึกเกร็งระหว่างที่เธอมองหน้าฟังเขาพูดไปจิตใต้สำนึกของเธอก็ทำงานทำให้เธอระลึกถึงความฝันครั้งล่าสุดที่ผ่านมา "ทำไมหน้าช่างคล้ายกันเสียเหลือเกิน" "คุณเจ้าเอยว่าอะไรนะครับ" "เอ่อ เปล่าค่ะไม่มีอะไร" เธอไม่กล้าที่จะเล่าให้คนที่เพิ่งรู้จักกันว่าฝันถึงคนหน้าเหมือนเขาหรอกเกรงจะถูกจัดว่าต้องรีบรักษาโดยด่วน "คุณเจ้าเอยมีอะไรอยากให้ผมแนะนำเป็นพิเศษหรือเปล่าครับ" เข้าเริ่มเข้าเรื่อง "คืออันที่จริงเจ้าเอยก็ไม่แน่ใจตัวเองเท่าไรนะคะแต่ช่วงหลังๆมานี้เจ้าเอยรู้สึกได้ยินเสียงแปลกๆคิดว่าตัวเองหูแว่วเพราะได้ยินแค่คนเดียว" "ได้ยินว่าอะไรครับ" "เสียงกระพรวน เสียงคนทะเลาะกัน แต่เจ้าเอยเคยไปหาหมอแล้วอาการทางร่างกายไม่มีอะไรค่ะ" "ได้ยินบ่อยแค่ไหนครับ" "เกือบทุกคืนค่ะ เหมือนเป็นความฝันแต่บางครั้งก็ได้ยินตอนที่ไม่ได้ฝัน" "คุณเจ้าเอยเล่าออกมาได้เรื่อยๆเลยนะครับ ผมฟังอยู่นั่งพิงหลังลงสบายๆเลยครับ" เขาบอกให้เธอนั่งหรือนอนอยู่ในท่าที่ผ่อนคลายที่สุด ระหว่างที่เธอเล่าเธอเริ่มมีอาการคล้ายตกอยู่ในภวังค์อีกครั้งโดยอัตโนมัติ "พี่ขอตัวกลับก่อนนะแล้วพี่จะกลับมาเจรจากับพ่อแม่ของเจ้าตามคำสัญญา" ขุนไกรสินเดินเข้ามาลาบุหลันสาวคนรักก่อนเดินทางกลับเรือนของตน "พี่ขอจองเจ้าด้วยดอกจันทร์กระพ้อนี่ก่อน ยามใดที่ได้กลิ่นยามนั้นคือใจพี่ถวิลหาเจ้า" เขามองเธอด้วยสายตาหวานเชื่อม "กลิ่มหอมย่อมมีวันคลาย" บุหลันแสร้งลองใจด้วยคำพูดคมคาย "แต่ใจพี่มิมีวันเลือน" เขาตอบกลับเธอได้อย่างทันควัน "คุณพี่เดินทางดีๆนะเจ้าคะ น้องจะรอวันที่เราได้เคียงคู่กัน" บทสนทนาที่เอ่ยร่ำลากันของสองคนรักอยู่ในสายตาของคน คนหนึ่ง ตาหนึ่งคู่มองด้วยความริษยา ส่วนตาอีกหนึ่งคู่มองด้วยความเจ็บช้ำแต่ยังมีความปราถนาดีให้ถึงแม้จะไม่ได้ครอบครองเป็นเจ้าของก็ตาม "จะรอเจ้าแม้นานสักแค่ไหน ใจยังคงมีเจ้าเป็นเจ้าของแต่เพียงผู้เดียว แม้นยังมิอาจสมปองรัก แต่ข้าจักตามคุ้มครองคุ้มภัย" หมื่นโกศลว่าบทกลอนขึ้นต่อหน้าคู่รัก "เจ้านี่แต่งกลอนเข้าทีนะโกศล" ขุนไกรสินเข้าใจว่าน้องชายผู้เก่งกาจในกวีเอ่ยบทกลอนให้เขา แต่ที่จริงแล้วเขาแต่งออกมาจากความรู้สึกแทนความในใจของตนเองต่างหาก "หากงานมงคลเกิดขึ้นเมื่อใดหวังว่าท่านหมื่นโกศลจะแต่งกวีเป็นศรีให้แก่ข้าสักบท" บุหลันบอกกล่าวแก่นักปราชญ์ผู้เป็นน้องชายของคนรัก "ย่อมได้เสมอ ข้าขอตัวก่อน" เขาตกปากรับคำและก้มหน้าเดินนำพี่ชายออกไป "แต่งเป็นศรีงานมงคลรึ กูจักขัดขวางทุกวิถีทาง" บุญเพลงกัดฟันกรอดหลบอยู่มุมเสาใต้ถุนเรือน "คุณหนูเจ้าคะ ขึ้นเรือนเถิดเจ้าค่ะค่ำมืดแล้วหากผู้ใดมาเห็นคุยกับท่านขุนเยี่ยงนี้จะไม่งามเจ้าค่ะ อีบุญเพลงจะเดินไปส่งท่านขุนเองเจ้าค่ะ" บุญเพลงเดินออกมาบอกแก่นายหญิงของตน "เชิญเจ้าค่ะท่านขุน" บุญเพลงถือตะเกียงนำทาง เมื่อเดินไปถึงที่ท่าเรือบุญเพลงก้มหัวค้อมให้ขุนไกรสินและทำท่าหมุนตัวกลับ "โอ้ย!" บุญเพลงสะดุดล้มมือคว้าเกาะตัวแนบชิดกับขุนไกรสิน "เป็นอะไรไหมนังบุญเพลง" ขุนไกรสินถามนางทาสด้วยความไม่ถือสา "ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ บ่าวขอโทษเจ้าค่ะที่ไม่ระวัง" บุญเพลงพูดพร้อมสบสายตามองท่านขุนวัยฉกรรจ์ส่อความหมายในใจ "เอ็งกลับไปได้แล้วเผื่อแม่บุหลันจะเรียกใช้" ขุนไกรสินปล่อยมือนางทาสโดยมิได้คิดอะไร "เจ้าค่ะ" นางทาสรับคำแต่โดยดีและหลบตากลับแสร้งว่าเขินอาย "กูไม่ปล่อยให้ใครมาเป็นเสี้ยนหนามหัวใจกูดอก" นางทาสบุญเพลงมองเรือที่ล่องออกจากท่าไปพร้อมหันสลับไปมองที่เรือนใหญ่อารมณ์เต็มเปี่ยมด้วยรักและริษยา "คุณเจ้าเอยครับ คุณเจ้าเอย" อติวิชญ์เรียกจันทร์เจ้าเอยให้รู้สึกตัว "คุณหมอ!" เธอสะดุ้งตื่น "เป็นยังไงบ้างครับ" "เจ้าเอยเผลอหลับไปหรือคะ" "คุณไม่ได้หลับครับแต่เหม่อค้างอยู่นานเลย" "นี่เป็นครั้งแรกที่เจ้าเอยเป็นแบบนี้เพราะปกติจะเป็นความฝันแล้วก็หูแว่วไม่รู้ทำไมครั้งนี้ถึงเห็นอะไรแปลกๆทั้งที่ยังนั่งคุยกันอยู่" "ผมคิดว่าอาการของคุุณเจ้าเอยคงต้องใช้เวลาหน่อยนะครับผมจะให้พยาบาลออกใบนัดให้ วันนี้คิดเสียว่าเราแค่มาทำความรู้จักกันก่อนนะครับ" อติวิชญ์ไม่ต้องการให้จันทร์เจ้าเอยรู้สึกกดดันหรือว่าเครียดจนเกินไปนัก "ทำความรู้จักงั้นหรือ ทำไมฉันถึงรู้สึกว่ารู้จักคุณหมอมานานแล้วนะ" จันทร์เจ้าเอยคิดในใจ ................
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม