ตอนที่ 7 ซื่ออี๋เหนียง
หวังเช่อเฟย ร้อนอกร้อนใจยิ่งนัก เมื่อคืนอันอ๋องกลับอยู่ในห้องของซ่งฟางหรู ในใจของนางล้วนไม่พึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง ที่อันอ๋องเลือกสตรีต่างแคว้นมาก่อนนาง
อีกทั้งชิงปี้นางกำนัลของนาง ยังถูกอันอ๋องตำหนิต่อว่า ซ้ำร้ายนางกำนัลผู้น่าสงสาร ยังเอ่ยกล่าวว่าอันอ๋องนั้นโอบกอดกระชับซ่งฟางหรูไม่ห่างกาย คาดว่าอันอ๋องย่อมถูกนางทำคุณไสยใส่เป็นแน่
“เช่อเฟยเพคะ ยามนี้บรรดาอนุทั้งหลายต่างก็ไม่พอใจนัก พรุ่งนี้นางคงต้องวางอำนาจกดขี่เป็นแน่ เช่นนั้นจะทำอย่างไรดีเพคะ” ซูเหยาคือนางกำนัลอีกคน ที่คอยดูแลปรนนิบัติยามชิงปี้ไม่อยู่ และนางยังคอยประจบประแจงเติมถ่านไฟเข้าไป
หวังว่าชายารองนั้นจะโกรธเกรี้ยว แสดงทีท่าทำให้อันอ๋องไม่พอพระทัย จากนั้นก็จะเบื่อหน่ายไปเอง หากถึงเวลานั้น ซูเหยาอยากเข้าไปปลอบประโลมอันอ๋อง ดีไม่ดีอันอ๋องอาจถูกใจนาง แล้วแต่งตั้งเป็นอนุอีกคนคงจะดีไม่น้อย กระทั่งชิงปี้ยังอยากเป็นอนุของท่านอ๋อง ผู้ใดอยากจะเป็นนางกำนัล ข้ารับใช้ไปจนชั่วชีวิตเล่า
“ไม่ต้องทำอันใด พรุ่งนี้ข้าจะไม่ไปพบนาง เด็กกว่าข้าก็ตั้งหลายปี แต่งเข้ามาแม้จะมีตำแหน่งสูงกว่า แต่ว่าเรื่องอายุ ข้าอย่างไรก็อาวุโสกว่า คงไม่กล้ากำแหงใส่ข้ากระมัง” หวังเหมยฮัวกดยิ้มที่มุมปาก แววตาเป็นประกายพร่างพราวนัก กล่าวจบนางยกถ้วยน้ำชาขึ้นมาจิบ
แต่แล้วกลับกำชับชิงปี้อีกหนึ่งประโยคว่า “พรุ่งนี้ไปบอกพวกนาง หากไปคารวะน้ำชาแก่เจิ้งเฟย เห็นทีจะเอาไว้ไม่ได้ หากคิดเป็นศัตรูกับข้าก็ลองดู” ใบหน้าอันสะสวยของหวังเหมยฮัวช่างตรงกันข้ามกับจิตใจที่มืดดำและหยาบช้ายิ่งนัก
ชิงปี้จึงมักประจบประแจงเจ้านายเช่นนี้อยู่เสมอ ดังนั้นแล้ววันนี้ถ้อยคำของชายารองจะต้องไปเติมแต่งเพิ่มอีกเล็กน้อย ทำให้เหล่าอนุอีกสี่นางหวาดกลัวหวังเช่อเฟยให้มาก
นางกำนัลผู้นี้เดินออกมาจากห้องเพื่อไปแจ้งอนุทั้งสี่ และยังทราบว่า ส่วนมากพวกนางนั้นมักรวมตัวกัน ที่อุทยานด้านหลัง ซึ่งมีสวนดอกไม้นานาพรรณ มีบึงกว้างใหญ่ พร้อมกับศาลานั่งรับลม แต่ดูเหมือนว่า วันนี้ชิงปี้คิดผิดไปหลายขุม
เหล่าอนุชายาทั้งหลายต่างก็พากันทอดสายตามองขบวนเกี้ยวของเจ้าสาวยังสวนดอกไม้ พวกนางพากันเหยียบบนกระถางดอกไม้ปีนดูขบวนอันใหญ่โตยาวเหยียดอย่างตื่นเต้น เพราะมิเคยเห็นขบวนเจ้าสาวที่ยิ่งใหญ่เยี่ยงนี้มาก่อน “นี่ดูสิ สินเดิมของนางมากมายถึงเพียงนี้เชียวหรือ รถม้าที่ข้านับได้ก็เกือบสิบคันแล้วนะ”
“แคว้นซ่งร่ำรวยมั่งคั่งยิ่งนัก นางเป็นเพียงจวิ้นจู่ฐานะไม่ใหญ่โตนัก แต่ดูสิเหล่าข้าวของที่ขนมา ล้วนงดงามล้ำค่านัก” อนุผู้นี้มาจากสกุลถัง เอ่ยเสียงหวานรู้สึกตื่นตาตื่นใจนัก พวกนางยังไม่เคยเห็นพิธีใหญ่โตเช่นนี้มาก่อน แม้ว่าองค์รัชทายาทเพิ่งจะอภิเษกไปได้ไม่นาน ขบวนเจ้าสาวยังมีสินเดิมไม่มากมายถึงเพียงนี้
“ใช่ ดูสิเกี้ยวของนาง ประดับทั้งไข่มุกและหยกหายาก นางกำนัลถืออันใดกัน ดอกไม้หยกแกะสลักใช่หรือไม่ ร่ำรวยเกินไปแล้ว” อนุเจียวตาโตนัก ชี้ไม้ชี้มืออย่างตื่นเต้น
เพราะนางเองก็ไม่เคยเห็นมาก่อน ฐานะทางบ้านก็ยากจนนัก โชคดีที่อันอ๋องเมตตา ชุบเลี้ยงนางอยู่ในตำหนักแห่งนี้ แม้เรือนของนางไม่ใหญ่โตเท่าเรือนของชายารอง แต่การเป็นอยู่ก็ล้วนสุขสบายดีนัก
“พวกเจ้าตื่นเต้นกันพอหรือไม่ เช่อเฟยมีคำสั่ง หากผู้ใดไปยกน้ำชาแก่นาง เห็นทีว่าจะต้องเป็นศัตรูกับสกุลหวัง คิดว่าพวกเจ้าคงจะต้องเลือกนายให้ดี มิเช่นนั้นผลลัพธ์นี้คงไม่ต้องบอกว่าจะเกิดอันใดขึ้น” ชิงปี้ข่มขู่ทั้งวาจาและแววตา
อนุทั้งหลายรีบลงมาจากกระถาง แม้พวกนางจะอยู่สูงกว่าชิงปี้ที่เป็นเพียงนางกำนัล ทว่าชิงปี้ผู้นี้เป็นที่โปรดปรานของชายารองยิ่งนัก พวกนางหรือจะกล้าขัดคำสั่ง
นึกถึงอดีตอนุนางหนึ่ง ยามนี้ถูกจองจำอยู่ในตำหนักเย็นมาร่วมเกือบสามปีแล้ว หนนั้นเป็นนางล่วงเกินหวังเหมยฮัว จึงทำให้โกรธแค้น จึงขอให้อันอ๋องลงโทษโดยมอบความตายให้
แต่แล้วอันอ๋องยังละเว้นชีวิตของเหวินลู่เอาไว้ แต่กลับส่งนางไปอยู่ในตำหนักเย็นที่หนาวเหน็บและอ้างว้าง อีกทั้งการเป็นอยู่นั้นล้วนอัตคัดขัดสนยิ่งนัก
ตัวอย่างมีให้เห็นแล้ว...
พวกนางหรือจะกล้าตั้งตนเป็นศัตรูกับสกุลหวัง ผู้มีอำนาจเกือบครึ่งหนึ่งในราชสำนักกัน พวกนางก็ยังรักชีวิตอยากเสพสุขอยู่อย่างสบาย เช่นนั้นอนุเจียวที่ถือว่าเป็นพี่สาวมีอายุมากกว่าบรรดาอนุด้วยกัน
จึงเอ่ยประจบประแจงชิงปี้เพื่อเอาตัวรอด น้ำเสียงจึงละมุนนุ่มนวลนัก “น้องชิงปี้ พวกเรามิกล้าขัดคำสั่งของเช่อเฟยเป็นอันขาด หากอันอ๋องสอบถาม พวกข้าจะบอกว่า เป็นเพราะ...จะทำให้เจิ้งเฟยตกใจจึงไม่กล้าเสนอหน้าไปคารวะน้ำชา เช่นนี้ดีหรือไม่”
อนุหลี่รีบเอ่ยเสริมทัพ ประจบประแจงเอาตัวรอดอย่างเร่งรีบ “นั่นสิ น้องชิงปี้ อย่าได้กล่าวหาพวกข้าคิดจะเปลี่ยนนาย หวังเช่อเฟยดีกับพวกเราเยี่ยงไร พวกเราล้วนซาบซึ้งใจนัก ไม่มีวันทรยศหักหลังแน่นอน รบกวนน้องชิงปี้แล้ว”
เหล่าอนุทั้งหลายต่างก็ไม่พอใจนัก ชายารองผู้นี้วางอำนาจล้นตำหนัก อีกทั้งยังถือตัวว่าเป็นภรรยาที่อันอ๋องรักใคร่เอ็นดูมากที่สุด พวกนางแม้ว่าน้อยครั้งจะได้ร่วมค่ำคืนกับอันอ๋อง กระนั้นการเป็นอยู่ก็มิเคยลำบากขัดสน
เห็นจะมีเพียงอดีตอนุนางหนึ่ง ถูกหวังเหมยฮัวใส่ร้าย ยามนี้เป็นตายร้ายดีเยี่ยงไร พวกนางก็ล้วนมิทราบข่าวคราว มิได้รับอนุญาต ผู้ใดจะกล้าเข้าใกล้ตำหนักเย็นที่อยู่ในส่วนท้ายสุดของวังหลวง ห่างจากตำหนักแห่งนี้ก็หลายสิบลี้
และที่นั่นไม่มีผู้ใดที่เข้าไปแล้วออกมาได้อย่างง่ายดายนัก นับว่ายังโชคดีที่มีไทเฮาทรงพระเมตตา แต่ละเดือนมักพระราชทานเนื้อสัตว์แห้ง และยังมีเหล่าอาหารเข้าไปในตำหนักเย็นแห่งนั้น
พวกนางหรือจะกล้ากำแพงต่อนางปีศาจร้ายหวังเหมยฮัว ย่อมไม่นำตนเองไปเสี่ยงอยู่ในสถานที่เช่นนั้นอย่างแน่นอน
อนุถังดึงปิ่นออกจากศีรษะ มอบมันให้แก่ชิงปี้เพื่อติดสินบน “น้องชิงปี้ รับปิ่นนี้ไว้ด้วย ถือเสียว่าเป็นของกำนัลที่พวกข้ามอบให้เจ้านะ ขอร้องอย่านำเรื่องวันนี้ไปแจ้งแก่เช่อเฟยเลย พวกเราจะเชื่อฟังเหมือนเช่นเคย”
“อันที่จริง พระชายาของข้า มิได้เป็นคนใจคอคับแคบ ของเพียงแค่พวกท่านรู้ว่าสิ่งใดควรไม่ควรเพียงเท่านั้น” ก่อนจากไป ชิงปี้ยังแอบอ้างบารมีของผู้เป็นนาย
ทว่ายังไม่ทันได้ก้าวเท้าออกไป อนุสวีแสดงตัวหลังจากที่นิ่งเงียบอยู่นานอย่างไม่พึงพอใจนัก นางใคร่ครวญดีแล้ว จึงถือวิสาสะดึงแขนของชิงปี้ นางกำนัลของชายารองเอาไว้ “เดี๋ยวสิ ของขวัญชิ้นนี้ มันไม่เหมาะกับเจ้า”
“เป็นแค่ซื่ออี๋เหนียง เหตุใดวาจาจึงสามหาวนักเล่า” สวีอิงลั่ว หรือ ซื่ออี๋เหนียง คืออนุลำดับที่สี่ นางมีนามว่า สวีอิงลั่ว นางเป็นคุณหนูสกุลใหญ่มาก่อน แต่ด้วยทางตระกูลของนาง กระทำผิดอันชั่วช้า จึงถูกลงโทษประหาร
บุตรชายถูกลงโทษด้วยการเนรเทศออกจากเมืองหลวง
ส่วนบุตรสาวให้นำไปเป็นทาสในจวนของขุนนาง แต่ด้วยเพราะสวีอิงลั่วนั้นมีความสามารถอันใดกัน จึงทำให้อันอ๋องรับนางเข้ามาเป็นอนุอีกคนหนึ่ง ซ้ำยังได้รับความรักและเอ็นดูจากอันอ๋อง มากกว่าเหล่าอนุทั้งสาม
ชิงปี้สะบัดแขนออก ชักสีหน้าอย่างไม่ยำเกรง “ท่านหมายความว่าสิ่งใด หรือว่าจะถือว่าอันอ๋องให้ท้าย คิดจะต่อการกับเช่อเฟยเช่นนั้นรึ” นางยกมือขึ้นเท้าเอว สีหน้าขึงขังนัก อยากสั่งสอนสวีอิงลั่วมานานแล้ว
หากไม่ติดที่ว่า อันอ๋องรักใคร่อนุผู้นี้ มิต่างจากชายารอง เห็นทีว่าวันนี้นางคงต้องลงไม้ลงมือกับอนุผู้นี้ ให้รู้เสียบ้างอย่าได้ริอ่านกำแหงต่อนางอีก
“คนที่ข้าคิดต่อกรด้วย หาใช่ใครอื่น แต่เป็นทาสรับใช้เยี่ยงเจ้าต่างหาก มีสิทธิ์อันใดมาชี้หน้าออกคำสั่งพวกข้า แม้ข้าจะเป็นอนุ แต่เป็นอนุชายาของอันอ๋อง ย่อมมีฐานะสูงกว่าเจ้า
แต่เจ้าไม่เพียงไม่เคารพนบน้อมแต่กลับกล่าววาจาอันสามหามยิ่งนัก นายของเจ้าสอนสั่งมาหรือไร หรือว่าจะให้ซื่ออี๋เหนียงเช่นข้ารายงานแก่อันอ๋องกันเล่า”
“ลั่วเอ๋อร์ พวกข้าไม่เป็นไร เจ้าใจเย็นก่อนได้หรือไม่ นางก็แค่ทำตามที่เช่อเฟยสั่งมาเท่านั้น” เจียวอินเห็นท่าไม่ดี รีบห้ามปราม ที่ผ่านมา สวีอิงลั่วมักเป็นคนเงียบ ๆ ไม่ค่อยพูดกับผู้อื่นมากนัก แต่กลับเป็นคนที่จิตใจอ่อนโยน มีเมตตา จึงไม่แปลกที่อันอ๋องจะโปรดปรานนางเป็นพิเศษ
“ข้าใจเย็น ยิ่งกว่าน้ำแข็งเสียอีก แต่นางบ่าวชั้นต่ำผู้นี้ มีดีอันใดกัน ถึงได้กดขี่ข่มเหงระราน อนุชายาของอันอ๋องเช่นนี้ หากพี่สาวยินดี ก็ตามใจท่าน แต่ข้าหาได้ยินดีให้นางมาเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของข้า วันนี้หากเจ้าไม่คุกเข่าขอโทษข้า ข้าจะรายงานเรื่องนี้ให้อันอ๋องตัดสินโทษของเจ้า”