ตอนที่ 5 คนถ่อยผู้นี้ คือสามีของเจ้า
บรรยากาศในห้องช่างดูอึดอัดยิ่งนัก นั่นเพราะว่าเหลียนเจาอันอ๋องยังคงจ้องเขม็ง แต่ซ่งฟางหรูก็หาได้สลดไม่ ยังคงว่างท่าหยิ่งผยองเหมือนเดิม แต่สายตาเย็นชาของนาง ทำให้บุรุษร่างสูงถึงกับขนลุกขนพอง
ทว่าอันอ๋องหรือจะเกรงกลัวสตรี ย่อมไม่มีทาง ชายหนุ่มคิดว่าคืนนี้จะนอนกกกอดนางสักคืนมิกระทำย่ำยีข่มเหงนางเหมือนก่อนอีกแล้ว แต่ดูสิ่งที่นางกระทำกับสามี ช่างเกรงกลัวว่าเขาจะสั่งสอนนางคืนหรืออย่างไร
หญิงสาวผู้นี้คือม้าพยศแสนสวยที่ควบคุมยากเย็นยิ่งนัก แบบนี้ก็ยิ่งทำให้รู้สึกท้าทายเสียจริง อยากจะเอาชนะกำราบปราบนางให้อยู่ใต้ร่าง กักขังเหนี่ยวรั้งนางเอาไว้ในอ้อมกอด
ทว่าวันนี้โอกาสไม่เอื้ออำนวยเสียแล้ว เจ็บปวดที่กล่องดวงใจเช่นนี้ ก็คงยากจะจัดการกำราบนาง ถือเสียว่าปล่อยนางให้ชูคอสักประเดี๋ยว รับรองว่าคืนพรุ่งนี้นางเสร็จเขาแน่ ชายหนุ่มคิดร้าย วางแผนเอาไว้ล่วงหน้า ใบหน้าที่เหยเกบิดเบี้ยว พลอยยิ้มกริ่มขึ้นมาเสียอย่างนั้น
“ก็เรื่องของท่าน มิได้หนักส่วนใดของข้า” ซ่งฟางหรูหย่อนกายนั่งลงบนเตียง ยังคงทอดสายตามองชายหนุ่มอย่างห่างเหิน ประหนึ่งว่าเขามิได้เกี่ยวพันอันใดกับนาง ยังดีที่นางไม่ถือว่าเขาคือศัตรูคู่อาฆาต มิเช่นนั้นคงไม่นั่งพูดคุยกับเขาเยี่ยงนี้แน่
ถ้อยคำของนาง ช่างดูกระด้างกระเดื่องต่อสามีนัก เหลียนเจาหงุดหงิดขึ้นมา ชักสีหน้าพร้อม เอ่ยวาจาดุร้าย “เจ้าอย่าลืมว่า สิ่งที่เจ้าต้องตอบแทนหนี้แค้นหนนี้คือสิ่งใด”
อันอ๋องสวนกลับ มองใบหน้าสะสวยก็ยิ่งรู้สึกไม่พอใจนัก กำราบนางมาตั้งหลายวัน มิเห็นนางจะอ่อนโยนนุ่มนิ่มเสียบ้าง กลับแข็งกร้าวยิ่งนัก เขาจะทำวิธีใดดีเล่า เพื่อสั่งสอนนางให้เคารพรักสามี มิใช่ก่นด่าและประชดประชันเยี่ยงนี้
“แล้วสิ่งที่ท่านได้ไปจากข้า มันยังไม่สาแก่ใจอีกหรือ” หญิงสาวกล่าวด้วยจิตใจอันเจ็บร้าว แววตาหม่นหมองนัก คิดถึงครานั้นทีไร หัวใจดวงนี้เจ็บปวดแทบแตกสลายไปเสียสิ้น
“มันไม่เพียงพอสำหรับข้า ที่ต้องการเจ้า” ในเมื่อนางตัดพ้อต่อว่า ไหนเลยเขาจะปล่อยนางไปอีกหน
“แต่ข้าไม่ต้องการท่าน” นางสวนกลับอย่างไม่ยอมจำนน แววตาดื้อรั้นเย่อหยิ่งยิ่งนัก ตะคอกเสียงดังอย่างไม่ยอมลดละ
“ไม่ต้องการข้า แต่เหตุใดยามที่ข้าช่วงชิงเจ้า กกกอดเจ้าอยู่ใต้ร่าง เป็นเจ้าครวญครางมิใช่หรือ” เขากลับพูดเรื่องน่าอายข่มขู่นางในครานั้น ทำให้เขารู้สึกกระชุ่มกระชวยยิ่งนัก เรือนร่างอันบอบบาง ผิวพรรณนุ่มลื่น
พร้อมกลิ่นกายของนางที่ทำให้เขาจดจำอย่างไม่มีวันเสื่อมคลาย เพราะนางหอมหวาน ละมุนลิ้นยิ่งนัก ยามได้กลืนกินซาลาเปาคู่งาม กระทั่งกลีบดอกไม้งามสีหวาน ที่มิเคยผ่านมือชายใดมาก่อน
เพียงแค่ได้ทอดมอง ก็ยิ่งกระตุ้นให้เขาอยากปลดปล่อยความเป็นชายเสียเหลือเกิน ยามที่สอดนิ้วเข้าในช่องลึกหลืบนั่นมันทั้งคับและแน่น ได้ยินเสียงฉ่ำแฉะ ซึ่งดังขึ้นระหว่างที่เขาขยับเขยื้อนนิ้วเข้าไป ร่างบอบบางบิดม้วนไปมา ลมหายใจขาดห้วง หอบกระเส่า ก็ยิ่งกระตุ้นให้อยากครอบครองเป็นเจ้าของเรือนร่างนี้อย่างสมบูรณ์
“หยาบช้านัก ช่างไร้ยางอายสิ้นดี” ซ่งฟางหรูโกรธแล้ว มองเขาด้วยสายตาเขียวเข้ม มาดหมายว่าหากชายหน้าด้านผู้นี้บุกเข้ามาอีกละก็ ตายเป็นตาย คืนนี้อย่างไร นางจะไม่มีวันตกเป็นของเขาอีกครั้ง ตกเป็นเหยื่อของคนใจร้ายใจดำอีกหนเป็นแน่
“ไร้ยางอายรึ จะพูดเช่นนี้ก็อาจจะใช่ แต่ข้าทำได้มากกว่านั้น เจ้าอยากลองดูหรือไม่เล่า” เขาลุกขึ้นยืน เดินเข้าไปใกล้ ๆ นาง โน้มใบหน้าเข้าใกล้ ๆ อีกนิด เห็นแววตาตื่นกลัวของนางราวกับกระต่ายน้อยตัวหนึ่ง ก็รู้สึกสนุกสนานนักกับการที่ได้หยอกเย้าเหยื่อสาวเช่นนางในคืนนี้
“อันอ๋องผู้สูงส่ง ถึงกับลดตัวมายั่วโมโหจวิ้นจู่เช่นข้า นับว่าเป็นวาสนาของข้า หรือชะตาอันแสนโหดร้ายของข้ากันแน่ ข้าเคยบอกกับท่านแล้ว ข้าถูกหวังเหมยฮัวใส่ร้าย เป็นชายาของเจ้าต่างหากที่ท้องลม นางแท้งจริงหรือไม่เหตุการณ์วันนั้น ย่อมเป็นนางที่รู้ดี”
หญิงสาวหลบตา ไม่อยากมองสายตากรุ้มกริ่มหวานเยิ้ม คล้ายว่าจ้องจะจับนางกลืนกินเสียอย่างนั้น รู้สึกเหมือนหายใจไม่ทั่วท้อง ท้องไส้ปั่นป่วนไปหมดเพราะสายตาอันมากเล่ห์เพทุบายของนายพรานผู้นี้เสียแล้ว
“เจ้ากำลังปรักปรำนาง ฮัวเอ๋อร์ไม่มีทางทำเรื่องเลวทรามเยี่ยงนี้” เขายืนกอดอก จ้องมองดวงหน้าที่งดงาม แววตาของนางวูบไหว ในใจเขารู้สึกคล้ายมีบางอย่างกำลังกัดกินชอนไชอยู่เช่นนั้น
“เหตุใดท่านไม่ใช้สมองอันน้อยนิดไตร่ตรองดูเล่า ตั้งนานนางไม่ตั้งครรภ์ เหตุใดจึงเลือกเดินทางไปกับท่าน สมมุติว่าหากข้าตั้งครรภ์จริง ย่อมห่วงลูกในท้อง ไม่เดินทางรอนแรมไกลนับหมื่นลี้เพื่อติดตามสามีเป็นอันขาด
แต่นี่นางกลับหึงหวงท่าน เดินทางยามกำลังตั้งครรภ์ ข้าจะบอกให้ประดับสมองอันน้อยนิดของท่าน สตรีแคว้นซ่งล้วนมิใช่หมาก ที่พวกท่านจะหยิบยกขึ้นมา วางบนกระดานยามใดก็ได้
ระวังเอาไว้ให้ดีหากข้าสืบพบเมื่อไร หวังเหมยฮัวของท่าน ข้าจะไม่ละเว้นชีวิตนางเอาไว้แน่” นี่คือคำพูดของนางที่มาจากก้นบึ้งของความเจ็บใจล้วนมิได้ข่มขู่ชายารักของอันอ๋อง
แต่เป็นเพราะซ่งฟางหรูกลายเป็นหมากตัวหนึ่ง ให้หวังเหมยฮัวหยิบมาใช่เล่นงานแคว้นซ่ง และนางจะไม่มีทางให้เกิดสงครามขึ้นเป็นแน่ ผู้คนต้องนองเลือดกับเรื่องริษยาของสตรี มันสมควรแล้วหรือ
หวังเหมยฮัวผู้นี้ มีใบหน้าที่งดงาม ดวงตากระจ่างสดใสคล้ายไร้พิษภัย แต่กลับมีจิตใจอันโหดเหี้ยมชั่วร้าย ซ่งฟางหรูมาดหมายว่า สักวันจะจัดการนางจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ผู้นั้นให้อยู่ไม่สู้ตาย
“ท่านจงจำใส่ใจเอาไว้ หากข้าคือเจิ้งเฟย ทุกอย่างในตำหนักของท่าน อำนาจทั้งหมดย่อมเป็นของข้า ไม่ว่าท่านจะยินยอมหรือไม่ หลังจากวันอภิเษกแล้ว ชายารอง หรืออนุของท่านทั้งหลาย หากนางไม่มายกน้ำชาให้ข้าละก็...ข้าจะจัดการสั่งสอนพวกนางด้วยตัวข้าเอง”
“คิดจะวางอำนาจในตำหนักของข้า เจ้ามั่นอกมั่นใจถึงเพียงนั้นเลยหรือ” เขายิ้มเยาะ อนุของเขาแต่ละนาง คือปีศาจจิ้งจอกน้อยทั้งนั้น คนที่จะถูกจัดการ คาดว่าเป็นนางเสียมากกว่า เอาเป็นว่าเขาจะเอาใจช่วยห่าง ๆ ก็แล้วกัน ดูสิว่าจะจัดการชายารอง และอนุของเขาด้วยวิธีใดกันแน่
“หากข้าไม่มั่นใจ มีหรือที่ข้าจะลดตัวมาแต่งงานกับคนไร้ประโยชน์เช่นท่านกัน” หญิงสาวลดความระแวดระวังตน คิดว่าเขาคงแค่อยากพูดคุยเท่านั้น ไม่มีทีท่าหื่นกระหายอีกแล้ว
“ข้าน่ะมีประโยชน์นะ ทำให้เจ้าท้องได้ก็แล้ว ถ้าเช่นนั้น ไหน ๆ ก็พูดแล้ว คืนนี้เจ้ากับข้า...” ว่าแล้วเขาก็รวบร่างของนาง กักขังเอาไว้ในอ้อมกอด
ริมฝีปากหยักกัดเข้าที่เสื้อคลุม ดึงมันลงมา เผยให้เห็นความนุ่มนิ่มที่ทะลักเต็มสองตา ฝ่ามือหนานั้นตรึงแขนทั้งสองข้างเอาไว้ เขากดจมูกลงที่ซอกคอของนาง ละเลงปลายลิ้นละเลียดชิมความหอมหวาน จากนั้นจึงค่อย ๆ ไล่ลงมาที่เนินอวบอิ่ม
“หยุดนะเจ้าคนชั่วช้า ปล่อยข้านะ ข้าบอกให้ปล่อย....” ซ่งฟางหรูพยายามดิ้นหนี
แต่ก็หาได้เป็นผลไม่ เรี่ยวแรงของนาง คล้ายถูกเขากระชากให้หลุดลอยไป ด้วยรสจุมพิตที่แสนเร่าร้อน พร้อมกับตรึงแขนของนางเอาไว้ ริมฝีปากนอกจากจะบดเบียดอย่างเอาแต่ใจแล้ว
เขายังใช้ฝ่ามือหนาลูบไล้เรียวขา แล้วดึงกระโปรงของนางขึ้น เขาเชี่ยวชาญเรื่องล่อลวงให้นางเคลิบเคลิ้ม ด้วยฝ่ามือของเขากำลังหยอกเย้าเกสรด้านหน้า เขาคลึงติ่งเนื้ออ่อนนุ่ม แม้ยังมิได้ดึงกระโปรงออก เขากระทำการอย่างอุกอาจนัก ช่วงชิงลมหายใจของหญิงสาวจนแทบจะขาดใจ
ซ่งฟางหรูได้แต่ร้องครางไม่เป็นภาษา น้ำเสียงอื้อ...อ้าอยู่เช่นนั้น ปลายจมูกโด่งคมสัน กดลงที่แก้มนุ่มนิ่มของภรรยา หอมฟอดใหญ่ให้หายคิดถึง
ทว่าทำให้เขามีความสุขนักกับการได้หอมแก้มนุ่ม ๆ ของนาง เห็นนางสงบไม่พยศแล้ว เขาจึงซุกใบหน้าลงที่ทรงอกนุ่มนิ่มของนาง ก่อนจะเริ่มบรรเลงเพลงรักอันแสนหวานในค่ำคืนก่อนแต่งงาน
อันอ๋องผู้หล่อเหลา มองหญิงสาวที่นอนนิ่ง หายใจหอบกระชั้นชิด ดวงตาคมกริบเปล่งประกายด้วยความลุ่มหลง เอ่ยเสียงทุ้มนุ่มไพเราะนัก “คืนนี้ ข้ากับเจ้า...”
“คนถ่อย” ซ่งฟางหรูสบถด่าทอเข้าให้ เพราะนางหักห้ามใจไม่ได้ ปล่อยให้เขาย่ำยีอยู่เช่นนี้ แต่มันกลับรู้สึกถึงความสุขที่ไม่เคยมีมาก่อน ในวันนี้เขาอ่อนโยนกว่าครั้งไหน ๆ โดยเฉพาะแววตาที่จ้องมองมา
อันอ๋องกดยิ้มดุจปีศาจร้าย นางไม่เคยยอมให้เขาสักครา พยศเยี่ยงไรก็ยังคงเป็นเช่นนั้น ดื้อด้านเช่นไรก็ยังเป็นเหมือนเดิม
แต่เขากลับถูกอกถูกใจยิ่งนัก นางคือสตรีเพียงคนเดียว ที่ทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นอยากเป็นเจ้าของครอบครองนางทั้งตัวและหัวใจให้จงได้ เช่นนั้นเขาจึงเอ่ยสวนกลับ “คนถ่อยเช่นข้า ก็คือสามีของเจ้า ห้ามลืมเล่า”