“ลมอะไรหอบแกมาหาพ่อเองโดยที่พ่อไม่ได้สั่งละเนี่ย”
ผู้เป็นพ่อเอ่ยทักลูกชายคนโตด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่แฝงไปด้วยความดุดัน ประธานคนก่อน คุณอำพล เตชะสกุลเกียรติ ในวัย 60 ปีพอดิบพอดีกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้องทำงานของเขา
“ผมจะมาคุยเรื่องยัยแคร์ คุณพ่อก็รู้ว่าผมไม่ได้คิดอะไรกับน้องเขา ทำไมคุณพ่อไม่คุยกับผู้ใหญ่ทางนั้นให้เข้าใจครับ”
ผู้เป็นลูกชายมีสีหน้าท่าทีไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด เมื่อปกติไม่เคยทำตัวขัดใจผู้เป็นพ่อเลย นี่ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่สำหรับเขาสินะเขาถึงมาหาเพื่อพูดคุยขนาดนี้ ผู้เป็นพ่อเริ่มไตร่ตรองในใจ
“แล้วแกมีปัญหาอะไรกับน้องเขานักหนาไอ้เอก ก็แค่แต่งๆ ไปมั้ย อยู่กันไปเดี๋ยวก็รักกันเอง”
ผู้เป็นพ่อยังไม่เลิกหยั่งเชิงและอยากรู้ความต้องการจริงๆ ของลูกชาย
“ผมจะรักใครอีกได้ยังไงก็ผมมีคนที่ผมรักอยู่แล้ว” ลูกชายไม่รู้จะงัดมุกไหนมาสู้แล้วก็เลยเอาไม้ตายสุดท้ายออกมาซะเลย
“ไม่ยักรู้ว่าแกมีแฟน คบกับใครอยู่ล่ะไม่เห็นพามาให้รู้จัก” ชายสูงอายุถามอย่างใจเย็น
“ก็ไม่เชิงแฟนหรอก ผมรักเขาข้างเดียว” เขาพูดพร้อมกับท่าทีน้อยอกน้อยใจ และคิดถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาสักพักขึ้นมา
“เหอะสมัยนี้มันไม่น่าจะมีแล้วนะไอ้รักข้างเดียวเนี่ย แล้วแกก็เป็นถึงประธานบริษัทเชียวนะมันมีผู้หญิงบ้าที่ไหนที่ไม่อยากได้แก” ผู้เป็นพ่อค่อนขอดและหัวเราะร่วน
“มีสิ ไอ้ผู้หญิงบ้าตัวแสบ ที่ทำงานหน้าห้องผมมาตั้ง 3 ปีนั่นไง พูดแล้วก็น่าหมั่นไส้คอยดูนะสักวันผมจะจับฟาดก้นเจ็บๆ” เขาพูดพร้อมขบเขี้ยวเคี้ยวฟันแสดงอาการมันเขี้ยว
“หนูตั้งโอ๋งั้นหรอ นี่แกชอบหนูตั้งโอ๋งั้นหรอ” ผู้เป็นพ่อเลิกคิ้วถามด้วยความสงสัย
“เอ่อ อะ แอ่ม คุณพ่อรู้แล้วเหยียบไว้นะครับ ผมไม่อยากโดนคุณแม่กับเจ้าชิตแซว” เขาพูดออกมาด้วยท่าทีเขินๆ
“ฮ่าๆๆ บ๊ะ ก็ว่าอยู่ว่ามีผู้หญิงคนไหนที่ไม่เหลียวแลแก พ่อก็ลืมไปว่ามีเด็กนั่นอยู่คนหนึ่ง” ชายสูงอายุตอกย้ำความจริงจนเขาหน้าเสีย
“คร้าบ คร้าบ ไม่ต้องย้ำมากก็ได้ แล้วพ่อก็ไปเบรคฝั่งทางบ้านยัยแคร์ให้ด้วยนะครับ” เขาเริ่มยื่นข้อเสนอ
“แล้วแกจะทำยังไง แม่แกก็อยากอุ้มหลานใจจะขาด หนูตั้งโอ๋เขาก็ดูไม่มีทีท่าว่าจะสนใจแกเลยนะ” พ่อยังย้ำไม่หยุด
“บอกว่าไม่ต้องย้ำไงครับ เรื่องยัยเลขาตัวแสบนั่นเดี๋ยวผมปราบพยศเอง พ่อไม่ต้องห่วง” เขาบอกปัดและอยากจบบทสนทนานี่เต็มทน
“เออๆ อย่าให้นานนักล่ะ” คนเป็นพ่อก็คงไม่ชอบพูดอะไรยืดยาว ก็เลยตัดบทสนทนาไป
เขาออกจากบ้านมา เหลือบดูเวลา ห้าโมงครึ่ง ถ้ากลับบริษัทก็น่าจะเจอตั้งโอ๋ เพราะโดยนิสัยแล้วยัยนั่นมักจะทำงานล่วงเวลาเองจนถึงหกโมง ติดเป็นนิสัยการทำงานของเธอ
ด้วยตัวเธอที่ไม่มีภาระรับผิดชอบใดๆ เธอสามารถทุ่มชีวิตให้กับงานได้เต็มที่ และนั่นคือข้อดีอีกอย่างที่ผมตกหลุมรัก เธอมักจะทำทุกอย่างให้เรียบร้อยโดยไม่ต้องมีใครสั่งหรือร้องขอ
เขาคิดเรื่องเธอเพลิน จนขับกลับมาถึงบริษัทโดยไม่รู้ตัว
และใช่ นั่นไง เธอกำลังเดินออกมาจากบริษัทในเวลานี้พอดี
.
.
(Talk ตั้งโอ๋)
“ตั้งโอ๋”
เสียงเรียกชื่อฉันที่คุ้นเคย ชิ ทีอย่างนี้ทำเรียกสนิทสนม ฉันคิดในใจพลางหันหลังไปหาเขาและไม่ลืมปั้นหน้ายโสจองหอง
“มีอะไรคะบอส” น้ำเสียงออกจะเย็นชาสักหน่อยเพราะยังแอบงอนเรื่องนั้นอยู่
“ทำไมทีคุยกับผมไม่เห็นเสียงอ่อนเสียงหวานเหมือนคุยโทรศัพท์เลย” เขาทำสีหน้าน้อยใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด
“ของฉันก็แค่คุยโทรศัพท์ แต่ของคุณเล่นมาหาถึงที่” อยู่ๆ ฉันก็พูดขึ้นมาแบบนี้ทำไมนะแล้วไอ้ท่าทางงอแงนี่อีก ไม่สมกับเป็นฉันเลย ลืมตัว แล้วหมอนี่เหมือนจะจับได้ด้วยสิ
“นี่อย่าบอกนะว่าคุณคิดมากและกำลังงอนอยู่” น้ำเสียงเขาเริ่มเปลี่ยนและดวงตาเป็นประกายยังกะเด็กอนุบาล
“ปะ เปล่านะ ฉันไม่ได้ อื้ออ อู้” เขาไม่รู้ให้ฉันพูดจบก็ช้อนคอฉันขึ้นไปจูบซะงั้นนี่มันหน้าบริษัทเลยนะไอ้บอสงี่เง่า
แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก ฉันผละออกจากเขาด้วยใบหน้าแดงก่ำ
“นะ นี่ ทำอะไรน่ะ นี่มันหน้าบริษัทนะ” ฉันกลบความเขินอายและใบหน้าแดงๆ ของตัวเองด้วยการดุเขา
“ผมดีใจที่คุณสนใจเรื่องของผม” เขาพูดแล้วยิ้มแป้น หมอนี่ทำตัวเหมือนเด็กเลย
“ไม่ได้สนใจสักหน่อย ก็แค่…” ฉันพยายามบ่ายเบี่ยง
“ตั้งโอ๋ เย็นนี้ไปหาอะไรทานกันดีมั้ยครับ” เขาพูดขึ้นมาอย่างกระตือรือร้น
“ค่ะ บอสอยากทานประมาณไหนคะเดี๋ยวฉันโทรจองโต๊ะไว้ก่อน” ฉันก็ไม่ได้อยากขัดอะไรบางทีเราอาจจะต้องคุยกันหลายเรื่อง
“งั้นเป็นที่โรงแรม xxx ดีมั้ยครับคราวก่อนคุณจองไว้รับรองลูกค้าอาหารอร่อยดี แถมห้องสวีทก็วิวดีมาก” เขายังไม่หยุดยิ้ม
“เกี่ยวอะไรกับห้องสวีทคะ เราไปทานข้าวกันไม่ใช่หรอ” ฉันเหล่มองค้อนเขา
“เอาน่าจองเผื่อไว้เถอะครับเผื่อคุณเมาแล้วกลับไม่ไหว” เขายิ้มเจ้าเล่ห์
“มองจากดาวอังคารลงมาก็รู้แล้วค่ะว่าบอสกำลังคิดอะไรอยู่” ฉันมองค้อนเขาอีกที
“คิกๆ งั้นผมไปรับที่คอนโดนะครับ ขอสวยๆ นะวันนี้” เขาย้ำคำพูดอีกครั้งแล้วยิ้มทะเล้น
“ไม่ทำให้ผิดหวังหรอกค่ะ” ฉันเชิดหน้าหยิ่งรับปากแล้วเดินออกมา
.
.