เพราะเป็นการบินของสองพี่น้องเจ้าของบริษัท ฉันก็เลยได้มาในที่นั่งชั้นธุรกิจหรูหรา เอาเถอะ ก็ไม่ได้แย่ พักสายตาหน่อยละกัน เมื่อฉันเริ่มคล้อยตามบรรยากาศการบินและเริ่มง่วง หัวฉันก็เอนไปซบร่างใหญ่ที่กำลังนั่งหน้าตึงอยู่ เขาเลื่อนไอแพตดูนั่นนี่เขาก้มลงมองต่ำ มาที่หัวของฉันแล้วพูดเบาๆ
“อยากได้หมอนกับผ้าห่มมั้ย กรวรีย์” น้ำเสียเขาดูใจดีและอ่อนโยนผิดปกติ
“ค่ะ ถ้าได้ก็ดี” ฉันพูดแล้วก็เอียงหัวซบไหล่เขาเพราะง่วงจัดกับแอร์เย็นๆ มันทำให้ง่วงคูณสอง ไหนจะเมื่อคืนต้องเคลียร์งานจนแทบไม่ได้นอน ผ้าห่มที่สั่งคุณแอร์คนสวยไปยังมาไม่ถึงฉันก็หลับคาที่นั่งโดยหัวไปพิงอยู่กับไหล่ของเจ้าหมอนี่
ช่างเถอะ ไม่ไหวแล้ว ฉันหลับตาลงแล้วหลับไปซะดื้อๆ รู้สึกยุกยิกนิดหน่อย เหมือนเขาจะจัดท่าทางให้ฉันนอนสบายขึ้น
อื้อ∼ ฉันครางออกมาเบาๆ พร้อมกับขยับตัว แล้วก็เริ่มได้ยินเสียอะไรสักอย่างเต้นตึกตัก ตึกตัก แต่ง่วงเกินจะตื่นมาดู
เมื่อแอร์ประกาศว่าจะถึง ฉันก็รีบรุดขึ้นมาทันที ร่างใหญ่มองฉันด้วยสีหน้าตึงๆ แล้วหลบตานิดหน่อย ฉันโงศีรษะตัวเองขึ้นและมองหน้าเขา
“ฉันรบกวนบอสสินะคะ” ฉันงัวเงียแล้วขยี้ตาเบาๆ ผมเผ้าเริ่มรุงรัง
“ไม่เป็นไรเมื่อคืนคุณทำงานดึกนี่ผมเข้าใจ” เขาพูดด้วยท่าทีนิ่งเฉยเหมือนกำลังเก็บอาการอยู่ หรือว่าฉันแอบนอนน้ำลายหกใส่เขานะ ฉันรีบเอามือขึ้นมาลูบที่ปากบางของตัวเอง
“นี่ คุณไม่ได้นอนน้ำลายยืดไม่ต้องห่วง”
ฟู่ ฉันเป่าปากออกมาด้วยความโล่งใจ
“แล้วก็เลิกใช้นิ้วโป้งลูบริมฝีปากกับกัดเล็บได้แล้วนะ มันทำให้คนที่มอง…” เขากำลังจะพูดคำหนึ่งขึ้นมาแต่ก็หยุดชะงัก ฉันเอียงคอมองเขาด้วยผมเผ้าที่รุงรัง
“คนมองทำไมคะ” ฉันลูบริมฝีปากอีกครั้งแล้วเขาก็จับมือเล็กของฉันยกขึ้น
“บอกว่าอย่าทำไง” เขาเริ่มทำเสียงดุ แล้วเขาจะมาใส่อารมณ์ทำไมก่อน
“โอเคไม่ทำก็ได้ อะไรของบอสคะเนี่ย” จริงๆ ฉันจะเถียงจนชนะก็ได้ แต่ดูเขาอารมณ์บูดจังเหมือนอัดอั้นอะไรสักอย่าง ฉันขี้เกียจทำลายบรรยากาศโดยการเริ่มชวนทะเลาะตั้งแต่ยังไม่ถึง
ครั้งนี้ฉัันยอมนายก็ได้ ฉันคิดในใจแล้วลดมือของตัวเองลง ท่าทางเหมือนอัดอั้นของเขาเริ่มคลายลง และหันมาทำหน้าตึงเหมือนเดิม
.
.
ถึงที่พักก็สองทุ่มแล้วพวกเราก็แยกย้ายกันเข้าที่พักสุดหรู พระเจ้าพวกคนรวยนี่จ่ายค่าห้องทีหนึ่งเท่ากับเงินเดือนฉัน 2-3 เดือนเลยหรือเปล่า ฉันได้แต่คิดในใจแล้วทิ้งตัวลงอาบอาบน้ำแสนหรูหราที่ถูกตีฟองนุ่มละมุนรออยู่
ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูห้องของฉันดังขึ้น อาจเป็นรูมเซอร์วิสที่ฉันสั่งอาหารไป ฉันเดินไปเปิดห้องพร้อมกับชุดนอนตัวบางเพราะกินข้าวแล้วจะนอนพักผ่อน แต่ก็ต้องตกใจเพราะไม่ใช่รูมเซอร์วิส แต่เป็นชายร่างใหญ่ ผู้มีใบหน้าคมคาย และบึ้งตึงตลอดเวลา
“ผมจะมาถามว่าคุณอยากไปนั่งทานอะไรริมทะเลมั้ย อะ เอ่อ” เขาอึกอักนิดหน่อย
“เห็นคุณบอกว่าอยากทานอาหารทะเล” ใช่ฉันพูดแบบนั้นไป แต่ว่าวันนี้เลยหรอ เราอยู่อีกตั้ง 2 คืนนะฉันคิดในใจแล้วเอ่ยหยิ่งๆ
“ฉันสั่งรูมเซอร์วิสมาแล้วค่ะ ว่าจะทานที่ห้อง” ฉันบอกปัดท่าทีของเขา และเขาก็หดไหล่ผิดหวังนิดหน่อย วันนี้หมอนี่ทำตัวแปลก
“แต่คุณบอกว่าอยากกินอาหารทะเลอร่อยๆ ไม่ใช่หรอ นี่ผมก็หาดูให้ตลอดเลยนะ ว่ากันว่าร้านนี้…” ท่าทางกระตือรือร้นและไร้เดียงสาของเขาแสดงออกมาอย่างเห็นได้ชัด
“นี่อุตส่าห์หาดูให้เลยหรอคะ กะเอาใจเต็มที่เลยสิ” ฉันแอบแซวเขา
“กะ ก็…” เขามีท่าทีเอียงอายอายและหลบสายตา
“บอสไม่ต้องห่วงค่ะ ไม่ต้องเอาใจฉันหรอก ยังไงฉันก็ทำงานให้คุณอย่างดีแน่นอน” ใช่เพราะเขาก็คงคิดว่าฉันไม่อยากมาเลยกะมาเอาใจ
“ไม่ใช่แบบนั้น” เขาพูดเสียงแผ่วแล้วหลบหน้า ฉันเริ่มฉงนกับท่าทีของเขามากขึ้น หมอนี่เหมือนเด็กน้อยเลย
“ค่ะๆ งั้นรอฉันแต่งตัวก่อนนะคะ เดี๋ยวฉันยกเลิกรูมเซอร์วิส แต่ถ้ายกเลิกไม่ได้ก็เบิกบิลเหมือนเดิมนะคะ”
“ได้ครับ” เขายิ้มแฉ่งออกมา พระเจ้าไม่เห็นหมอนี่ยิ้มมากี่ปีแล้วนะ แล้วทำไมถึงต้องดีใจขนาดนี้ด้วย
.
.
ชุดกระโปรงยาวพลิ้วสีขาว สวมทับบอดี้สูทที่ฉันเตรียมตัวมาอย่างดี ถึงจะมาทำงานแต่ฉันก็คิดว่าคงมีเวลามาเดินชายหาดแบบนี้แน่ๆ ฉันแต่งหน้านิดหน่อย และเดินออกมาจากห้อง เจ้านายรอฉันอยู่ที่ล็อบบี้แล้วเราก็ออกมากันด้วยแท็กซี่
“ไกลมั้ยคะ” ฉันถามเขาเพราะเขาเป็นคนหาร้าน
“ไม่ไกลครับอยู่ริมทะเล มีบาร์ให้นั่งดื่มด้วย” เขาพูดจาสุภาพแต่หน้าก็ยังนิ่งไม่ไหวติงเหมือนเดิม น่าจะติดเป็นนิสัยแล้วมั้ง
“นี่ เวลาอยู่กันสองคนไม่ต้องทำคิ้วขมวดค่ะ” ฉันยกนิ้วชี้จิ้มไปที่คิ้วเขาเบาๆ แล้วลูบไปมา เขาสะดุ้งโหยง รีแอคชั่นน่าตกใจจนฉันสะดุ้งตาม
เขาจับมือน้อยๆ ของฉันออกมาแล้วมองมาที่หน้าฉัน
“นี่ อย่าเล่นแบบนี้สิ” เขาพูดด้วยเสียงดุ และท่าทีเหมือนสะกดกลั้นอารมณ์ตัวเอง น่าจะไม่ชอบให้ฉันโดนตัวสินะ
“จ้า จ้า ขอโทษ ต่อไปจะไม่แตะต้องแล้ว พ่อคุณชายผิวทองคำ” ฉันประชดเขา ที่ทำหน้าตาแฝงไปด้วยการสะกดกลั้นอารมณ์
“ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย คุณเป็นผู้หญิงนะ มาทำแบบนี้กับผู้ชายมันไม่ดี” พระเจ้าหมอนี่หลุดมาจากยุค HI5 หรอวะ
คิกๆ ฉันขำในความไร้เดียงสาหัวโบราณของเขา
“หลุดออกมาจากยุคดึกดำบรรพ์หรือไงคะ สมัยนี้เขาไม่มานั่งหวงตัวกันแล้วมั้ย” ฉันมองเขาด้วยท่าทียโส
“ใช่สิ คุณมันสวยแล้วก็คงเก่งเรื่องพวกนั้น” สีหน้าตรงนี้เจ็บปวดนิดหน่อยแฮะ
“จ้า จ้า พ่อคนหัวโบราณ ทำตัวแบบนี้จะหาแฟนไม่ได้เอานะคะ ทำเป็นหรือเปล่าละนั่น”
อุ๊บ ฉันยกมือขึ้นปิดปากตัวเอง ตรงนี้ฉันเริ่มรู้ตัวว่าแรงไปแล้ว พระเจ้าฉันค่อนขอดคนตัวโตที่สีหน้าเจ็บปวดแรงไป จริงอยู่ที่เขาไม่เคยคบใครเป็นแฟน แต่พูดว่าทำไม่เป็นตรงนี้น่าจะแรงไป
“บอส ฉัน…” ฉันทำสีหน้าสำนึกผิดและกำลังจะขอโทษที่ทำให้บรรยากาศเสีย
“ไม่เป็นไร ผมรู้ตัวดี” พระเจ้าสีหน้าเจ็บปวดคูณสิบ ไอ้หมอนี่อ่อนไหวจัง
ทำเอาซะฉันรู้สึกผิดมากๆ เลยแฮะ
พี่แท็กซี่ขับมาถึงพอดี ช่วยชีวิตฉันจากบรรยากาศอึมครึมนี่