ตอนที่ 8
แทนที่จะทำตามคำบอก เมฆากลับดึงกระเป๋าออกจากไหล่กว้าง พร้อมจับแขนกลมกลึงดึงร่างอรชรให้ลุกขึ้นยืน ก่อนกดจุมพิตไปบนปากนุ่มอย่างรวดเร็ว เป็นความต้องการที่อยากจะกระทำตั้งแต่แรกที่เจอหญิงสาว ยิ่งเมื่อรู้ว่าใช่เธอคนนั้นความรู้สึกมันก็ยิ่งมากขึ้นจนหักห้ามใจไม่ได้
ชายหนุ่มช้อนร่างโปร่งบางที่ยืนตะลึงปล่อยให้เขาได้ทำตามใจไปวางบนโซฟาตัวใหญ่ทั้งที่ยังไม่ยอมถอนจุมพิต รวมไปถึงมือก็ทำการแกะกระดุมเสื้อเชิ้ตสีม่วงดอกไลแลคออกจากกายปิ่นปักอย่างรวดเร็ว
ปิ่นปักรู้สึกอ่อนแรงและสั่นสะท้านวาบหวาม แต่ก็ต้องผลักไสขับไล่สิ่งที่ทำให้ร่างกายถูกควบคุมอยู่ออกไป แต่พยายามเท่าไหร่ก็ไม่เป็นผล เมฆายังคงทำอย่างใจต้องการ ปากหนาบดคลึงและเรียวลิ้นก็สอดแทรกกวาดไล้ไปทั่วโพรงปากอุ่น มือใหญ่เฟ้นคลึงปทุมงามจากแผ่วเบาทวีความหนักหน่วงขึ้น ความร้อนผ่าวบางอย่างขมวดเป็นเกลียวคลื่นและถาโถมกระแทกโขดหิน
เธอเป็นอย่างที่เขาคิดเอาไว้ไม่มีผิด หวานละมุน...นุ่มติดตรึงใจ
ชายหนุ่มลากไล้ใบหน้าลงมาถึงปทุมถันคู่งาม ปากหนาขมเม้มปลายยอดบัวที่อยู่ภายในกรวยสีหวานทั้งสองเม็ดอย่างถูกใจ
“ตกลงผมรับคุณเข้าทำงานปิ่นปัก พรุ่งนี้สิบโมงเช้าเก็บข้าวของให้เรียบร้อย แล้วคุณก็มารอผมหน้าบริษัทได้เลย”
“ไม่! ฉันไม่ทำงานกับคุณ” ปิ่นปักปฏิเสธน้ำเสียงแหบพร่า ใจดวงน้อยเต้นแรงจนแทบจะทะลุอก เพราะหวาดกลัวกับอารมณ์ที่ไม่เคยพบเจอ รวมถึงกลัวหัวใจและร่างกายของตัวเอง ที่เอาเข้าจริงก็ขัดขืนเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเอง อีกอย่างเธอมาสัมภาษณ์ ยังถูกลวนลามถึงขนาดนี้ ถ้าไปทำงานด้วยจริง เธอมิต้องสูญเสียความบริสุทธ์ให้เขาหรือไง
“ปล่อยฉันนะ!” หญิงสาวพยายามดันศีรษะทุยให้พ้นจากทรวงอก แต่กลับโดนมือจับไปตรึงไว้เหนือศีรษะ
เมฆาหัวเราะกลั้วคอ กดร่างบอบางจนแทบจมหายไปในโซฟา ใบหน้าคมเคลื่อนขึ้นไปจนริมฝีปากชิดกับใบหูนุ่ม กระซิบเสียงแหบพร่าที่คนได้ฟังถึงกับหนาวเยือกไปจนถึงหัวใจ
“เลือกเอานะปิ่นปัก จะไปทำงานกับฉันในวันพรุ่งนี้ดี ๆ หรือจะเลือก...” เขากระชากกรวยสีหวานออกจากอกนุ่มเต่งตึง ก่อนครอบและฟ้อนเฟ้นบัวคู่งาม
“นอนกับฉัน ตรงนี้ เดี๋ยวนี้ จากนั้นเธอก็จะถูกจับไปขังไว้ในห้องนอนของฉัน จนกว่าฉันจะพอใจ”
ไม่ใช่คำขู่...ปิ่นปักรู้ดี แต่สิ่งที่เขาทำ มันเกินเธอจะรับได้นี่ แค่นี้เธอก็กลัวจนตัวสั่น แขนขาเย็นราวกับนั่งอยู่บนน้ำแข็งก้อนใหญ่แล้ว
“ว่าไงปิ่นปัก จะเลือกแบบไหน ไปทำงานกับฉันที่ไร่หรือว่า...?”
“ไป...ไปทำงาน” ปิ่นปักรีบตอบเสียงสั่น ใบหน้าขาวสวยแดงระเรื่อ โกรธทั้งตัวเองและ...เมฆา ที่ช่างไม่สนใจเลยว่า คนอื่นเขาจะเดือนร้อนแค่ไหน
หญิงสาวพยายามดึงมือออกจากการจับกุม แต่เมื่อเมฆาไม่ยอม ต่อให้เธอออกแรงมากเท่าไหร่ มันก็ไม่หลุดอยู่ดี
“ดี” เขางึมงำด้วยพึงพอใจ ขบเคลื่อนจุมพิตไปจนพบกับริมฝีปากอวบอิ่ม กดลงไปอย่างหนักหน่วง ขณะที่มือก็ฟอนเฟ้นปทุมถันคู่งาม จนเธอต้องส่ายตัวหนีเป็นประวิง ชายหนุ่มดันร่างบางขึ้นเล็กน้อยพอให้มือดันกระโปรงขึ้นสูงและเกี่ยวชั้นในสีหวานออกจากเรือนกายหญิงสาว ขณะเขาจัดการกับบัวตูม...ทำการกลืนกินมันเข้าปากอย่างรวดเร็ว
นิ้วที่เคลื่อนไหวทำให้ปิ่นปักวาบหวามรัญจวนจิต กายอรชรบิดเป็นเกลียว ยิ่งเมื่อชายหนุ่มไล้วนปลายนิ้วบนส่วนที่ยังไม่เคยมีใครแตะต้อง ก็ทำให้เธอเผลอร้องออกไปอย่างหักห้ามใจไม่ได้
ปิ่นปักพยายามดันศีรษะทุยและขยับร่างหนีความร้อนผ่าวที่เคลื่อนลงไปคลอเคลียกับความอ่อนเยาว์ที่ซุกซ่อนอยู่ นอกจากเมฆาจะไม่ยินยอมแล้ว เขายังกดน้ำหนักลงมาตรึงเอาไว้ จนเธอขยับแทบไม่ได้
“ปล่อย...ฉันไปนะคะคุณเมฆา” หวังว่าน้ำเสียงอ่อนเบาและขลาดกลัวของเธอจะทำให้ชายหนุ่มเปลี่ยนใจ ยุติการทำอะไรบ้า ๆ นี่ไปเสียที
เมฆาเหลือบสายตาขึ้นไปมองคนอ้อนวอนขอ รอยยิ้มแต้มที่มุมปาก อยากจะบอกว่าสายไปตั้งแต่ที่เขาและเธอเจอกันเมื่อวันก่อนแล้วล่ะ แต่ตอนนี้มีสิ่งอื่นให้เขาสนใจมากกว่า
ผิวปิ่นปักนวลลออ...ภายใต้แว่นตาคันโตเทอะทะ เสื้อผ้าไร้สีสันกลับซุกซ่อนความงามให้เขาอยากจะแนบสนิทชิดเชื้อ อย่างอดใจไม่ไหวเมฆาโน้มใบหน้าลงไประทับปากอุ่นบนผิวเนื้อเนียนนุ่มหอม
“ไม่!” ปิ่นร้องห้าม แต่กลับเป็นการยั่วยุให้เมฆาทุ่มน้ำหนักสัมผัสลงมาบนร่าง มือเคล้าคลึงปทุมงามอย่างไม่หยุดหย่อน เมื่อถูกโจมตีจากชายหนุ่มที่มีชั้นเชิงและประสบการณ์ที่เหนือกว่า ทำให้หญิงสาวตัวอ่อนระทวย ใบหน้าขาวสวยแดงระเรื่อ หายใจหอบแรง
เมฆายังคงมอบสัมผัสนุ่มหวานให้ปิ่นปักอย่างไม่ยอมหยุดทั้งมือและปาก เพียรสร้างความป่วนปั่นเพื่อให้หญิงสาวหยุดที่จะต้านทาน
ใจจริงเขาก็อยากจะพาปิ่นปักปีนป่ายห้วงวิมานฉิมพลีในวันนี้เลย แต่สถานที่ไม่เอื้ออำนวย เพราะนี่คือห้องทำงานหาใช่ห้องทำกิจกรรมส่วนตัว เท่าที่ทำอยู่ก็ไม่เหมาะสมอย่างแรงอยู่แล้ว
แดดทอแสงอ่อน ทุ่งหญ้าสีเขียวกว้างสุดสายตารอให้ปิ่นปักไปเยี่ยมเยือน เธอหายใจหอบแรง ขณะร่างโปร่งบางก็อ่อนระทวยจากสัมผัสบางเบาสลับหนักหน่วงที่ปลุกปั่นอารมณ์ให้กระเจิดกระเจิงกู่ไม่กลับ
เมฆาเคลื่อนตัวขึ้นมา สายตาคมดุสบกับสายตาหวานปากหนาส่งยิ้มให้ “ห้ามคิดหนีนะปิ่นปัก ถ้าทำอย่างนั้นแล้วถูกฉันจับได้เมื่อไหร่ เธอคงคิดได้เองนะ จะเกิดอะไรขึ้น” ปากก็พูดไป แต่สายตากลับมองเรือนร่างอรชรอย่างมีความหมาย จนคนถูกมองถึงกับสะท้านไปทั้งตัว
ปิ่นปักพยักหน้ารับ ตอนนี้สมองเธอไม่สั่งการใด ๆ จะมีก็เพียงแค่คำสั่งของเมฆาเท่านั้นที่ดังเข้าไปถึงโสตประสาท
“ดี” เมฆาตอบรับ พร้อมก้มไปหยิบเสื้อผ้าของปิ่นปักที่หล่นกองอยู่บนพื้นมาสวมใส่ให้อย่างอ่อนโยน จนเสร็จเรียบร้อย
ชายหนุ่มจับร่างโปร่งบางที่กำลังพยายามผลักไสเขาให้ออกห่าง แขนใหญ่รัดร่างอรชรขึ้นนั่งบนตัก กอดเอวเธอไว้พลางวางใบหน้าลงบนบ่ากว้าง ลมหายใจเป่ารดใบหน้าและลำคอ จนปิ่นปักถึงกับขนลุกซู่
“คุณ...คุณปล่อยฉันได้แล้ว” ปิ่นปักรีบบอกเสียงสั่น ด้วยกลัวอารมณ์แปลก ๆ ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่จะกลับมาใหม่อีกครั้ง ที่คราวนี้เธอกลัวว่าเมฆาจะไม่หยุดอยู่เพียงแค่นี้
เมฆาอมยิ้มจนตาวาว ‘ได้ซิน้องเอ๋อ ฉันจะปล่อยเธอไปก่อน แล้วพรุ่งนี้เราเจอกันใหม่ ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอคลาดสายตาไปแม้แต่วินาทีเดียว’ จมูกโด่งกดลงบนแก้มนวล ก่อนเขาปล่อยตัวปิ่นปักให้เธอได้จัดเสื้อผ้าหน้าผมให้เข้าที่และพาเธอเดินไปส่งที่หน้าประตูห้อง
ริมฝีปากอวบอิ่มที่ตอนนี้บวมเจ่อเพราะฝีมือเมฆา สมองก็ครุ่นคิดหาทางหนีทีไล่ ถ้าหากพรุ่งนี้ไม่มาทำงานกับเขาใช่....พรุ่งนี้เธอจะต้องไม่มาที่บริษัทนี้อีก เพียงแค่คิดได้แบบนั้นปิ่นปักก็ค่อยหายใจคล่องตัวขึ้น มือเรียวยื่นไปจับลูกบิดประตูห้องพร้อมๆ กับมือใหญ่ที่ยื่นมาทาบ แขนแข็งแรงอีกข้างสอดเข้มมาระหว่างเอวคอดกิ่ว
ราวกับว่าเมฆาเองก็ล่วงรู้ความในใจของของเธอ เสียงเข้มจนดุที่ดังข้างหูทำให้ปิ่นปักตัวสั่น
“ฉันรู้ว่าเธอกำลังคิดจะทำอะไรนะปิ่นปัก ถ้าสิบโมงเช้าพรุ่งนี้ฉันไม่เห็นเธอมารอพร้อมกับกระเป๋าเสื้อผ้าล่ะก็...” เมฆาหัวเราะลงคอ ขณะทิ้งคำพูดไว้ให้ปิ่นปักเข้าใจเอง
“เธอน่าจะรู้นะว่าฉันเป็นคนพูดจริงทำจริงแค่ไหน” เมฆาย้ำอีกครั้งก่อนที่จะปล่อยตัวปิ่นปักออกไปจากห้อง
เพียงแค่ประตูห้องปิดลง ปิ่นปักก็รีบวิ่งอย่างรวดเร็ว เพื่อให้พ้นจากห้องและคนบ้า ๆ โดยเร็ว
ไม่เข้าใจ เขาเห็นเธอเป็นอะไรกันแน่ทำไมถึง...
หญิงสาวยกมือขึ้นจับปากที่ยังรู้สึกเหมือนว่ายังมีไฟร้อนนาบอยู่ หัวใจก็ยังเต้นแรงเร็วไม่เป็นจังหวะ
เมฆาเดินกลับไปที่โต๊ะทำงาน รอยยิ้มแต้มทั้งปากและนัยน์ตา ความหอมหวานจากเรือนร่างนุ่มนิ่มยังคงติดตรึงอยู่ไม่วาย
เขาหยิบประวัติของปิ่นปักขึ้นมาดูอีกครั้งหญิงสาวอายุยี่สิบสี่ปี จบการศึกษาระดับอนุปริญญาด้านการบัญชี อาชีพปัจจุบันไม่มีและที่สำคัญคือเป็นโสดตัวคนเดียวไม่มีญาติพี่น้องใด ๆ ทั้งสิ้น
เมฆาเก็บประวัติของหญิงสาวที่ชอบใส่ลิ้นชักล่างสุด
‘แล้วเจอกันพรุ่งนี้น้องเอ๋อ’