Ep.5 : ร่วมเตียง

2551 คำ
พอใจ Say :: “คืนนี้ให้เจ้นอนเป็นเพื่อนไหมคะ น้องพอใจดูเสียใจมากเลย เจ้ไม่เคยเป็นน้องสาวคนไหนรักพี่ชายขนาดนี้มาก่อนเลย แต่พี่ชายอะไม่มีวันทิ้งน้องหรอกนะคะ เพราะคนเป็นพี่ จะเรียนรู้ที่จะให้มากกว่าได้รับ ถ้าเขาหายโกรธ เขาอาจจะกลับมาก็ได้นะคะ” เจ้กี้พยายามปลอบใจฉันที่ยังคงนั่งนร้องไห้ ใช่...เขาจะต้องกลับมาแน่ๆ ถ้าฉันเป็นน้องของเขาจริงๆ นะ เพราะจริงๆ แล้วฉันก็เป็นแค่คนอื่น อยากหัวเราะให้ความงี่เง่าของตัวเอง ขอให้ราชสีห์ก้มหัวให้คนธรรมดาเนี่ยนะ เขาจะเกลียดฉัน ฉันก็ไม่แปลกใจเลย “เจ้กี้กลับก่อนก็ได้นะคะ ฉันโอเคแล้ว นี่เย็นมากแล้วเผื่อเจ้กี้มีธุระต้องทำต่อ” “ไหวแล้วแน่นะคะ ให้เจ้นอนเป็นเพื่อนดีไหม” “ไม่เป็นไรค่ะ ไหวจริงๆ ฉันอยากอยู่คนเดียวด้วย ขอบคุณนะคะเจ้กี้ เจ้กี้กลับไปพักผ่อนเถอะค่ะ ทิ้งฉันให้คุยกับตัวเองสักพัก อาจจะดีขึ้น” “ถ้าไม่บอกว่าพี่น้อง เจ้เนี่ยจะคิดว่าน้องพอใจต้องแอบรักน้องอัคคีแน่ๆ พี่น้องทะเลาะกันเรื่องธรรมดาค่ะ แต่น้องพอใจเนี่ยเสียใจจนเจ้นึกว่าอกหัก เอาเถอะค่ะ เจ้ต้องไปจัดการงานอีกหลายอย่างเลย อยู่ได้นะคะ” เจ้กี้ถามฉันด้วยความเป็นห่วงอีกครั้ง จนตัวฉันเองต้องยืนยันแล้ว ยืนยันอีกว่าอยู่ได้ เจ้กี้จึงยอมกลับ เป็นอาทิตย์ที่ดีจังเลยนะ ดีจนเกือบจะลืมตัว เกือบที่จะทำอะไรที่ข้ามเส้นน้องสาวเลย ทำอะไรที่จะเสี่ยงเสียเขาไปตลอดกาล ทำอะไรตามใจ ทำอะไรที่ทำให้ช่องว่างระหว่างเรากว้างกว่าเดิม ไปแล้วก็ดีอย่างน้อยกำแพงของฉันก็ยังไม่ถูกทำลาย ฉันมีแฟนแล้วนะ แล้วแฟนฉันเขาก็ดีมาก ท่องไว้แค่นี้ก็พอ อาบน้ำ ทำตัวเองให้สดชื่น นอนสักตื่นพรุ่งนี้มันจะต้องดีขึ้น แต่พอเข้ามาในห้องน้ำ พอเห็นอ่างอาบน้ำก็คิดถึงเขาขึ้นมาอีก ฉันทำลายทุกอย่างด้วยมือตัวเองแท้ๆ ทั้งที่ตอนเด็กๆ เราสนิทกันมาก แต่ตอนนี้จะคุยดีๆ กันเกิน 10 คำยังยากเลย ฉันลงไปนั่งในอ่างอาบน้ำที่แห้งสนิท ในฝั่งที่ฉันเคยนั่ง แล้วนั่งกอดเข่าอยู่แบบนั้น ปึง!!!! เสียงปิดประตูจากด้านล่าง มันทำเอาฉันต้องลุกขึ้นมาจากเข่าของตัวเอง เสียงการมาของใครบางคน ทำให้ฉันรีบออกจากอ่างแล้วลงมาข้างล่างทันที ภาพของคนที่ลากกระเป๋ากลับมามันทำเอาฉันรีบเข้าไปสวมกอดที่เพิ่งจะเข้ามาในบ้าน “ต้อนรับกลับบ้านค่ะ” ฉันกระชับอ้อมกอดแน่นกว่าเดิมอีก แม้เขาจะพยายามแกะแขนฉันออก ฉันก็กอดใหม่ แล้วเขาก็ยังแกะอีก ฉันเลยกอดเขาเอาไว้แน่นขึ้น “ฉันถูกบังคับให้กลับมาหรอกนะ” ฉันไม่ได้ตอบอะไร เพียงแค่กอดเงียบๆ อยู่แบบนั้น แค่เขากลับมามันก็ดีมากพอแล้ว ต้องโทรไปขอบคุณลุงมูนไหมนะ แต่อะไรก็ช่างฉันได้เขาคืนแล้ว ฉันปล่อยน้ำตาให้มันไหลผ่านเสื้อเชิ้ตสีดำ ไม่รู้ว่าฉันกอดเขานานแค่ไหน แต่เขาก็ใจดียอมให้ฉันกอดจนน้ำตาเหือดแห้ง “เลิกกอดได้แล้วขนลุก” “ขออีกนิดนึง คิดถึงกลิ่นน้ำหอมกลิ่นนี้จัง จำได้ว่าตอนมหาลัย เคยขโมยมาฉีดครั้งหนึ่งแล้วเฮียโมโหใหญ่เลย เพราะไม่อยากให้มีผู้หญิงกลิ่นเดียวกับเฮีย” เดี๋ยว!!! ....ฉันเผลอพูดอะไรออกไปวะ ใช่....ทุกครั้งที่หาเรื่องทะเลาะ ส่วนหนึ่งเพราะกลัว กลัวว่าตัวเองจะพูดอะไรไม่เข้าท่า แต่ก็อยากคุยเลยต้องใช้วิธีเรื่องทะเลาะ ฉันใช้วิธีนี้มาตั้งแต่ ม.ปลาย จนตอนนี้มันกลายเป็นความเคยชิน “ออกไปได้แล้ว ฉันขนลุก แล้วฉันก็ไม่ได้หายโกรธเธอหรอกนะ แค่กลับไปถึงเชียงใหม่ แล้วพ่อฉันนัดคนที่จะซื้อไนต์คลับมาคุยทันที ฉันเลยต้องกลับมา ตอนนี้ฉันจะไปอยู่ไหนก็ไม่ได้ ต้องมาอยู่ติดกับคนงี่เง่า ไร้เหตุผลแบบเธอ ถอยไปเลยไป ฉันจะไปอาบน้ำ” “เฮียค่ะ แทนตัวเองว่าเฮียสิคะ มาฉัน ฉันอะไร” “เออ เฮีย หลบ เหนื่อย เข้าใจมะ จะไปอาบน้ำ” เสียงตวาดดุ ๆ ทำให้ฉันต้องคลายอ้อมกอด แล้วเดินตามคนที่ลากกระเป๋าขึ้นบันไดไปอย่างเงียบ ๆ อัคคี Say :: หลังอาบน้ำ ผมก็กลับมาที่ห้องเพื่อเตรียมตัวที่จะนอน แต่พอจะนอนประตูห้องของผมมันก็เปิดออก โดยไม่มีการเคาะ ไม่มีการบอกกล่าว ยัยนี่เข้าใจคำว่าพื้นที่ส่วนตัวไหม มีอะไรอีก ผมไม่อยากจะคุยกับเธอนักหรอก แค่เห็นหน้าก็เหม็นขี้หน้าละ “นอนด้วยนะคะ” “ตลก อย่ามาตลกนะ นี่มันห้องผู้ชายนะ ยัยเป็ดขี้เหร่” “ห้องพี่ชายค่ะ ไม่ใช่ผู้ชายธรรมดา” นั่นยังเถียง ผมมองคนที่หอบหมอนและผ้าห่มมาพร้อม อะไรของยัยนี่วะ ห้องตัวเองก็มี ห้องนอนแขกก็มี ทำไมต้องมานอนห้องผม แล้วนี่กินยาไม่เขย่าขวดเหรอ มาคะ มาขา ไม่ชินวุ้ย “ออกไป คืนนี้ฉันจะช่วยตัวเอง จะอยู่ดูรึไง” สีหน้าของคนฟังตกใจจนหน้าเหวอ แต่ก็ยังเข้ามาในห้องพร้อมหมอนอยู่ดี “ฉันจะปิดตาค่ะ” เหอะ ๆ มากไปแล้ว!!!!! ทำไมยัยนี่มันมึนแบบนี้วะ แล้วเวลาผมนอนผมใส่แค่บ๊อกเซอร์ตัวเดียว จะให้มีผู้หญิงมานอนด้วยเฉย ๆ ได้ไง ผมพยายามไล่ยัยเป็ดออกไป แต่ทำยังไงก็ไม่ยอมออก ติดเหนียวหนึบอย่างกับตุ๊กแก แล้วเอาแต่กอดผมเอาไว้แน่น ดึงดันสุด ๆ จนตัวผมเองต้องยอมแพ้ “ไม่เอา ไม่ไป ฉันกลัว” “กลัวอะไรวะ!!!!” “กลัวเฮียหายไปอีก อยู่คนเดียวในบ้านมันน่ากลัวมากเลยนะ ขอแค่คืนเดียว แล้วเมื่อก่อนเราก็นอนรวมกันบ่อย ๆ เตียงเดียวกันก็นอนออกบ่อยไป” เอาเข้าไป ยัยนี่มันงี่เง่าได้โล่เลยโว้ยยยยยย ไล่ก็ไม่ไป “ไปนอนพื้น” “อื้มมมม ขอบคุณค่ะ ฉันนอนตรงนี้นะ” แล้วยัยเป็ดก็ชี้ลงไปที่ข้างเตียง จัดหมอนกับผ้าห่มแล้วตีตั๋วยาวทันที นี่มันอะไรกัน ทำไมผมต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วย ผมกลับมานอนในที่ตัวเอง จะหลับยังไง นี่มันแค่ ตี1 ปกติตอนนี้ที่ไนต์คลับผมยังกินเหล้าอยู่เลย “เฮีย.....เฮีย” เสียงเรียกเบา ๆ ของคนข้างเตียงทำเอาผมต้องแกล้งหลับ เพราะไม่อยากคุยอะไรกับเธอ แค่เห็นหน้ายังเหม็นขี้หน้าเลย ไม่อยากคุยอะไรกับเธอทั้งนั้นอะ ทำไมวันนี้ยัยนี่ทำตัวแปลก ๆ หรือจะรู้สึกผิด แต่อย่างยัยนี่หรอรู้สึกผิด ตั้งแต่เด็กยันโตแม่งไม่เคยรู้สึกผิดอะไรเลย ผมโกรธ โกรธมาก โกรธมากจนไม่อยากเห็นหน้ายัยนี่เลย ถ้าไม่ติดว่าพ่อตัวแสบให้ผมคุยกับคนที่จะมาซื้อไนต์คลับ ผมคงจะไม่บินกลับมาแน่นอน “หลับยัง” คำถามของเธอ ไม่ได้รับการตอบรับ เพราะผมแกล้งหลับอยู่นิ แต่ดูเหมือนการไม่ตอบของผม จะทำให้ยัยเป็ดได้ใจ หอบหมอนของตัวเองขึ้นมานอนบนเตียง ดี...ยัยนี่หลับเมื่อไหร่ ผมจะแกล้งละเมอแล้วถีบยัยนี่ลงไปกองที่เดิม ริอาจมาตีเนียนงั้นหรอ มันต้องโดนซะบ้าง “อย่าไปไหนอีกเลยนะ” เสียงพึมพำในลำคอของเธอ แม้จะเบาแต่เพราะความเงียบ มันทำให้ผมได้ยินอย่างชัดเจน ใครจะไปอยากอยู่กับเธอ อยู่กับเธอชีวิตฉันโคตรซวยเลย แค่เธอกลับมาโลกของฉันก็พังแล้ว ผมหันไปมองคนที่เริ่มหายใจหนัก ๆ และกรนออกมาเบา ๆ เพื่อจะถีบเธอลงไปตามที่คิดไว้ แต่กลับถูกแขนเล็ก ๆ กอดเข้าที่เอว อะไรของยัยนี่เนี่ย เห็นผมเป็นหมอนข้างรึไง แล้วตัวเองมานอนในห้องผู้ชายนะ มาเนียนกอดแบบนี้ได้ไง ของขาดหรอ ถ้าแอบปลดกระดุมสักเม็ดจะได้ไหมนะ เดี๋ยว ๆ ไอ้คี ฉันรู้แกบ้ากาม แต่แกจะมากามกับน้องไม่ได้ แต่มันเป็นกลไลธรรมชาตินะเว้ย ไม่ได้คิดอะไรลึกสักหน่อย ผมไม่ได้คิดจะปล้ำเธอนะผมสาบาน แค่อยากจะเอายัยนี่ออกไป แล้วจะกอดแบบนี้อีกนานไหม!!!!! เฮ้อออออ ยัยนี่มันเกินคนจริง ๆ นอนมันเลยแล้ว แล้วไอ้นมที่ชนแขนอยู่นี่ จะทำยังไงกับมันดี ผมเนี่ยเป็นคนปึ๋งปั๋งง่ายมากเลยนะจะบอกให้ เช้าวันต่อมา..... ผมตื่นขึ้นมาบนเตียงที่ไม่มียัยเป็ดแล้ว แถมเก็บที่นอนอะไรเรียบร้อยหมดแล้วด้วย กลัวผมรู้ที่ตัวเองมาตีเนียนนอนบนเตียงสินะ โธ่...ยัยเป็ดขี้เหร่ สงสัยต่อไปต้องนอนล็อกประตูนอนแล้วสิ ผมลุกขึ้นจากเตียงแล้วจัดการตัวเองก่อนจะลงไปข้างล่าง พอลงไปก็เจอไอ้พระเอกที่มันนั่งรออยู่ที่โซฟา “สวัสดีครับ คุณพี่ชาย เปลี่ยนรถใหม่หรอครับ” “พอดีบ้านผมมีหลายคัน มาหากันแต่เช้าเลย จะพากันไปไหน ผมทราบได้ใช่ไหมครับ” “ผมชวนเธอไปทานข้าวข้างนอก แต่เธอไม่ไปท่าเดียว ช่วยพูดให้ผมหน่อยสิครับ ร้านที่ผมจะพาเธอไป อร่อยมากเลย ผมเนี่ยจองโต๊ะนานมากเลยกว่าจะได้” ไอ้พระเอกนั่นยิ้มมาหาให้ผม เพื่อให้ผมช่วยคุยกับน้องสาวตัวเองให้หน่อย ผมมองเข้าไปในครัว ก็เห็นยัยเป็ดยืนทำอาหารอยู่ในครัว ทำไมต้องออกไปข้างนอกอะ ในเมื่อยัยนี่ทำอาหารอยู่ ผมเลยยิ้มให้เขากลับ แล้วเดินเข้าไปในครัวเพื่อหาอะไรในตู้เย็นกิน ก็ผมยังโกรธเธออยู่นิ “อันนี้ฉันทำให้พี่เลยนะ อ่าวเฮียคี!!! ทานข้าวด้วยกันไหมอะ” ไม่กินของเธอหรอก ไปกินกับแฟนเธอโน่น แต่เดี๋ยวทำไมทำอาหารแล้วครัวมันพังขนาดนี้ ผมชะเง้อไปมองสิ่งที่เธอทำ มันน่ากลัวระดับ 10 ผมไม่คิดว่ามันคิดว่ามันคืออาหารนะ ผมว่ามันเหมือนอะไรที่เอาขยำ ๆ รวม ๆ กัน น่ากลัวสัส ๆ “พอได้ไหมคะ ฉันพยายามทำตามในสูตรเลยนะคะ” ไม่เหมือน ผมสาบาน ในหนังสือกับสิ่งที่เธอทำมันไม่เหมือนกันแน่ ๆ ในหนังสืออะอาหาร แต่ที่เธอทำนี่มันยาพิษชัด ๆ ผมหยิบสิ่งที่เรียกอาหารออกจากตู้เย็น ก่อนจะเดินออกมาจากครัวทันที ผมหันมองหน้าคนที่รอกินอาหารของเธออยู่แล้วสงสาร เลยได้แต่ปลอบใจเบา ๆ “โชคดีนะ” อยู่ไม่ได้แล้ว ต้องมีการตายเกิดขึ้นในบ้านแน่ ๆ ไปข้างนอกบ้าน หาอะไรกินดีกว่า พอใจ Say :: สุดท้ายเราก็มาจบด้วยการออกมาทานข้าวนอกบ้าน เพราะสกิลทำอาหารที่ดีเลิศ ทำให้พี่ไทม์แทบจะคายทันทีที่เข้าปาก โดยไม่ลืมที่ไลน์บอกเฮียคีว่าฉันไปที่ไหน เขาจะได้ไม่เป็นห่วง เรามาถึงร้านที่พี่ไทม์จองโต๊ะเอาไว้ แล้วเริ่มสั่งอาหาร เพราะตอนนี้ฉันหิวมาก มากถึงมากที่สุด “เราเปิดตัวว่าคบกันเป็นแฟนดีไหมคะ เราก็คบกันมา 2 เดือนกว่าแล้วน้า พี่ไม่อยากคบพอใจแอบ ๆ ค่ะ พี่อยากให้เกียรติพอใจ” พี่ไทม์เริ่มเปิดประเด็นการคุย ซึ่งมันก็ดีที่พี่เขาคิดแบบนี้ ถ้าพี่เป็นแค่คนธรรมดา “ขอโทษนะคะ ฉันคิดว่ายังไม่เหมาะ ไม่ใช่ฉันไม่ให้เกียรติพี่นะคะ แต่ฉันจะโดนแฟนคลับพี่่ถล่มตอนนี้ไม่ได้ ตอนนี้ฉันเป็นแค่เด็กน้อยที่นี่ เอาไว้เราก้าวทันกันเมื่อไหร่ แล้วเราค่อยมาเปิดตัวนะคะ” “พี่ไม่เห็นแคร์เลยค่ะ เธออะคิดมากไปแล้ว” พอเรากินข้าวเสร็จ กองทัพนักข่าว ก็แห่กันมาจนเต็มหน้าร้าน นี่มันอะไรกัน ครั้งที่แล้วแอบถ่าย ครั้งนี้มากันจนเต็มหน้าร้านแบบนี้เลยหรอ แบบนี้หนีไม่ได้แน่ ๆ แบบนี้ตั้งใจจะมาจู่โจมเราเลย แม้แต่พี่ไทม์ตอนนี้ก็ตกใจไม่แพ้กัน [ PJ คิดยังไงกับข่าวที่เกิดขึ้นคะ ] นักข่าวที่จ่อไมค์มาที่ฉันทำให้ฉันงงนิด ๆ ว่าข่าวอะไร “ข่าวอะไรคะ” [ ข่าวที่บอกว่าคุณเป็นมือที่ 3 ที่ทำให้ไทม์กับลิชเลิกกันไงคะ ] “ไม่เกี่ยวกับพอใจเลยครับ ผมกับลิชเราเลิกกันนานแล้ว เลิกกันก่อนที่ผมจะไปเจอพอใจที่ปาริสด้วยซ้ำ” ทำไมพี่ไทม์ถึงตอบแบบนี้ แบบนี้มันยิ่งชี้ชัดว่าฉันนะสิ [ แสดงว่าคุณสองคนคบกันจริงนะสิคะ ] “ตอนนี้เรายังไม่ได้คบกัน พี่ไทม์เป็นพี่ชายที่ดี เรามีนัดกินข้าวกันบางครั้งเท่านั้น” [ แต่มีแชทหลุด บอกพวกคุณสองคน คุยกันตั้งแต่ไทม์กับลิชยังไม่เลิกกันจริงไหมคะ ] ไมค์ที่จ่อปากฉันทำเอาฉันตกใจ ถ้าตอบว่าฉันไม่ทราบจะดูเป็นคนแถทันที “ขอทางหน่อยครับ ขอทางหน่อยครับ” เสียงที่คุ้นเคยแหวกพวกนักข่าวเข้ามา ทำเอาฉันยิ้มออก นักข่าวทุกคนหันไปมอง ผู้ชายที่แทรกตัวเข้ามาในระหว่างสัมภาษณ์ “เฮียรอที่รถนานแล้ว ทำไมช้าจัง ขอโทษนะครับ ผมขอตัวน้องสาวด้วย เอาไว้เขามากันสองคนพวกคุณค่อยสัมภาษณ์เนอะ ตอนนี้พวกคุณกำลังทำผมไปธุระไม่ทัน” แล้วเฮียคีก็ลากแขนฉันไปขึ้นรถเปิดประทุนสุดหรูสีดำ เป็นการขโมยซีนที่แบบตบหน้านักข่าวเลย อีกด้าน........ “ครั้งนี้แกรอดไปได้ ครั้งหน้าไม่มีทางหรอก ชอบแย่งผัวชาวบ้าน มันต้องทำให้หมดอนาคต” หญิงสาวสวมแว่นกันแดด ก่อนจะเดินกลับไปที่รถของตัวเอง “แบบนี้ไอ้ไทม์มันคงงานหดไปอีกยาวเลยนะคะน้องลิช” “สมน้ำหน้า ก็แค่พระเอกขาลง ฉันจะทำให้มันหายไปเลย โทษฐานที่หักหลังฉัน ทั้งที่ตัวเองดังได้เพราะเป็นคู่จิ้นกับฉันแท้ คิดจะทิ้งฉันมันต้องเจอแบบนี้แหละ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม