บทที่ 2

1099 คำ
เขาข่มขืนเธอในคืนที่เธอตัดสินใจเดินทางไปขอโทษเขาสำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นที่คอนโด เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองทำผิดอะไร แต่สิ่งที่เธอได้รับกลับมานั้นกลับกลายเป็นกรงขังขนาดใหญ่ที่เขาใช้มันเพื่อที่จะกักขังกันเอาไว้  ด้วยสถานะที่เธอไม่เคยต้องการมัน ไม่เคย!            หญิงสาวหลับตาลงอย่างอ่อนล้า แม้ว่านี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาลากเธอมาทิ้งเอาไว้ก่อนจะหนีหายไปกับผู้หญิงอีกคน แต่ไม่ว่าเมื่อไหร่ เธอก็ไม่ทำใจให้ชินกับมันได้เลย เธอปวดร้าวทุกครั้งที่ได้เห็นมือที่เคยสัมผัสเรือนร่างเปลือยเปล่าของตัวเองไปสัมผัสคนอื่น และยิ่งรู้สึกเกลียดตัวเองมากเข้าไปทุกที ที่มันไม่สามารถเลิกเลวๆ รักคนอย่างเขาได้เลยสักครั้ง     ไม่ว่าเธอจะพยายามสักแค่ไหนก็ทำไม่ได้! เธอหลงรักพี่ชายของเพื่อนตั้งแต่วันที่ได้รู้จัก! ปาหนันเองก็รู้เรื่องนี้ และพยายามเชียร์เธอกับพี่ชายตัวเองมาโดยตลอด เพื่อนรักที่เธอคิดถึงอยู่ทุกวัน ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าโชคชะตาจะเล่นตลกร้ายแบบนี้ ไม่อยากจะเชื่อแต่ก็ต้องยอมรับความผิดที่ตนเองไม่ได้ก่อเอาไว้ เพื่อที่ว่าสักวันเธออาจจะหลุดพ้นไปจากตรงนี้ ที่ที่เธอไม่เคยคิดเลยว่าจะต้องมายืนรับความเจ็บปวดด้วยเหตุผลบ้าบอจากคนที่ทำลายชีวิตของเธอเพียงเพราะเอาความคิดผิดๆ ของตัวเองเป็นที่ตั้ง            ความผิดที่เขาประกาศไว้นับตั้งแต่วันนั้น...ว่าเธอจะต้องชดใช้ต่อการสูญเสียของเขากับครอบครัวอย่างสาสม! อันธิกาหลับสนิทหลายชั่วโมงจนกระทั่งเสียงเคาะประตูห้องพักของเธอดังขึ้นติดต่อกันหลายครั้ง มันทำให้ฝันดีๆ ของเธอสลาย หญิงสาวแน่นิ่งชั่งใจอยู่ครู่ ก่อนจะลุกขึ้นมาเปิด เพราะพอจะเดาได้ไม่ยาก ว่าใครคือเจ้าของฝ่ามือที่กำลังทุบประตูห้องพักเธออยู่ “พี่รุจ…” หญิงสาวเอ่ยชื่อคนตรงหน้าเบาๆ ก่อนจะถูกอีกฝ่ายผลักไหล่ ให้ถอยหลังเข้ามาในห้อง   โดยมีเขาตามเข้าตามติดๆ “ฉันแค่แวะมาดู ทำไมไม่ลงไปกินข้าว!” วิศรุตเอ่ยเฉลยถึงการมาเยือนของตัวเองด้วยน้ำเสียงเย็นชาจนอีกคนต้องก้าวถอยหนีเพราะไม่อยากอยู่ใกล้เขาเวลานี้ เขาดูเหมือนหงุดหงิดอะไรบางอย่าง  แต่เธอไม่รู้และไม่คิดถาม เพราะรู้ดีว่าเขาคงไม่มีวันตอบ            “อันยังไม่ค่อยหิวค่ะ   อยากนอนพักมากกว่า แล้วคุณลิน…” อันธิกาตอบก่อนจะถามถึงอีกคนที่มักจะทำตัวติดกับวิศรุตราวกับเงา เธอรู้ได้จากภาพที่ได้เห็นในนิตยสารบ่อยๆ            “ไม่ใช่เรื่องที่ฉันจะต้องมารายงานเธอเลยสักนิดจริงไหม! แต่ถ้าอยากรู้จะบอกให้ ลินเขานอนเอาแรงอยู่ที่ห้องหลังจากที่เราสองคนเพิ่งจะสนุกสุดเหวี่ยงกันมาตลอดทั้งวัน” คำตอบนั้นพานทำให้ใจคนฟังเจ็บจนชา แม้จะบอกตัวเองอยู่หลายครั้งว่าอย่าไปรู้สึกกับอะไร     แต่ก็ยากที่มันจะยอมทำตามคำสั่งไม่ว่าเมื่อไหร่เธอก็ยังเจ็บ            เจ็บที่ต้องแบกรับการกระทำอันไร้หัวใจของคนตรงหน้าคนนี้!            “พี่รุจมีอะไรกับอันอีกรึเปล่าคะ ถ้าไม่มีอันอยากขอร้องให้พี่ออกไปจากห้องของอันค่ะ มันคงไม่ดีถ้าเกิดมีใครมาเห็นพี่เดินเข้าออกห้องพักของผู้หญิงถึงสองคนในเวลาไล่เลี่ยกันแบบนี้” อันธิกาตอบกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ พยายามพูดเพื่อให้อีกคนเข้าใจว่าเธอไม่ได้มีเจตนาไล่ เพียงแต่ที่ทำไปทั้งหมดก็เพราะเป็นห่วงเขาเท่านั้น เธอรู้ว่าเขาเป็นคนมีหน้ามีตาทางสังคม เพราะรู้ถึงได้ไม่อยากให้ใครเอาเรื่องพวกนี้ไปโจมตี   จนทำให้เขาต้องเสียหายได้อีก            หลายครั้งที่เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้น  แม้เจ้าตัวจะไม่สนใจก็เถอะ            “ทำไม! แอบนัดใครไว้ถึงไม่อยากให้ฉันอยู่ด้วย” วิศรุตตวาดถาม ไม่สบอารมณ์ทุกครั้งที่อีกคนชอบทำเหมือนเขาเป็นตัวเชื้อโรคที่เธอไม่อยากเข้าใกล้ ถ้าเขามันสกปรก...เธอเองก็คงไม่ต่างกันเท่าไหร่            “นั่นไม่ใช่นิสัยอัน พี่รุจก็รู้…” หญิงสาวตอบกลับอย่างเหนื่อยใจ    จะมีสักครั้งบ้างไหมที่เขาจะมองเห็นความหวังดีของเธอ   “ฉันจะไปรู้ได้ยังไง! ผู้หญิงอย่างเธอมันอาจจะร้ายลึกก็ได้ใครจะไปรู้ แล้วฉันจะบอกอะไรให้เอาบุญนะอันธิกา ว่าเธอไม่มีสิทธิ์มาออกคำสั่งกับฉัน! ฉันจะอยู่หรือไปจากที่นี่ มีแต่ฉันคนเดียวเท่านั้นที่มีสิทธิ์ตัดสินใจ ไม่ใช่ผู้หญิงสกปรกอย่างเธอ!” คำพูดทุกคำของเขาทำให้อันธิกาต้องก้มหน้ารับความผิดอีกครั้ง เมื่อพยายามอธิบายแล้วแต่เขาเลือกที่จะไม่ฟังก็พอที     เธอไม่ขอพูดหรืออธิบายอะไรอีก            เขาอยากจะเชื่อแบบไหน ก็สุดแล้วแต่ใจเขาเลย!            “แล้วนี่จะไปไหน!”  วิศรุตจำต้องรั้งต้นแขนของอีกคนไว้เมื่อเห็นว่าเธอทำท่าจะเดินหนีไปที่ประตูห้องพัก เกลียดสุดคือการเดินหนีทั้งๆ ที่เขาไม่ได้สั่ง            “อันหิวค่ะ” ครั้งนี้เขาไม่ตอบ แต่เลือกที่จะลากเธอออกมาจากห้องด้วยกัน  กระทั่งเมื่อถึงที่หมายเขาก็ยังไม่วายกันมากำชับสั่ง            “นั่งลงแล้วกินให้หมด!” อันธิกาจ้องมองเจ้าของคำสั่งด้วยสายตาสงสัย ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงพาเธอมาทานข้าวในสถานที่แบบนี้ ไหนว่าเกลียดกันนัก แล้วทำไมถึงมอบสิ่งดีๆ เหล่านี้ให้กับเธอ            “ฉันสั่งให้กินให้หมดไม่ได้ยินรึไง!” หญิงสาวจำต้องพยักหน้ารับ ก่อนจะรีบตักอาการตรงหน้าเข้าปากโดยไม่พูดอะไรให้คนตรงหน้าต้องหงุดหงิดขึ้นมาอีก ต่างจากวิศรุตที่เอาแต่จ้องมองกันไม่วางตา เมื่อเห็นว่าแม่คนอวดดีตรงหน้าไม่ได้สร้างเรื่องให้ปวดหัวเขาจึงได้เริ่มต้นรับประทานอาหารตรงหน้าของตัวเองบ้าง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม