“ฝากบอกคุณพ่อคุณแม่หนูด้วยนะว่าอีกสองวันแม่กับพี่จะเข้าไปหา ขับรถไปส่งน้องดีๆ ละตารุจ” วิศรุตพยักหน้ารับคำมารดาก่อนจะปิดประตูให้ เมื่อคู่หมั้นเดินเข้ามานั่งบนรถเป็นที่เรียบร้อย
“อย่าลืมเรื่องที่สั่ง! ฉันต้องการให้เธอไปลาออกจากงานก่อนจะถึงวันแต่งงานของเรา!” เสียงเข้มเอ่ยทำลายความเงียบขึ้นมา มันเสียดแทงใจคนฟัง เสียจนต้องหันไปมองหน้าเขาอย่างเงียบๆ
‘งานแต่งของเรา’
เธอคงจะมีความสุขกับคำๆ นี้ไม่น้อยหากงานแต่งงานที่กำลังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เกิดขึ้นเพราะความรักไม่ใช่เพราะความต้องการของเขาที่อยากจะเห็นเธอตกนรกทั้งเป็น คำว่าเราของเขานั้นมันช่างไร้ความหมายเมื่อเทียบกับสิ่งที่เธอต้องจำใจเผชิญหน้ามาตลอด ไม่มีอีกแล้วพี่รุจคนเดิมที่แสนใจดีคนนั้น ไม่มีแล้วจริงๆ
“เราไม่แต่งงานกันไม่ได้เหรอคะพี่รุจ” อันธิกาไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้เธอเอ่ยประโยคนี้ออกไป และแน่นอนว่ามันทำให้รถที่กำลังเคลื่อนตัวอยู่นั้นถูกเบรกในทันที
“ทำไม! รังเกียจฉันมากนักรึไง!” วิศรุตตวาดถามพร้อมกระชากต้นแขนแม่ตัวดีเข้าหาตัวอย่างรุนแรง ไม่ชอบใจเลยสักนิดเวลาที่อันธิกาพยายามจะทำอะไร ที่มันนอกเหนือจากคำสั่งของเขา
“พี่รุจต่างหากละคะที่รังเกียจอัน อย่าทำกับอันแบบนี้เลยนะคะ อย่าทำแบบนี้เลยนะคะ แค่ทุกวันนี้อันก็เจ็บมากพอแล้ว ถ้านี่คือสิ่งที่พี่รุจต้องการจะเห็น อันบอกได้เลยค่ะว่าอันเจ็บมากแล้วจริงๆ” เจ็บกายเธอยังพอทนไหว แต่เจ็บที่ใจคงไม่มีวันกลับมาหายสนิทได้ง่ายๆ หัวใจของเธอในตอนนี้มันเต็มไปด้วยบาดแผลที่เกิดมาจากการกระทำของเขา นั่นเพราะเธอรักเขามาก แต่ก็ไม่อยากแต่งงานกันเพราะความแค้น ที่เขาเอาแต่โทษว่าทั้งหมดมันคือความผิดของเธอ
ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วมันไม่ใช่!
“ไม่! เราสองคนจะแต่งงานกัน และเธอไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธอะไรทั้งนั้น!” วิศรุตตวาดตอบด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นเอาการ อย่าหวังว่าแค่นี้เขาจะยอมปล่อย อันธิกายังเจ็บได้ไม่ถึงครึ่งที่เขากับแม่เจ็บเลยด้วยซ้ำ ตราบใดที่แม่ของเขายังเอาแต่นั่งร้องไห้คิดถึงปาหนันอยู่นั้น เขาจะไม่มีวันยอมปล่อยให้ผู้หญิงคนนี้ลอยนวลเป็นอันขาด ไม่มีวัน!
วิศรุตหายหน้าไปนานหลายวันก่อนที่เขาจะปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับมารดาในวันนี้ วันที่งานแต่งงานกำลังจะเกิดขึ้นโดยมีแต่เพียงฝ่ายเจ้าบ่าวและเจ้าสาวเท่านั้นที่อยู่พูดคุยกันภายในบ้าน ส่วนวิศรุตกับอันธิกาถูกสั่งให้ออกมารอข้างนอก ซึ่งทั้งสองก็ไม่ได้ขัดใจอะไรพวกผู้ใหญ่ยอมทำตามที่พวกท่านบอกแต่โดยดี
“ฉันมีเรื่องที่ต้องตกลงกับเธอก่อนแต่งงาน” คนที่เป็นฝ่ายเปิดฉากพูดก่อนนั้นคือวิศรุตที่จ้องมองใบหน้าที่ซีดไปถนัดตาตั้งแต่ที่เจอเขากับแม่ที่หน้าประตูบ้านนั่นแล้วไปพลางๆ
“ว่ามาได้เลยค่ะ” อันธิกาตอบเหมือนคนไร้ซึ่งทางให้ได้เลือก
“ถึงเราจะแต่งงานกัน แต่เธอจะไม่มีสิทธิ์มายุ่งวุ่นวายกับชีวิตของฉัน! เราสองคนจะย้ายไปอยู่ที่คอนโดฉันทันทีที่งานแต่งจบลง ฉันจะบอกคุณแม่ว่าที่นั่นมันสะดวกเวลาไปทำงาน เธอเองก็ควรจะบอกแบบนั้นเหมือนกัน ถ้าเกิดว่าท่านหรือใครถาม!” หญิงสาวรับฟังแต่โดยดีก่อนจะพยักหน้ารับไม่กล้าแม้แต่จะแสดงความเห็นเพราะรู้แก่ใจดี ว่าเสียงของเธอมันแทบไม่เคยมีความหมายอะไรสำหรับเขา
“อีกอย่าง…ระหว่างฉันกับลินหรือแม้แต่ผู้หญิงคนอื่นๆ ของฉันยังเหมือนเดิมทุกอย่าง เธอไม่มีสิทธิ์มาตีกรอบหรือแสดงอำนาจอะไรในชีวิตของฉันทั้งนั้น หน้าที่เธอต้องทำคือเป็นนางบำเรอบนเตียงให้ฉันแก้ขัดเวลาที่ผู้หญิงของฉันเขาไม่ว่าง! ซึ่งฉันคิดว่าเธอน่าจะชอบมัน” คนฟังได้แต่ยืนนิ่ง ทั้งๆ ที่หัวใจแสนปวดร้าวเหลือเกิน
“แล้วอันละคะ…”
“เธอทำไม!” วิศรุตย้อนถามอย่างไม่เข้าใจ
“อันมีสิทธิ์ทำอย่างที่รุจทำด้วยรึเปล่า” อันธิการู้ตัวเองดีว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังที่เอ่ยถามประโยคนี้จบลง ซึ่งมันก็เป็นไปตามที่คิดเมื่อต้นแขนของเธอ ถูกคนใจร้ายกระชากเข้าหาตัวเขาอย่างรุนแรง
“อยากตายก็ลองดู! จำใส่หัวเอาไว้นะอันธิกาว่าเธอไม่มีสิทธิ์ไปมั่วกับผู้ชายคนไหนทั้งนั้นตราบใดที่ยังนอนกอดทะเบียนสมรสของฉันอยู่! เพราะฉันไม่ชอบใช้ของร่วมกับใคร!” แล้วเธอเล่า เขาเคยคิดจะถามเธอบ้างไหมว่าอยากจะใช้ผู้ชายร่วมกันกับผู้หญิงของเขารึเปล่า อันธิกาได้แต่ร้องถามคำถามนี้แต่ภายในใจ
“พี่รุจจะใจร้ายกับอันไปถึงไหนคะ”
“เธอไม่มีสิทธิ์มาตั้งคำถามบ้าบอพวกนี้กับฉัน! สิ่งที่เธอทำได้คือก้มหน้ายอมรับความจริงซะอันธิกา ว่านับจากวันนี้ไปความสุขในชีวิตเธอมันจบสิ้นแล้ว! ทำใจซะ” คนใจร้ายทิ้งท้ายไว้ก่อนจะแสร้งตีสีหน้าอบอุ่นเมื่อพวกผู้ใหญ่พากันเดินออกมาจากบ้านหลังจากหารือกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ถึงค่าสินสอดของงานแต่งที่จะเกิดขึ้น ซึ่งยิ่งใกล้ถึงวันมากเท่าไหร่ หัวใจของหญิงสาวก็เจ็บลึกมากขึ้นเท่านั้น!
เจ็บเสียจนบางครั้งเธอก็อยากจะหายไปจากตรงนี้เสียให้มันรู้แล้วรู้รอด…แต่ก็ไม่อาจทำได้อย่างใจคิดเสียที!
งานแต่งงานระหว่างอันธิกาและวิศรุตมาถึงไวจนเจ้าสาวซึ่งตอนนี้กำลังนั่งแต่งหน้าอยู่ในห้องพักภายในโรงแรมหรูห้าดาวที่ถูกเหมาเพื่องานวันนี้โดยเฉพาะใจหาย ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมาอันธิกายุ่งอยู่กับการเตรียมตัวจนแทบไม่มีเวลาเป็นของตัวเอง เพราะทั้งฝ่ายพ่อและแม่เธอรวมไปถึงแม่ของวิศรุตอยากให้งานวันนี้ออกมาดีที่สุด ทุกๆ คนจึงช่วยกันทำให้มันออกมาดี โดยที่ไม่มีใครถามเธอเลยสักคำว่าอยากให้งานวันนี้เกิดขึ้นรึเปล่า…
“เสร็จรึยังลูกอัน… วันนี้ลูกสาวของแม่สวยมากจริงๆ เห็นด้วยไหมคะคุณพี่” อันธิกายิ้มให้พ่อและแม่ก่อนจะโอบกอดพวกท่านด้วยความรู้สึกใจหายที่พ้นวันนี้ไป เธอต้องออกมาใช้ชีวิตอยู่กับสามี
“ไว้อันจะกลับไปเยี่ยมพ่อกับแม่บ่อยๆ นะคะ”
“เอาน่าลูกคนนี้นี่ คอนโดของพี่เขาอยู่ใกล้บ้านของเราจะตาย อันอยากไปเยี่ยมพ่อกับแม่เมื่อไหร่ก็ได้ลูก แม่ดีใจจริงๆ ที่ในที่สุดลูกสาวของแม่ก็เป็นฝั่งเป็นฝา อันต้องมีความสุขให้มากๆ นะลูก แม่เชื่อว่าตารุจจะทำให้อันมีความสุข” ความเชื่อของผู้เป็นแม่นั้นทำอันธิกายิ้มไม่ออก หลายครั้งที่เธออยากจะระบายเรื่องที่เกิดขึ้นให้ท่านได้รับรู้ แต่ก็ไม่อาจทำได้เพราะติดตรงเงินจำนวนหนึ่งที่คนใจร้ายแอบมอบให้พวกท่านนำไปใช้หนี้ ซึ่งมันมากเกินกว่าที่เธอจะมีปัญญาหาไปคืนเขาเพื่อเอาชีวิตของตัวเองกลับคืนมาได้
“อันรักพ่อกับแม่นะคะ อันจะมีความสุขค่ะ”