ห้องขนาดสามสิบตารางเมตรของปานมาศค่อนข้างน่าอยู่เพราะตัวอาคารยังใหม่ ด้านในตกแต่งด้วยสไตล์ญี่ปุ่นเน้นโทนไม้สีอ่อนทำให้รู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในห้องสตูดิโอของโรงแรมในต่างประเทศ สายตาของนาวินกวาดมองรอบๆ แล้วก็พอใจเมื่อข้าวของที่วางอยู่บ่งบอกว่าหญิงสาวอยู่ที่นี่เพียงลำพัง
“เจอที่คับแคบกว่าเพนท์เฮ้าส์ของคุณแล้วรู้สึกอึดอัดหรือเปล่าคะ”
“ห้องนี้ดีอยู่แล้ว” เขาจ้องคนตรงหน้าให้รู้ว่าการมีเธอที่ห้องนี้นั่นคือสิ่งที่สำคัญที่สุด ชายหนุ่มวางกระเป๋าบนโต๊ะเขียนหนังสือข้างเตียงแล้วถอดสูทวางบนเก้าอี้ ก่อนจะจัดการกับชุดทำงานที่แสนอึดอัดให้ผ่อนคลายลง
ภาพที่เขาดึงเนกไทออกทำให้ปานมาศปั่นป่วนที่สุด
หญิงสาวเดินเลี่ยงไปโซนครัวเพื่อเปิดไวน์ขวดใหม่ ขืนยืนมองเขาน้ำลายหกไก่จะตื่นเสียก่อน
“ช่วยไหม”
นาวินมายืนซ้อนหลัง ลมหายใจอุ่นๆ ของเขารินรดต้นคอของปานมาศจนขนอ่อนลุกชันเพราะความหวามไหว
หญิงสาวหันมาเผชิญหน้าแล้วเอามือดันอกเขาเล็กน้อยเมื่อชายหนุ่มขยับมาชิดกันมากขึ้น
“คุณมีแฟนหรือเปล่า” ปานมาศลืมไปว่าต้องถามเขา เพราะต่อให้อยากได้นาวินแค่ไหน เธอก็ไม่คิดจะแย่งของของใคร
“ไม่มี”
“ถ้าอย่างนั้น เรามาเป็น friend with benefit กันไหม” เธอเอ่ยชวนคนตรงหน้า ไม่คิดเรื่องวันไนต์สแตนด์เลยเพราะกับเขาครั้งเดียวไม่น่าจะพอ
“ได้”
“คุณเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับได้หรือเปล่า”
นาวินจ้องผิวแก้มใสระเรื่อและริมฝีปากอิ่ม แล้วพยักหน้าตกลง
นาทีนี้ อะไรก็ได้ทั้งนั้น
เขาก้มหน้าลงมาหาเธอช้าๆ ปานมาศหลับตาพริ้ม รอคอยให้ริมฝีปากนุ่มอุ่นมาแตะริมฝีปากที่แห้งผากของเธอ
ตอนนี้ไม่กินมันแล้วไวน์ เธอจะกินวิน
หญิงสาวถูกช้อนอุ้มมาวางที่เตียงควีนไซซ์นุ่มเด้งเพราะใช้ที่นอนแบบเดียวกับโรงแรมห้าดาว นาวินสะกิดนิ้วกับกระดุมเสื้อทำงานของเธอก่อนจะแหวกสาบเสื้อออกให้เห็นชุดชั้นในสีดำตัดกับผิวสีน้ำผึ้งอ่อน
เมื่อหน้าอกแสนเซ็กซี่ปรากฏสู่สายตาชายหนุ่ม อาภรณ์ที่เหลือของเธอถูกถอดก่อนที่เขาจะทิ้งตัวลงแล้วจูบเธออีกครั้ง
คราวนี้ลิ้นอุ่นๆ ของผัวทิพย์แทรกผ่านกลีบปากเข้าไปในอุ้งปากของเธอ เขาดูดดุนเหมือนคนหิวกระหายดุดันขึ้นเรื่อยๆ มือใหญ่ที่เลื่อนมากอบกุมทรวงอกอวบเต็มมือแล้วนวดก้อนเนื้อนุ่มเป็นจังหวะเดียวกันกับลิ้นจนปานมาศเผลอครางในลำคอเพราะความซ่านสยิว
ความใกล้ชิดแบบนี้ ฟินกว่าที่ฝันหลายเท่า
ให้ตายเถอะ ปานมาศชอบความรู้สึกเหมือนล่องลอยอยู่บนปุยเมฆแล้วถูกปรนนิบัติด้วยริมฝีปากนุ่มของนาวิน
นี่มันฝันที่ไม่กล้าฝันชัดๆ
เธอจูบตอบอย่างเงอะงะ แม้จะอยากเป็นฝ่ายดูดดื่มกับความแนบชิด แต่การเคลื่อนไหวของเขาทำให้รู้สึกเหมือนเป็นฝ่ายถูกรุกรานมากกว่า
นาวินถอนจูบเมื่อรู้สึกว่าตัวเองดื่มกินอย่างตะกรุมตะกรามมากไป ดวงตาสีน้ำตาลคู่คมมองคนที่นอนระทวยใต้ร่างด้วยสายตาที่เผลอไผล
ตอนที่เขาก้มลงไปอีกครั้งใบหน้าเขาซุกกับทรวงอกนุ่มหยุ่นแล้วปาดลิ้นลากผ่านส่วนปลายยอดสีทับทิม ปานมาศแอ่นอกเข้าหาความทรมานชวนคลุ้มคลั่ง ทำให้เขาดูดกลืนมันเข้าไปในปากแล้วใช้ลิ้นอุ่นชื้นดุนให้เธอรู้สึกมากกว่าที่เคย
“คุณนาวิน อะ อ๊า” เธอเรียกเขาเมื่อสัมผัสที่แปลกใหม่ที่กำลังโจมตีให้โลกของเธอคว่ำหงายเพียงแค่เขาดูดหน้าอกและเคล้นคลึงอีกข้างให้เสียวซ่านแปลกๆ จนต้องเผลอครางออกมา
แต่ความหวามไหวขั้นกว่าเกิดขึ้นกับหญิงสาวเมื่อนิ้วหนาของเขาไล้ผ่านสีข้างลงมาที่ขอบแพนตี้แล้วเกี่ยวมันไว้ก่อนจะออกแรงดึงเหมือนจะรั้งมันให้พ้นขาเธอไป
ปานมาศคอแห้งผากเหมือนหัวใจเริ่มเต้นแรงกว่าเดิมจนแทบจะหลุดออกมาจากทรวงอก
ครืดดด
ในขณะที่คนบนเตียงกำลังเริ่มจุดไฟปรารถนา เสียงโทรศัพท์ปานมาศดังขึ้น เธอวางไว้ที่โต๊ะกินข้าวและเจ้าเครื่องนั้นก็สั่นพร้อมกับส่งเสียงอย่างน่าโมโห
“จะรับสายหรือเปล่า” นาวินเงยหน้ามาถาม
แววตาวาวๆ คู่นั้นบ่งบอกชัดเจนว่าไม่อยากจะเสียเวลาช่วงนี้ไปเลย
หญิงสาวส่ายหน้า แล้วก็ต้องเผลอกัดปากเมื่อเห็นว่าเขาแย้มยิ้มทั้งปากทั้งตา
ที่ผ่านมายิ้มให้บ่อยครั้ง แต่ที่ผ่านมาทำไมถึงไม่รู้ว่ารอยยิ้มนี้มันจะทำให้เธอใจเต้นแรงขนาดนี้นะ
แม้เจ้าของโทรศัพท์จะไม่สนใจ แต่เสียงเรียกเข้าก็ดังเรื่อยๆ ราวกับคนที่โทรเข้ามาจะไม่ยอมแพ้
เสียงนั้นดึงปานมาศจากภวังค์หวาม เธอดันอกเขาแล้วกระซิบบอก
“ท่าทางจะมีเรื่องสำคัญ ปานขอรับสายก่อนนะคะ”
นาวินผละถอย ปานมาศเลยผุดลุกขึ้นนั่ง แก้มเห่อร้อนขึ้นเล็กน้อยเมื่อยังเห็นว่าเสื้อผ้านาวินอยู่ครบแต่เธออยู่ในสภาพที่ดีกว่าคำว่าเปลือยนิดเดียวเท่านั้น
“ว่าไงแบงก์” เธอกดรับสายเพื่อนรัก
[ปาน แกกินกับผู้อยู่เหรอ รับสายช้าจัง]
เพื่อนเธอมีตาทิพย์หรือเปล่าวะ แค่พูดพล่อยๆ แต่ก็แม่นเหมือนตาเห็นเชียว
“ปละ เปล่า” เมื่อนาวินเดินมากอดซ้อนหลังแล้วก้มหน้าจูบแถวซอกคอเธอ ทำให้ปฏิเสธแบงก์ด้วยเสียงสะดุดเล็กน้อย
[ถ้าเปล่า แล้ววันนี้ทำไมแกมาช้า วันนี้เรานัดปาร์ตี้กันที่ผับอีเจ๊นะ]
“สงสัยฉันจะลืม”
[ทุกคน ปานลืมนัดเรา] เหมือนแบงก์จะฟ้องเพื่อนในโต๊ะ เสียงรินะกับมิงค์โวยวายขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียง
“ช่วงนี้งานยุ่งมาก ฉันเบลอไปหน่อย ไว้เดี๋ยวนัดครั้งหน้านะเพื่อน” เธอเอนศีรษะไปซบนาวิน แม้จะรู้สึกผิดนิดๆ ที่เทเพื่อน แต่ก็นะ ถ้าเพื่อนรู้ก็ด่าอยู่ดีดังนั้นแล้วเธอจะไปให้สุดแล้วหยุดให้พวกมันด่าทีเดียวดีกว่า
[โนๆ แกออกมาเลยฉันรอแกอยู่ รินะแย่แล้วเนี่ย มาช่วยเป็นศิราณีให้เพื่อนด่วนจ้ะ]
“รินะเป็นอะไร” เพื่อนต้องการศิราณีแปลว่ากำลังว้าวุ่นใจ แต่รินะไปมีแฟนตอนไหนก่อน เธอไม่เห็นรู้เลย
[อยากรู้ก็มาค่ะ]
แล้วแบงก์ก็วางสายไปเลย ปานมาศเคว้งเล็กน้อยการวางสายแบบนี้แปลว่าทุกคนไม่รับคำปฏิเสธของเธอแล้วปานมาศคล้ายจะนึกได้ว่าเธอเป็นคนนัดไว้ตั้งนานแล้วเพราะอยากไปส่องนาวินในลุคเจ้าของสถานบันเทิงสุดกร้าวใจ
ใครจะคิดว่าเหตุการณ์ที่เป็นอยู่ตอนนี้จะเกิดขึ้น เธอเงยหน้ามามองผัวทิพย์ที่เกือบจะได้เป็นผัวจริง แต่เกิดความผิดพลาดเพราะความหล่อของเขาเป็นต้นเหตุ
“ฉันนัดเพื่อนที่เลานจ์คุณ ตอนนี้พวกเขารออยู่”
นาวินย่นคิ้วน้อยๆ เหมือนขัดใจ
“เราค่อยสานต่อกันวันหลังได้ไหมคะ ถ้าเบี้ยวนัดเพื่อน แบงก์ฆ่าฉันแน่เพราะฉันเป็นคนนัดเองแต่ดันลืม”
คำตอบของเธอทำให้นาวินพอใจ
“งั้นไปพร้อมกัน คุณปาร์ตี้กับเพื่อนเสร็จแล้วเดี๋ยวผมมาส่ง”
แม้ว่าคำชวนดูมีความหมายแฝง แต่เธอก็รับปากเขา โดยไม่ลังเล