ตอนที่ 8 SITH Vs JEDI [2]

2589 คำ
ตอนที่ 8 SITH Vs JEDI [2] ทีมซิธมีสมาชิกทั้งหมดหกคน ชัชพลหรือชัท(SHUT) เป็นหัวหน้าทีมนี้ เขามีหน้าที่กระจายงานให้กับสมาชิกในทีมทุกคนและเป็นคนดีลงานกับอีกทีมหนึ่งที่เขาเรียกว่าเจได (JEDI[1]) คนที่สองคืออิราหรืออินท์(INT,INTEGER) แม้ว่าโค้ดเนมของเขาคืออินท์แต่คนส่วนใหญ่ในทีมเรียกเขาว่าอินตามชื่อเล่นจริงๆ ของเขา อิราเป็นหนึ่งในเฮดทีมของทีมซิธ แต่เนื่องจากงานส่วนใหญ่ของเขาขึ้นตรงต่อผู้อำนวยการศูนย์ เขาจึงเป็นหนึ่งในผู้ปฏิบัติงานที่ออกนอกพื้นที่บ่อยที่สุด และไม่ได้อยู่ภายใต้คำสั่งของชัชพล คนที่สามคือไซม่อน(SIMON) โค้ดเนมและชื่อของเขาเหมือนกัน ไซม่อนเป็นชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ ผิวแทนเนื่องจากการอาบแดด ดวงตาสีมรกตเหมือนน้ำทะเล เส้นผมสีทองสวยยาวระต้นคอเหมือนพระเอกหนังเรื่องธอร์ แต่เครื่องหน้าค่อนข้างธรรมดาเมื่อเทียบกับชายอเมริกันทั่วไป เขาคือหนึ่งในคนที่ทำเสียงดังโครมครามจนประตูห้องพักเปิด และเป็นคนพูดภาษาอังกฤษตอนเห็นเธอครั้งแรก ไซม่อนชายเป็นชาวอเมริกันซึ่งย้ายมาทำงานที่อาร์ชอิมเมจินเมื่อหกปีก่อน การเข้าทำงานของเขาค่อนข้างพิเศษ เพราะดร.วิวัฒน์เป็นคนฝากให้เขาเข้าทำงานในแผนกนี้ด้วยตนเอง ชัชพลบอกว่าอย่าเอ่ยถึงเรื่องไซม่อนเป็นเด็กเส้นหรืออะไรทำนองนี้เด็ดขาด เพราะเขาเป็นคนที่มีความสามารถ และที่สำคัญแค่พวกเจไดแขวะเขาทุกวันนี้ก็ประสาทเสียพอแล้ว คนที่สี่คือโทมัสหรือทอม(TOM) เขาเป็นลูกครึ่งไทยเวียดนาม แต่หน้ากระเดียดมาทางไทยค่อนข้างเยอะ ในบรรดาคนในทีมซิธ โทมัสหน้าตาธรรมดาที่สุด เตี้ยที่สุด แต่ชัชพลบอกว่าโทมัสคืออัจฉริยะทางคณิตศาสตร์ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนอัจฉริยะในองค์กรเมนซ่า(MENSA[2]) เหมือนอิรา เขาเข้ามาทำงานที่นี่ก็เพราะอิราเป็นคนชักชวน โทมัสเคยเป็นคนที่อายุน้อยที่สุด กระทั่งเธอถูกรับเข้ามาอยู่ในทีม เขาคือคนที่แกล้งทำเป็นอาเจียนเพื่อล้อเลียนชัชพลเมื่อครู่ และโทมัสชอบพูดคนเดียว เรื่องที่อิราเป็นอัจฉริยะเธียรธาราค่อนข้างแปลกใจ ไม่ใช่เพราะหน้าตาเขาดีเกินไปจนเธอคิดว่าสวรรค์หน้าตาที่ดีมากแล้วยังจะมันสมองอัจฉริยะแก่เขาอีก แต่เป็นเพราะเขาค่อนข้าง เหมือนคนปกติ แต่คิดไปคิดมา สวรรค์ก็คงลำเอียงจริงนั่นล่ะ คนที่ห้าคือดนุพลหรือแดนเจอร์(DANGER) ชัชพลบอกว่าดนุพลออกพื้นที่ไปเมื่ออาทิตย์ก่อน และตอนนี้ยังไม่กลับมา หน้าที่ของดนุพลคือวิเคราะห์ลักษณะนิสัยของเอ็นพีซีตามสภาพแวดล้อมปรากฏ และครั้งนี้เขาต้องเดินทางไปหลายที่เพื่อตามตื๊อหนึ่งในนักโบราณคดีผู้เชี่ยวชาญประวัติศาสตร์ของไทย ความทุ่มเทนี้ให้เธอไม่กล้าทำตัวขี้เกียจ เธียรธาราเป็นสมาชิกคนที่หกของทีม หน้าที่ยังไม่แน่ชัด เพราะต้องประชุมงานอีกที และชัชพลเพิ่งแจ้งเธอว่าสมาชิกคนที่เจ็ดไม่ผ่านการทดสอบ หลังจากที่เขาคนนั้นมาถึงป้ายรถเมล์แล้วไม่พบเจออะไรก็จากไปด้วยสีหน้าถมึงทึง อีกทั้งยังโทรมาด่าไคโตะว่าเขาแหกตาเรื่องการสอบสัมภาษณ์งาน เธียรธาราช็อกเล็กน้อย แต่คนในทีมซิธต่างก็ไหวไหล่ บอกว่าเป็นเรื่องปกติ เพราะพวกเขาเจอเหตุการณ์นี้เกือบร้อยครั้งในเวลาสองปี ชัชพลทิ้งท้ายไว้ว่า พรหมลิขิตให้พวกเขามาสัมภาษณ์ ผ่านการสัมภาษณ์ แต่วาสนาทำให้พวกเขามองไม่เห็นประตูที่อยู่ตรงหน้า หลังจากแนะนำตัวเสร็จพวกเขาก็พาเธียรธาราไปยังห้องพัก ห้องขนาดสิบหกตารางวามีระเบียงและห้องน้ำในตัว เฟอร์นิเจอร์มีโต๊ะหนึ่งตัว เก้าอี้สองตัว โซฟาหนึ่งชุด เตียงนอน ตู้เสื้อผ้าและทีวี ทุกอย่างเป็นสีขาว แต่ชัชพลบอกว่าเราสามารถปรับสีได้ตามใจชอบเพราะวัสดุที่ใช้เป็นวัสดุพิเศษ ห้องครัวของที่นี่เป็นครัวรวม แต่ส่วนใหญ่ไม่มีใครในทีมทำอาหาร โทมัสพึมพำว่าอาหารในเซเว่นดีกว่าที่พวกเขาทำกันเอง และการสั่งฟาสต์ฟู้ดมากินก็เร็วและอร่อยกว่า ที่สำคัญอาหารสามมื้อหลักสามารถไปกินได้ที่โรงอาหารของบริษัท ในครัวของทีมจึงมีแต่ตู้เย็นเท่านั้นที่ได้รับการใช้บริการมากที่สุด เพราะในนั้นเต็มไปด้วยนม น้ำผลไม้ น้ำเปล่า รวมไปถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ไซม่อนบอกว่าบางครั้งจินตนาการก็ต้องการแอลกอฮอล์เล็กน้อย “เดี๋ยวพวกเราจะพาคุณไปที่โรงอาหาร อ้อ…ลืมบอกไป เห็นประตูกระจกที่อยู่ตรงข้ามห้องของทีมเราไหม” ชัชพลชี้ไปที่ประตูทางเข้า ฝั่งตรงข้ามมีประตูอีกบานหนึ่ง แต่ทว่ามีม่านทึบ เมื่อครู่เธอจึงไม่ได้สังเกตว่ามีห้องทำงานอีกห้องอยู่ด้วย “ตรงนั้นคือทีมเจได ไม่จำเป็นพยายามอย่าเสวนากับคนพวกนั้น” “ทำไมล่ะคะ” “พวกนั้นชอบคิดว่าพวกเราแกล้ง เวลาจะสร้างเอ็นพีซีสักตัว ปัญหาที่ยากที่สุดคือการจูนกันระหว่างฝ่ายคิดคาแรคเตอร์กับฝ่ายออกแบบรูปลักษณ์ พวกนั้นมักคิดว่ารูปร่างที่สมบูรณ์เพอร์เฟกต์คือสิ่งที่เหมาะสมที่สุดในการออกแบบคาแรคเตอร์ แต่ดันไม่เข้าใจว่ามันไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบในโลกนี้จริงๆ ฉันแค่ออกแบบให้ตัวละครตาบอดไปข้างหนึ่ง รู้หรือเปล่าว่าพวกนั้นโกรธมาก บอกว่าทำให้การสร้างสรรค์ของทีมเขาด่างพร้อย รุนแรงถึงขั้นผู้อำนวยการต้องมาเคลียร์เอง และในที่สุดฉันก็ต้องออกแบบคาแรคเตอร์ใหม่ พอพวกนั้นรู้ว่าชนะ ก็มาเยาะเย้ยฉันบอกว่าจิตใจของฉันมืดบอด คิดถึงแต่สิ่งที่เป็นเนกาทีฟ บลาๆ ๆ ๆ เอาเป็นว่าทีมเจไดเป็นทีมที่จะนำความปวดหัวมาให้พวกเราไม่หยุด พยายามอย่าข้องเกี่ยวก็พอ” “เป็นปัญหาระหว่างหัวหน้าทีมน่ะ ไม่ต้องคิดมาก” ไซม่อนแอบกระซิบ “ทำไมถึงเป็นซิธกับเจไดละคะ” เธอเปลี่ยนเรื่อง ชัชพลเลิกคิ้ว ยกมือเสยผมเล็กน้อยแล้วพูดเสียงขรึม “อยู่ทีมนี้ไม่มีคำว่าปรานีต่อทีมอื่น หน้าที่ของเราคือการสร้างสิ่งที่เหนือจินตนาการให้เป็นรูปธรรม ดังนั้นแล้วจงละความเห็นอกเห็นใจ ความสงสาร ความเอื้ออารีต่อฝ่ายกราฟิกให้หมด Welcome to the dark side หึๆ” หลังจากที่แนะนำนู่นนี่นั่นเล็กน้อย ชัชพลให้เวลาเธียรธาราในการศึกษาโครงสร้างและวิธีการทำงานของทีมซิธ หลังจากได้นับมอบหมายหน้าที่ เธอก็จมอยู่กับข้อมูลตรงหน้าจนแทบไม่ขยับไปไหน จนแม้แต่รุ่นพี่อย่างเขาเองยังไม่กล้าเข้าไปรบกวน กระทั่งเสียงสัญญาณแห่งสวรรค์ดังขึ้นเมื่อถึงเวลาเที่ยงตรง เธอจึงเงยหน้าขึ้นมาจากกองเอกสาร ชายหนุ่มทั้งหลายเหมือนได้รับพรจากฟ้า ทุกคนผละมือจากงานตรงหน้า เตรียมตัวไปที่โรงอาหาร “วีนัส ไปกินข้าวกัน วันนี้พวกเราจะพาเธอไปพบกับสวรรค์บนดิน” ไซม่อนเอ่ยอย่างอารมณ์ดี “โอเอซิสบนดินเถอะ สวรรค์บนดินมันไม่เมคเซนส์เท่าไร” โทมัสแก้ แต่ไซม่อนยังแก้กลับด้วยท่าทีมั่นใจ “ถึงภาษาไทยฉันยังไม่แข็งแรง แต่จิตไม่ได้อกุศลอ่านแต่นิยายเรตเอ็กซ์แบบนายนะทอม” คนอ่านนิยายเรตเอ็กซ์หน้าแดงเถือก “ฉันแค่ศึกษาคาแรคเตอร์ใหม่ “พวกนายสองคนเลิกทะเลาะกันได้แล้ว วีนัส ไปกันเถอะ” เธียรธาราลุกขึ้น เธอเก็บกระเป๋า สายตาเหลือบไปเห็นใครอีกคนที่กำลังง่วนอยู่กับงานตรงหน้า ชัชพลเห็นท่าทางของเธอจึงพูดขึ้น “หมอนั่นเป็นแบบนี้แหละ งานไม่เสร็จไม่ลุกออกจากหน้าคอม ไม่ต้องแปลกใจหรอก ไปกันเถอะ ผมหิว ข้าวเช้ายังไม่ได้กินเลย” กินข้าวไม่ตรงเวลาแบบนี้ก็เป็นโรคกระเพาะแย่สิ เธอทำได้แค่คิด ละสายตาจากคนขยันคนนั้น “ค่ะ ฉันหิวแล้วเหมือนกัน” “นี่เป็นบัตรห้องอาหาร อย่าทำหายนะ” ชัชพลยื่นบัตรแข็งขนาดเท่าบัตรเครดิตให้เธอ อาร์ชอิมเมจินมีห้องอาหารขนาดใหญ่ ผู้คนตรงหน้าทำให้เธียรธาราตาลาย ค่อนข้างแปลกใจที่รู้สึกว่าจำนวนคนจะเยอะเกินกว่าที่ตึกทั้งหมดจะรับไหว หรือว่าพื้นที่บริษัทไม่ได้มีแค่เท่าที่เธอเห็นก็ไม่แน่ใจ “คนพวกนี้มาจากหลายแผนก ตึกของพวกเขาอยู่ไกลออกไปพอสมควร แต่ชั้นใต้ดินของแต่ละแผนกเชื่อมต่อถึงกันผ่านลิฟต์คล้ายกับที่เราขึ้นมาเมื่อกี้ ดูสิ ประตูพวกนั้นเป็นประตูของแต่ละแผนกในบริษัท เข้าผิดแผนกไม่ได้หรอกนะ” เธียรธาราเดินตามชัชพลและหนุ่มๆ ทีมซิธเหมือนลูกเป็ดที่เดินตามตูดแม่เป็ดต้อยๆ เขากินอาหารตรงไหน เธอก็ปฏิบัติตามอย่างว่าง่าย แม้ว่าคนในห้องอาหารจะเยอะ แต่ก็แปลกที่ไม่เกิดเหตุการณ์วุ่นวายอะไรขึ้น เสียงพูดคุยของผู้คนดังกันพอประมาณ ไม่ได้ดังหนวกหูเหมือนโรงอาหารของมหาวิทยาลัยที่เธอเคยเรียน “อาทิตย์นี้พวกเราต้องซวยแน่ๆ เจอพวกเจไดตั้งแต่วันจันทร์เลย” โทมัสพูดเซ็งๆ “นี่วีนัส เห็นพวกคนที่อยู่ถัดไปจากโต๊ะเราสามโต๊ะไหม” เธอหันตาม เห็นว่าเป็นกลุ่มหญิงสาวห้าคนคนกับชายหนุ่มอีกสี่คน หนึ่งในกลุ่มนั้นเป็นหญิงสาวที่สวยจัดคนหนึ่ง ส่วนที่เหลือหน้าตาตัดได้ว่าดูดี แต่ไม่มีใครสวยหรือมีออร่าเท่าเธอคนนั้นสักคน “ค่ะ ทำไมเหรอคะ” ชัชพลวางช้อนเสียงดัง “ฉันไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ เดี๋ยวมา” ท่าทางแปลกๆ ของชายหนุ่มตรงหน้าทำให้อีกสองหนุ่มเงียบ กระทั่งเขาเดินจากไปไซม่อนจึงเปิดปากขึ้น “คนที่สวยๆ นั่นน่ะ ชัทมันชอบ แต่ว่าเธอไม่ได้ชอบมันหรอก เพราะเธอชอบอีกคนในทีมเรา” “คุณอินน่ะเหรอคะ” เธียรธาราคาดเดาได้ไม่ยาก หนุ่มหล่อสาวสวย เข้ากันจะตาย “แต่อินไม่ได้ชอบเธอคนนั้นหรอกนะ” “อย่าบอกนะคะว่าที่แบ่งเป็นซิธกับเจไดเพราะเรื่องพวกนี้” ไซม่อนส่ายหน้า “เรื่องงานและแนวทางปฏิบัติล้วนๆ ที่ทำให้แบ่งฝ่ายแบบนี้ เรื่องส่วนตัวชัทมันไม่ได้เอามาเกี่ยวด้วยหรอก แต่ถ้าทางนั้นเอามารวมด้วยก็ช่วยไม่ได้” เขายักไหล่ บทสนทนาจบเพียงเท่านี้ เธียรธาราก้มหน้าก้มตากินโดยไม่สานต่อบทสนทนา จานอาหารจานหนึ่งถูกวางไว้ข้างตัวเธอ หญิงสาวเงยหน้าขึ้น คิดว่าชัชพลเบื่อขี้หน้าสาวโต๊ะทางขวาเลยย้ายมานั่งหันหลังให้ ทว่าเมื่อเงยหน้าขึ้นไปกลับพบกับใบหน้าสมบูรณ์แบบของใครอีกคน คนที่เพิ่งถูกนินทาไปเมื่อครู่ “นึกว่าไม่กินข้าวแล้ว” ไซม่อนทัก อิราเหลือบมองน้องใหม่ในทีมทีหนึ่ง พูดเสียงเรียบ “เมื่อเช้ามัวแต่เก็บห้องที่ชัชมันทำรก รถที่ใช้อยู่ก็มีปัญหา พอขึ้นรถเมล์มาถึงหน้าบริษัทก็สายแล้ว เลยลืมกินข้าว” ห้องที่ชัชทำรก เสียงตอกตะปูทั้งคืนไม่ใช่ผี เธอลอบถอนหายใจ “ฉันว่าเรารีบกินกันเถอะ” โทมัสวางช้อน ยกน้ำส้มขึ้นมาดูดทีเดียวหมดแก้วด้วยท่าทางเกร็งๆ เธียรธาราเองก็วางช้อนแล้วรีบดื่มน้ำตาม รู้สึกร้อนวูบวาบเหมือนมีรังสีประหลาดแผ่มาจากทางขวามือ แต่เธอก็ไม่กล้าหันไปมอง เป็นไซม่อนที่เฉลยสาเหตุ “พวกเจไดกำลังจะเดินมาทางนี้ ไปกันเถอะฉันไม่อยากปะทะคารม” รังสีอำมหิตจากกลุ่มเจไดเหรอ รุนแรงจริงๆ อิรากดไหล่ของไซม่อน ใช้สายตาปรามไม่ให้เขาตื่นตูม “ชัทยังไม่มา และฉันยังกินข้าวไม่หมด” เสียงเรียบๆ ทว่าแรงกดดันมหาศาล แม้แต่เธียรธาราเองก็ไม่กล้าเงยหน้ามองเขา “อินท์ วันนี้มากินข้าวได้ ฉลองรับน้องใหม่เหรอ” เสียงยียวนของผู้มาใหม่ปลุกทุกคนจากความกดดันของอิรา เธียรธาราเงยหน้า เห็นชายหนุ่มคนหนึ่งยืนกอดอกพลางยิ้มมุมปาก หญิงสาวก้มศีรษะทักทายกลุ่มคนที่มาใหม่เล็กน้อย แต่เมื่อยังไม่ได้รับการแนะนำจากเพื่อนร่วมทีม เธอจึงปิดปากเงียบไม่เอ่ยอะไร “อืม” อิราเป็นคนตอบ เขายังคงกินข้าวเงียบๆ ไม่แม้แต่จะปรายตามอง “ซิธไม่เคยมีสาวๆ น่าสงสัยจริงๆ ว่าเพราะอะไร” อีกฝ่ายยังคงเปรยขึ้น ไม่แคร์ว่าใครจะรู้สึกยังไง น่าแปลกที่ไซม่อนและโทมัสกลับเงียบผิดปกติ เงียบจนเธอเองเริ่มรู้สึกกดดันตามไปด้วย อิราวางช้อน เขากินข้าวไวมาก ท่าทางตอนดื่มน้ำเรียบง่ายและสงบนิ่ง ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เอ่ยกับอีกฝ่าย “มีผู้หญิงหรือผู้ชายล้วนแล้วแต่ไม่สำคัญ ขอเพียงมีความสามารถ ทำไมทีมซิธจะไม่รับคนเพิ่มล่ะ” มือเรียวปัดอกเสื้อของอีกฝ่ายเบาๆ ด้วยความที่เขาสูงกว่า ยามมองคนตรงหน้าจึงทำให้คนที่ถูกมองรับรู้ได้ถึงความเหนือกว่าของเขา “ลิปสติกเลอะอกเสื้อของนายนะ ทำไมไม่เช็กความเรียบร้อยก่อนออกมากินข้าวกับสาวๆ ล่ะ อีริค” “กลับกันเถอะ” อิราเรียกคนในทีม ปล่อยให้คนที่ถูกเมินหน้าดำหน้าแดงด้วยความโกรธ “แต่ชัทล่ะ” ไซม่อนท้วง อิราหันกลับมา เอ่ยด้วยรอยยิ้มของฆาตกร “ชัทกลับไปทำงานแล้ว” [1] เจได เป็นสมาชิกของ นิกายเจได ซึ่งเป็นกลุ่มองค์กรหนึ่งในภาพยนตร์เรื่องสตาร์ วอร์ส นิกายเจไดเป็นนิกายที่ศึกษาและทำหน้าที่และใช้พลังลึกลับของสิ่งที่เรียกว่าพลังในด้านสว่าง เจไดได้ต่อสู้เพื่อสันติภาพและความยุติธรรมเพื่อความสงบเรียบร้อยในสาธารณรัฐกาแลคติค รวมทั้งต่อต้านกับ ซิธ ศัตรูที่ร้ายกาจ ผู้ที่เรียนรู้และใช้พลังด้านมืด แม้ว่านิกายนี้เกือบจะถูกทำลายถึงสองครั้ง ครั้งแรกโดยจักรวรรดิซิธของดาร์ธ รีแวน และ ครั้งต่อมาเมื่อผ่านไปอีก 4,000 ปี โดยการชำระบาปครั้งใหญ่ของดาร์ธ ซิเดียส นิกายยังคงอยู่จนกระทั่งรุ่งเรืองขึ้นด้วยความพยายามของ ลุค สกายวอล์คเกอร์ ผู้ก่อตั้งนิกายเจไดใหม่เพื่อปกป้องสาธารณรัฐใหม่ หลังจากนั้นก็ได้เป็นตัวแทนของ สหพันธรัฐพันธมิตรอิสระกาแลกติก (Galactic Federation of Free Alliances) [2] Mensa คือสมาคมของผู้ที่ผ่านการทดสอบความอัจฉริยะจากแบบทดสอบมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล ซึ่งได้รับคะแนนสูงติดอันดับกลุ่มประชากร 2 เปอร์เซ็นต์แรกของโลก เริ่มก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ. 1946 โดยมีผู้คนที่เป็นสมาชิกตั้งแต่อายุ 2 – 102 ปีจำนวนทั้งสิ้นมากกว่า 100,000 คนจากมากกว่า 100 ประเทศ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม