บทที่1
เพื่อนที่โตมาด้วยกัน
วันปัจฉิม
นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่6 กำลังร่ำลากันอยู่ในหอประชุมของโรงเรียนทุกคนต่างมีเป้าหมายชีวิตเป็นของตัวเองโดยเฉพาะคีตะกับข้าวปั้นทั้งสองเป็นเพื่อนที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก ครอบครัวของทั้งสองเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจกันนั่นก็คือโรงงานอาหารแห้งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้วัตถุดิบจากชุมชน ฐานะทางบ้านของทั้งสองไม่ได้ต่างกันในพื้นที่จะเรียกว่ารวยอันดับต้น ๆ ของจังหวัดเลยก็ได้
ข้าวปั้น เธอเป็นผู้หญิงที่เด็ดขาดเป็นประธานนักเรียนแม้ครอบครัวจะมั่งมีด้วยเงินทองแต่เธอก็ถูกเลี้ยงดูมาให้สู้ชีวิตถึงแม้ว่าครอบครัวจะมีกิจการใหญ่โตแต่เธอก็ต้องตื่นแต่เช้ามาช่วยงานที่ร้านซักผ้าถูบ้านทำงานบ้านทุกอย่างตามฉบับของคนจีน
คีตะ ลูกคุณหนูที่ไม่ได้สนใจธุรกิจของครอบครัวสักเท่าไหร่เขาชอบเล่นกีฬา ชอบแข่งรถ กว่าจะขอพ่อไปเรียนวิศวะได้ก็ใช้เวลาเป็นปีสาเหตุที่ทุกคนยอมก็เพราะคีตะจะควบคู่กับการบริหารงานไปด้วย
วันนี้ทั้งสองบ้านมีนัดทานข้าวด้วยกันเพราะว่าเร็ว ๆ นี้จะมีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ผู้ใหญ่จึงได้ถือโอกาสนี้นัดทานข้าวพร้อมเลี้ยงฉลองให้ลูก ๆ กันเลยทีเดียว ข้าวปั้นเดินมารอคีตะที่หน้าโรงเรียนแต่พ่อตัวดีกลับขับรถบิ๊กไบค์ไปส่งให้สาวสวยรุ่นน้องม.5 อย่างน้องน้ำตาลก่อนถึงจะวนกลับมารับเธอไปยังร้านอาหารริมทะเล
บรื้นนนนน
"เร็ว ๆ เปลืองน้ำมัน" น้ำเสียงกวนโอ๊ยของคีตะมันน่าหมั่นไส้เหลือเกินข้าวปั้นรีบปีนขึ้นรถแต่เธอยังไม่ทันนั่งเต็มตูดคีตะก็บิดรถออกมาทำเอาข้าวปั้นรีบกอดเอวของคีตะไว้แน่น
"ไอ้บ้า!! ฉันยังนั่งไม่เรียบร้อยเลยนะถ้าตกรถไปจะทำยังไง"
"ก็เธอชักช้า หัดทำอะไรให้มันเร็ว ๆ เหมือนชาวบ้านเขาหน่อยได้ไหม"
หลังจากนั้นทั้งสองก็เถียงกันมาตลอดทางกว่าจะถึงร้านอาหารริมทะเลที่พ่อแม่ของทั้งสองจองโต๊ะเอาไว้ก็เกือบห้าโมงเย็น ทั้งสองเดินเข้ามานั่งด้านในอาหารที่ผู้ใหญ่สั่งเอาไว้ก็ถูกนำมาเสิร์ฟ บ้านของคีตะรักและเอ็นดูข้าวปั้นมากเพราะว่าเธอเรียนเก่งพาให้ลูกชายของตนขยันไปด้วยในช่วงสุดท้ายของการเรียนมัธยมปลาย
"เรื่องเรียนมหาลัยเรียบร้อยไหมลูกข้าวปั้นจะไปเป็นสาวกรุงเทพฯ แล้วป้าคงเหงาแย่"
"เรียบร้อยค่ะคุณป้า แพรวกับน็อตก็เรียนบริหารด้วยข้าวเลยมีเพื่อนค่ะ"
"ดีจังเลยดีกว่าคนบางคนแถวนี้อีกนะ ครอบครัวเป็นถึงโรงงานผลิตอาหารแห้งอาหารแปรรูปแต่ไปเรียนวิศวะ เหอะ"
"อะไรเนี่ยแม่จู่ ๆ ก็มาแขวะผมเฉยเลยผมเรียนในสิ่งที่ชอบส่วนเรื่องบริหารผมทำเป็นตั้งแต่เกิดแล้ว"
คีตะหันไปมองหน้าข้าวปั้นเธอกำลังยิ้มชอบใจที่ได้เห็นคีตะโดนบ่น ทั้งสองยังไม่รู้ตัวว่าพ่อแม่ของตนได้ตกลงกันไว้ว่าจะให้ทั้งสองไปอยู่คอนโดเดียวกันแต่ว่าแยกห้องนอนเพื่อความเหมาะสม ยังไงทั้งสองก็เติบโตมาด้วยกันก็คงรักกันไม่ต่างจากพี่น้องเวลามีปัญหาจะได้ช่วยเหลือกัน
"ข้าวแกะกุ้งให้หน่อยดิ"
"เรื่องอะไรนายแกะเองสิ"
"เดี๋ยวมือเปื้อน" คีตะใช้ช้อนตักกุ้งวางลงบนจานของข้าวปั้นรายนั้นต้องจำใจหยิบกุ้งขึ้นมาเพื่อแกะเปลือกกุ้งตามด้วยปูม้าตัวใหญ่ ๆ "ได้แล้วค่ะคุณชาย.... น้อย ให้พี่พจมานป้อนให้ด้วยไหมคะ"
"นี่ฉันไม่ได้พิการนะข้าวปั้น!"
"อ้าว เหรอจ๊ะ ไม่ได้พิการแล้วทำไมนายไม่แกะเองล่ะมาใช้คนอื่นได้เหรอ?"
"เพราะเธอเป็นเบ๊ฉันไงล่ะข้าวปั้น ฮ่าาา งับ!! อื๊ออ!!!"
ข้าวปั้นทนฟังเสียงของคีตะไม่ไหวเธอหยิบปูตัวใหญ่ที่ยังไม่ทันได้แกะเปลือกยัดใส่ปากของคีตะจนเจ้าตัวไม่ทันระวังงับกระดองปูเข้าไปเต็ม ๆ ผู้ใหญ่ที่นั่งอยู่เริ่มจะหนักใจถ้าเด็กทั้งสองไปอยู่ด้วยกันคอนโดคงจะแตกเพราะคีตะทำอะไรไม่เป็นสักอย่างทุกวันนี้ยังถอดกางเกงในเป็นเลขแปดอยู่เลย
กลับมาถึงบ้านข้าวปั้นก็รีบเปิดดูรูปคอนโดที่แม่ส่งมาให้เธอรีบส่งไปอวดเพื่อนสนิทอย่างแพรวกับน็อตแถมยังชวนทั้งสองมาเที่ยวที่คอนโดด้วย
"เตรียมตัวหรือยังแม่บอกว่าให้ไปใกล้ ๆ เปิดเทอมก็ไม่เอาจะไปอยู่เลยไม่กลัวเหงาหรือไง"
"จะกลัวอะไรกันแม่หนูคุยกับแพรวเอาไว้ไปอยู่เลยก็ดีเหมือนกันเพราะว่าจะได้ไปเปิดหูเปิดตาที่กรุงเทพฯ ด้วยว่าแต่คอนโดที่แม่เช่าเอาไว้มันมี 2 ห้องใช่ไหมคะ?"
"ใช่มี 2 ห้องแต่อีกห้องนึงรู้สึกว่าจะมีคนอยู่นะทำใจหน่อยอยู่กับรูมเมท"
"อ้าวแล้วทำไมแม่ไม่บอกหนูก่อนล่ะ จะได้ไปอยู่กับใครแล้วเนี่ย"
"แหมแกก็ต้องเข้าใจหน่อยเถอะค่าเช่าเดือนนึงตั้งกี่หมื่นก็ต้องหาคนมาหารหน่อยสิวะ" ผู้เป็นแม่กลัวว่าเรื่องนี้จะหลุดปากเสียก่อนจึงเดินหนีออกมาปล่อยให้ลูกสาวนั่งหน้างออยู่คนเดียวขืนบอกว่ารูมเมทคือคีตะรับรองว่าบ้านแตกแน่
หลายวันผ่านไปข้าวปั้นเก็บของใส่กระเป๋าเรียบร้อยวันนี้เธอพร้อมจะเดินทางเข้าเมืองกรุงตอนนี้แพรวกับน็อตไปอยู่คอนโดด้วยกัน จริง ๆ ทั้งสองก็มีคอนโดเป็นของตัวเองกันทั้งนั้นแต่ทั้งสองแอบคบกันอยู่คงเป็นไปได้ว่าน็อตคงจะไปอยู่กับแพรว
"นั่นรถบ้านคีตะนี่น่า จะไปไหนกันนะ?"
"แล้วแกจะไปยุ่งอะไรกับเขา เขาจะไปไหนกันมันก็เรื่องของเขามานี่ขึ้นรถได้แล้วแม่จะได้ไปส่งวันนี้พ่อแกก็ไม่อยู่แม่ต้องขับรถคนเดียวเดี๋ยวจะเสียเวลา"
"จ้าๆๆ ไปกันเลยค่ะคุณแม่ขามา"
ข้าวปั้นทำเสียงเล็กเสียงน้อยพอขึ้นรถได้เธอก็รีบถ่ายรูปแล้วเช็กอินว่าตอนนี้กำลังเดินทางไปเป็นสาวกรุงเทพฯ อย่างเต็มตัวโดยที่เธอไม่ทันสังเกตเลยว่ารถของบ้านคีตะก็มุ่งหน้าไปทางเดียวกัน
----------------------------------
ความบรรลัยเอ๊ยยย ความสนุกเริ่มต้นขึ้นแล้วค่ะทุกคน ขอาสัก20คอมเมนต์เดี๋ยวไรท์มาต่อให้ค่ะ