ทว่านางปล้ำก็แล้ว บีบนวดอย่างตั้งใจก็แล้ว ทั้งออกแรงที่ข้อมือไว ๆ เพื่อปลุกไส้เดือนให้เป็นมังกรผงาดจนเมื่อย หากสุดท้ายกลับพบว่าจิ่งหลัวคุนคงไร้น้ำยาทำสิ่งใดในคืนนี้
จากนั้นนางจึงพาตัวเองลุกขึ้นจากเตียง พร้อมเอ่ยอย่างอ่อนอกอ่อนใจ “ช่วยไม่ได้นะเจ้าคะ ทำอย่างไรทวนหยกของท่านก็ไม่แข็ง แถมไข่ยังหดเสียด้วย!”
หญิงสาวเอ่ยจบจึงพยายามใช้ความคิด ซึ่งก่อนหน้านั้นเรื่องมันออกจะเลยเถิดอยู่สักหน่อย หลังจากดื่มเหล้ามงคลหมดจอก นางตัวสั่น ใจเต้นแรง ทำอย่างไรได้เล่า บุรุษที่เป็นเจ้าบ่าว เขาคือแม่ทัพอาชามีกำลังทหารนับสิบหมื่นชีวิต มิหนำซ้ำยังหล่อเหลาคมคาย ผิวไม่ได้ขาวจนดูเหมือนคนขี้โรค กลับเป็นสีเข้มน้ำผึ้งป่า ดวงตาเป็นสีเปลือกเกาลัด ดูยั่วใจและยั่วราคะยิ่ง พอเขาเปลือยแผงอก แผลเล็ก ๆ กับรอยสักแปลกตาพร้อมขนในที่ลับบริเวณใต้สะดือทำให้เนี่ยหยวนซู ผู้ระเห็จมาจากโลกอื่นขนลุกซู่ ๆ ทั่วร่าง
แต่...ทั้งหมดกลับล่มลงไม่เป็นท่า เมื่ออีกฝ่ายทำเสียฤกษ์ เพราะขาที่สามของเขากลับกลายเป็นไส้เดือนนุ่มนิ่ม
เมื่อปล่อยให้สามีนอนหลับแล้ว เนี่ยหยวนซูกลับกลัวว่าพวกที่แอบฟังอยู่ด้านนอกจะผิดหวัง ดังนั้นนางจึงต้องจัดการแสดงชุดใหญ่เพื่อให้สมศักดิ์ศรีลูกสาวคนเล็กของเจ้าบ้านเนี่ย ซึ่งเป็นโต้โผออกเงินให้มีการแต่งงานใหญ่โต ทั้งหมดนี้นับว่าเป็นบุญคุณต่อแคว้นเฉิงโจว!
“อ๊ะ...อี้...อื้อ...ท่านพี่...อื้อ...อ๊าย” ยามนั้น เนี่ยหยวนซูพยายามเหลือเกินที่จะไม่หลุดขำ ทว่าในขณะเดียวกันยามที่มองไปยังร่างกายแกร่งบนเตียงกว้าง หญิงสาวปฏิเสธไม่ได้เลยว่าจิ่งหลัวคุณหล่อเหลาเป็นบ้า แม้ขาที่สามเขาจะหลับสงบนิ่งอยู่ในฝัก แต่สิ่งอื่นนอกเหนือจากนั้น ล้วนมีคุณภาพคับไหสุรา ชนิดเต็มสิบไม่หักสักแต้ม!
แต่ช้าก่อน สิ่งที่นางย่อมรู้ดีคือ สตรีแซ่เนี่ยต้องทำทุกวิถีทางให้ได้หย่าขาดกับจิ่งหลัวคุน โดยถูกต้องตามกฎหมายแคว้นเฉิงโจว และมีสักขีพยานรู้เห็น ซึ่งต้องเป็นการจากกันด้วยดี ต่างฝ่ายต่างมีชีวิตของตน ไม่มีการแค้นฝังใจต่อกัน โดยทั้งหมดต้องเกิดขึ้นก่อนการเปลี่ยนแปลงฮ่องเต้องค์ใหม่ มิเช่นนั้นหายนะครั้งใหญ่ในภายภาคหน้าอาจส่งผลให้ร่างงาม ๆ ของนาง ได้รับโทษสถานหนักคือ ถูกจับเลาะกระดูก แล้วแยกชิ้นส่วน สุดท้ายก็เป็นจิ่งหลัวคุนที่ผนึกนางให้กลายเป็นวิญญาณเร่ร่อน เพื่อไม่ให้ได้ไปผุดไปเกิด
ซึ่งเรื่องเศร้าดังกล่าวเกิดขึ้นหลังที่นางเข้าหอกับจิ่งหลัวคุนได้ราว ๆ สามปีเศษ ฝ่ายนั้นไม่เคยย่างกรายมาที่เรือนนางอีกเลย เขาเลือกใช้ชีวิตอยู่ที่ค่ายทหาร ไม่ก็หาเรื่องไปอยู่ต่างเมืองเฝ้าการสร้างกำแพงสูงปกป้องข้าศึก เมื่อกลับจวนจิ่ง เขามักเก็บตัวอยู่ที่เรือนหลักของตน อาจแวะเวียนไปหาอนุคนโปรดบ้าง แต่กลับเพิกเฉยทิ้งให้เนี่ยหยวนซูเปลี่ยวเหงาราวกับถูกจองจำในตำหนักเย็น สุดท้ายสภาพจิตใจนางจึงบอบช้ำ
ยามนั้น ภาพต่าง ๆ ปรากฏในหัว พลอยให้นางทั้งโกรธแค้นและนึกสมเพชโชคชะตาเจ้าของร่าง ซึ่งก่อนนั่งเกี้ยวเจ้าสาวมาที่จวนจิ่ง ก็ใช่ว่าเขาอยากได้นางเป็นฮูหยินใหญ่ เขาเพียงแต่อยากช่วยกองทัพ เรื่องทั้งหมดเป็นฝ่ายไทเฮาที่เอ่ยปากกับฮ่องเต้ สุดท้ายจึงมีราชโองการให้จิ่งหลัวคุนแต่งงานกับเนี่ยหยวนซูอย่างเอิกเกริก
เรียกได้ว่ามีงานเลี้ยงยิ่งใหญ่ราวกับว่าเขาเป็นองค์ชายคนสำคัญผู้หนึ่งทีเดียว
“เมื่อผูกผมด้วยกันและดื่มเหล้ามงคลแล้ว เจ้าคงเป็นสตรีที่ดีขึ้น ไม่คิดร้ายต่อคนในครอบครัวข้า!”
เสียงทุ้ม ๆ ดังในหัวเนี่ยหยวนซู
“ฮึ เมื่อก้าวขาเข้าจวนจิ่ง ข้าจะทำสิ่งใดเดือดร้อนผู้อื่นได้เล่า”
ชายหนุ่มข่มสติ ไม่อยากโต้เถียงกับสตรี แต่อย่างไร เขาควรบอกความในใจของตนให้นางได้รับรู้บ้าง “ก่อนหน้านั้น เจ้าทำหลายสิ่งที่เหลวไหล ข้าไม่เห็นก็แล้วไป แต่เมื่อเป็นผัวเมียกัน เจ้าต้องถือกุญแจทั้งจวน ดังนั้นหัดมีเมตตาต่อผู้อื่นย่อมเป็นสิ่งที่ดี”
เนี่ยหยวนซูขัดหูคำพูดอีกฝ่าย สีหน้าสีตาแจ้งชัดว่าเขาโกรธนาง
“โปรดกล่าวให้แจ้งชัด ข้าทำเรื่องใดลับหลังท่านแม่ทัพจิ่งเยี่ยงนั้นหรือ ท่านถึงได้แสดงท่าทางราวกับเกลียดชังข้านัก”
คนตัวโตพ่นลมหายใจร้อน ๆ ออกมา และเอ่ยเสียงหนัก
“ทั้งที่รู้ว่าไทเฮาประสงค์ให้เจ้าแต่งเข้าจวนจิ่ง แต่เจ้ายังหว่านเสน่ห์ไปทั่ว หากไม่ใช่เพราะข้าเห็นว่าสกุลเนี่ยมีประโยชน์อยู่บ้าง บุรุษคนนี้คงไม่ฝืนใจยอมรับราชโองการดังกล่าว”
ยามนี้เนี่ยหยวนซูอยากเล่นงิ้วและฟ้อนเล็บข่วนหน้าหล่อเหลาสุดกำลังแต่นางกลับเลือกที่จะส่งเสียงดัง ๆ ใส่เขา พร้อมถ้อยคำร้ายกาจ “แต่สุดท้าย แม่ทัพจิ่งก็ยอมลดศักดิ์ศรีเพื่อเกาะชายกระโปรงผ้าไหมของข้า เพราะอยากได้เงินไปเติมเสบียงให้ทหาร และหวังใบเปิดทางโรงหลอมเหล็ก รวมถึงการเป็นพันธมิตรกับเผ่าทางใต้ ด้วยอยากได้อาชาชั้นดีมาเสริมทัพของฮ่องเต้ ที่ทำทั้งหมดท่านคงอยากเป็นสุนัขตัวโปรดของฝ่าบาทสินะ!”
ดวงตาคมกริบจ้องคนงามเขม็ง เขาขบกรามจนใบหน้าคมคายสั่นกระตุก อีกทั้งไอสังหารแผ่ขยายออกมา
“คุณหนูเนี่ย ขอบคุณที่เตือนสติ ย้ำให้ข้าตระหนักว่าเจ้ากับข้าแต่งงานกันเพื่อผลประโยชน์ หาใช่เพราะมีความผูกพันอันใด!”
สิ้นคำพูดดังกล่าว เนี่ยหยวนซูก็อยากฟาดฝ่ามือเรียวใส่ใบหน้าของอีกฝ่ายเหลือเกิน แต่สิ่งที่ทำได้กลับเป็นการที่นางต้องเก็บความแค้นเอาไว้ในใจ เพื่อรอเวลาคิดบัญชีเขาและครอบครัวในคราวเดียวกัน
ซึ่งการที่นางได้ย้อนเวลามาเกิดใหม่ในร่างนี้ เนี่ยหยวนซูอยากเอาคืนคนที่หน้าเนื้อใจเสือและคิดชั่วกับนาง เรื่องที่เกิดขึ้นในจวนจิ่งต่อจากนี้บีบบังคับให้เนี่ยหยวนซูสติวิปลาส นางกลายเป็นคนบ้าอันเป็นผลมาจากคนในจวนจิ่งร่วมมือกันบีบบังคับให้ฮูหยินใหญ่คนนี้ร้าย ร้ายถึงขั้นลุกขึ้นมาวางแผนฆ่าทุกคนที่พยายามทำให้นางอยู่ที่นี่อย่างไม่สงบสุข
เมื่อคิดได้แล้ว สตรีสกุลเนี่ยย่อมต้องหัดใช้สมองมากกว่าบีบน้ำตา หรือตีโพยตีพายโทษชะตาชีวิตตน ในเมื่อสามสิบลิขิตฟ้าเจ็ดสิบต้องฝ่าฟัน นางย่อมต้องสวมบทบาทนี้ให้ทั้งใต้หล้าต้องจดจำไปตราบนานเท่านาน
ดวงตากลมโตมองไปรอบ ๆ ห้อง แสงสว่างที่มาจากเทียนไข ก่อให้เกิดเงาวูบไหว อีกทั้งในยามนี้ หากนางคาดการณ์ไม่ผิดย่อมต้องมีสาวใช้ บ่าวคนสนิท รวมถึงฝ่ายตรงข้ามของนางแอบฟังเสียงต่าง ๆ ในห้อง แล้วรีบไปรายงานนายของตน
หญิงสาวปีนขึ้นเตียง ก่อนไปนั่งแปะอยู่กึ่งกลางลำตัวแม่ทัพหนุ่ม มือเรียวสวยลูบไล้ใบหน้าคมคายช้า ๆ ลมหายใจเขาสม่ำเสมอ แผงหน้าอกแกร่งนั้นกระเพื่อมขึ้นลงอย่างน่ามอง บุรุษผู้นี้มีเสน่ห์จับใจ จนนางไม่อาจจะถอนสายตามองที่อื่น
เครื่องหน้านั้นสวรรค์ก็ช่างสรรค์สร้าง จมูกโด่ง ริมฝีปากสีสดมีรอยหยักลึก ปลายคางมีแผลเป็นเล็ก ๆ ไม่น่าเกลียด และทั้งหมดขับให้เขาเป็นที่โปรดปรานของสตรีได้ไม่ยาก
“แม้ข้าจะเสียดายหากต้องหย่าร้างกับท่าน แต่มันคือโชคชะตาที่ไม่อาจฝืน อย่างไรชาตินี้ หากเราดึงดันเป็นสามีภรรยากัน ย่อมไม่แคล้วทำให้แผ่นดินลุกเป็นไฟ เยี่ยงนี้ ตัดใจจากข้าเสียเถอะ ท่านพี่”
คนตัวโตยังหลับตาเช่นเดิม พิษในสุราและกำยานที่เขาสูดดมก่อนหน้าคงเล่นงานหนักหน่วงจนเป็นเหตุให้คนตัวโตไร้สติ
“แต่หยวนซูคนงามคงย่อมเสียหน้าไม่ได้ ดังนั้นคืนนี้ท่านกับข้าสมควรมาเล่นละครให้คนทั้งจวนนอนไม่หลับกันเถิด ส่วนเรื่องการหย่าขาดของเรา รับรองว่ามันจะเกิดขึ้นแน่นอน และมันจะต้องเป็นที่โจษขานไปทั้งแคว้นเฉิงโจว”
เนี่ยหยวนซูพึมพำกับตนเสร็จ นางจึงเริ่มทำท่าคล้ายควบม้าบนกายแกร่ง ในขณะเดียวกันนั้นก็ครางเสียงหวานล้ำประหนึ่งว่าได้กินของเผ็ดร้อนแสนโอชะ