โดยเริ่มต้นนางทั้งตบ ทั้งข่วนเขาจนเจ็บจี๊ดตามใบหน้า ลำคอ เมื่อรำคาญจึงคว้าตัวนางมา ด้วยกลิ่นน้ำมันหอมบนเนื้อตัวนางทำให้เขาคลั่ง จนควบคุมตัวไม่ได้ จึงซุกไซ้ตามจุดต่าง ๆ ที่ไวต่อความรู้สึกนาง เขาดูดดุน จูบหนักหน่วง สองมือนวดเฟ้นและเคล้นคลึงถันคู่งาม เมื่ออารมณพลุ่งพล่าน จึงอยากแทรกลิ้นเข้าไปในริมฝีปากอวบอิ่ม แต่เขากลับถูกนางกัดและไม่นานก็สลบไปอีกหน
“พี่ใหญ่ ถึงข้าจะงามล่มเมืองแต่ก็เป็นบุรุษ อีกอย่างเราคือสายเลือดเดียวกัน หักห้ามใจเสียเถิดท่านพี่” จิ่งป๋อกล่าวแล้วหัวเราะร่วน
“น้องสามระวังปากเจ้าบ้าง ถูกอาซูกลั่นแกล้งเช่นนี้ ยังไม่รู้ตัวอีก” จิ่งหลัวคุนเอ่ยจบก็ผลักร่างน้องชายให้ไปทางอื่น ก่อนจับจ้องไปยังหญิงงามที่ดูเหมือนว่า นางกำลังสนุกในงานเลี้ยงรื่นเริง
จิ่งหลัวคุนที่ตอนแรกเกือบระงับโทสะได้แล้ว หากต้องระเบิดอารมณ์กว่าเดิมเมื่อเนี่ยหยวนซูยังบังอาจร้องเพลงต่อ
ฝ่ายเชามี่อึ้งอยู่หลายอึดใจ พอตั้งสติได้ก็หวีดร้องเสียงหลง ก่อนเข้าไปหาซ่งหยูชุน
“ไท่ฮูหยิน ท่านป่วยหนักแล้วนะเจ้าคะ ดูสิ ตัวสั่นเหงื่อแตกเต็มหน้า แล้วยังพูดจาไม่รู้เรื่อง สักพักน้ำลายคงแตกเป็นฝอยเต็มปาก ไท่ฮูหยิน!”
หญิงวัยกลางคนได้ยินเสียงสูงต่ำ ๆ ดังอยู่ใกล้ ๆ ก็ขัดใจเหลือเกิน นางมองเชามี่แล้วเบ้ปากคว่ำใส่
“ไท่ฮูหยินให้ข้าพาไปพักผ่อนดีหรือไม่ อยู่ตรงนี้ลมแรง ข้าจะให้พ่อบ้านไปเรียกหมอหลวงมาตรวจอาการท่านเดี๋ยวนี้”
“บัดซบ นังโสเภณี ใช่หน้าที่เจ้าต้องแส่เรื่องของข้าหรือ”
ปกติไท่ฮูหยินร้ายเงียบ พูดจาเสียงดังก็จริง แต่ไม่มีการแสดงกิริยา และใช้ถ้อยคำราวกับคนในตลาดสดเช่นนี้
“โอ้ ไท่ฮูหยิน ท่านถูกยาสั่งเป็นแน่ รวมถึงคุณชายสาม!”
“เหลวไหล แล้วก็หุบปากเสีย”
“ไม่ได้นะเจ้าคะ ไท่ฮูหยินกำลังมีอันตราย นังจิ้งจอกเก้าหางนั่นคิดร้ายต่อท่าน” เมื่อเชามี่กล่าวจบ นางกลับคาดไม่ถึงว่าหญิงวัยกลางคนที่นั่งบนม้านั่ง จู่ ๆ ก็ลุกพรวดขึ้น แล้วใช้เท้าข้างหนึ่งถีบเชามี่อย่างแรงจนนางล้มหงายหลัง และจุกเจ็บจนร้องไม่ออก!
สีหน้าของจิ่งหลัวคุนว่าขึงขังแล้ว หากเทียบไม่ติดเลยกับน้ำเสียงดุเข้มที่เขาตะคอกใส่เนี่ยหยวนซู
“ฮึ หากชอบล้อเล่นกับข้า และหวังทำเรื่องสนุกหมิ่นเกียรติ ข้าก็ยอมให้อภัยในความไร้เดียงสาของสตรีแซ่เนี่ย เอาแต่ซุกซน เล่นสนุกไปวัน ๆ ด้วยถูกตามใจจนเสียนิสัย อีกทั้งไร้การอบรมที่ดี แต่นี่เจ้ากลับถึงขั้นก่อเรื่องไม่สมควรกับแม่เล็ก!”
จากนั้นจิ่งหลัวคุนสาวเท้ายาว ๆ เข้ามาคว้าข้อมือเรียวเล็กไปบีบไว้ เขาออกแรงมากจนกระดูกของหญิงสาวคล้ายจะแหลกสลาย
เนี่ยหยวนซูเจ็บ นางไม่ได้อ่อนแอ รู้ว่าเขาย่อมเป็นหมาบ้า แต่การที่ใช้กำลังเช่นนี้ นางเกลียดที่สุด ผู้ชายไร้เหตุผลและสมองทึบ แถมดื้อด้านดั่งลาโง่ อย่างไรก็ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง
“ใส่ร้ายผู้อื่นโดยไม่มีหลักฐานเยี่ยงนี้สมควรเป็นแม่ทัพหรือไร บ้านเมืองนี้เขาคัดลาโง่ตัวโต ๆ แล้วเอาไปจับฉลากกันสินะ ท่านถึงได้มีตำแหน่งใหญ่โตค้ำฟ้า”
จิ่งหลัวคุนโมโหกว่าเดิม และไอสังหารแผ่ขยายท่วมตัวเขาแล้ว
“อยู่ในบ้าน ไม่มีแม่ทัพ ข้าก็แค่บุรุษผู้หนึ่งที่ร่วมเตียงกับเจ้า คือสามี เป็นผู้ชายที่เจ้าสมควรเคารพ!” คำพูดเขาเผ็ดร้อนเหลือเกิน และเนี่ยหยวนซูหน้าแดงทั้งตัวสั่น หนึ่งคือนางโกรธ สองนางเจ็บทั้งข้อมือและปวดหนึบตรงหัวใจ
“ใช่ ข้ากับท่านร่วมเตียงกันแล้ว คือสามีภรรยาที่ตบแต่งตามสมรสพระราชทาน”
“ฮึ อย่าเล่นลิ้น บอกมา เหตุใด ถึงวางยาแม่เล็กกับเจ้าสาม”
“ท่านแม่ทัพ...มีหลักฐาน หรือพยานอันใดงั้นรึ ถึงเสียงแข็งปรักปรำข้า ราวกับจะเอาผิดให้ได้”
“ฮึ ข้าไม่ได้ตาบอด ยามนี้พวกเขาล้วนเหมือนคนต้องพิษ มิต่างจากข้าในคืนเข้าหอ”
“เอ ท่านแม่ทัพยอมรับแล้วสินะว่าถูกวางยา ไม่ใช่แค่อาการเมาเหล้า”
เนี่ยหยวนซูรุกเขากลับ
“อย่าเฉไฉโยงเรื่องอื่น จงรีบเอายาถอนพิษออกมาแก้ไขเรื่องนี้เสีย”
“โอ้ ท่านชอบล้อข้าเล่นจริงเชียว เมื่อไม่มียาพิษไฉนจะมียาถอนพิษเล่า”
ฝ่ายเชามี่ที่ได้รับการพยุงตัวขึ้นโดยอ้ายเหมย นางก้าวกะเผลก ๆ มายืนข้างจิ่งหลัวคุน คราวแรกอยากออเซาะเรียกร้องความสนใจ แต่คนตัวโตรักษาท่าที พร้อมส่งสายตาให้เกอสวิน กันนางห่างจากเขา
“ขอให้ผู้น้อยอนุภรรยาอยู่ตรงนี้ด้วยเถิดท่านแม่ทัพ เพราะข้าจะเป็นผู้กระชากหน้ากากนางจิ้งจอกเก้าหางด้วยในน้ำแกงเก้าชั้นยอดฟ้า คือยาพิษที่นางตั้งใจใช้ทำร้ายไท่ฮูหยิน!”
เนี่ยหยวนซูกลอกตาไปมา ก่อนจ้องเขม็งไปที่เชามี่
“อย่าพูดจาพล่อย ๆ มิเช่นนั้น ข้าไม่ไว้หน้าเจ้าเป็นแน่”
“แต่ข้าย่อมเอ่ยความจริงทั้งหมด น้ำแกงดังกล่าวมีฤทธิ์ทำให้เลือดไม่แข็งตัว!”
ยามนั้นเนี่ยหยวนซู แทบเก็บความดีใจไม่มิด จู่ ๆ ผู้ร้ายก็สารภาพความผิดออกมา หากเสียดายในน้ำแกงดังกล่าว นางไม่ได้ใส่ถั่งเช่าหรือโสมพันปี ก็แค่น้ำแกงปกติเท่านั้น และนางทำเลียนแบบขึ้น พร้อมป่าวประกาศออกไป ล่อเหยื่อให้มาติดกับ
“โอ้ คงมิต่างจากฤทธิ์สุราหมักของเจ้าที่ตั้งใจให้ท่านแม่ทัพดื่มจนเมามายในงานมงคลของข้า เป็นสุราโสมแดงพันปีผสมถั่งเช่า แล้วยังมีมะตูมด้วย!”
เชามี่เก็บปากเงียบ ใบหน้านางซีดสลดราวซากศพ ก่อนเหลือบมองจิ่งหลัวคุน เมื่อเห็นสีหน้าเขาเหมือนจะกินคนได้ นางจึงรีบยกมือข้างหนึ่งขึ้นแตะหน้าผากตน ก่อนร้องว่า
“โอ๊ย...ขะ… ข้าเป็นลม ผู้น้อย...ภรรยา...มะ...ไม่ไหวแล้ว”
เนี่ยหยวนซูเบ้ปากให้อีกฝ่าย ก่อนหันมาเผชิญหน้าคนตัวโต
“ท่านแม่ทัพ สิ่งที่ต้องเข้าใจให้ตรงกันคือ ไท่ฮูหยินไม่ได้ดื่มน้ำแกงเก้าชั้นยอดฟ้า แต่นางดึงดันจะดื่มน้ำแกงเห็ดกับแป้งอบโรยผงสำราญใจ (ก***า) พร้อมคุณชายสาม บุตรชายที่ไท่ฮูหยินทั้งรักและห่วงใยยิ่ง ดังนั้นเรื่องนี้ข้าไม่บังคับให้นางกินแม้แต่น้อย”
คำพูดของเนี่ยหยวนซูแจ้งชัดว่าตั้งใจประชดประชันแม่ทัพหนุ่ม
“ฮึ แต่ในน้ำแกงเห็ดอะไรนั่น เจ้าคงใส่สมุนไพรที่กระตุ้นให้แม่เล็ก เอ่อ...มีความรื่นเริง ทั้งยังอาจส่งผลให้หัวใจนางทำงานหนัก”
เนี่ยหยวนซูยิ้มยั่วยวน และอดดีใจไปกับลาโง่ไม่ได้ อย่างน้อยยามนี้จิ่งหลัวคุนก็ตามนางทันอยู่บ้าง แน่นอนน้ำแกงเห็ดใส่ทั้งครีมที่ทำจากนมวัวและเนยซึ่งนางคิดค้นขึ้นเอง พร้อมน้ำซุปไก่ใบกระท่อม!
“สมุนไพรในน้ำแกง ล้วนช่วยให้ผ่อนคลาย และเรียกความเป็นสาวกลับคืนมา เช่นนี้ย่อมเป็นสิ่งดีกับหญิงวัยกลางคน ผิดแต่ไท่ฮูหยินกินเข้าไปเยอะสักหน่อย ส่วนคุณชายสาม ข้าห้ามเขาแล้ว หากไม่ฟังสักนิด ไม่รู้รั้นและอวดเก่งได้ใครกันหนอ”
หญิงสาวเอ่ยและทิ้งหางตาไปทางจิ่งหลัวคุน
“หยวนซู จงพูดแต่สิ่งที่เกี่ยวกับเรื่องสำคัญนี้ อย่าพยายามโยนความผิด หรือเรื่องเหลวไหลอันใดพาดพิงถึงสามีเจ้า”
“อุ๊ย ได้เจ้าค่ะ พอดี น้องหญิงของท่านพี่ เผลอใส่อารมณ์ไปหน่อย และสำหรับน้ำแกงเห็ด มันก็แค่กระตุ้นให้ร่างกายมีความสุขพร้อมความอยากอาหาร ซึ่งผิดกับลูกอมเคลือบน้ำตาลที่ผสมถั่ว ด้วยข้าใส่ทั้งกัญชา ใบกระท่อม...แล้วก็...ว่านราคะ ปลุกเร้าความซู่ซ่า แถมคุณชายสามกินลูกอมไม่พอ เขายังขอน้ำมันสกัดมาดม แล้วแอบดื่มด้วย เฮ้อ เช่นนี้ เขาคงต้องเหนื่อยอยู่สักหน่อยกว่าจะนอนหลับ!”
จากนั้น จิ่งหลัวคุนยิ้มเหี้ยมก่อนทำในสิ่งที่ทุกคนต้องตกใจ ร่างเนี่ยหยวนซูลอยเหนือพื้น นางถูกเขาจับอุ้มพาดบ่า พอหญิงสาวร้องขัดขืน ฝ่ามือใหญ่และหยาบกร้านอยู่สักหน่อยก็ฟาดบั้นท้ายกลมกลึงซึ่งเด้งไหวสู้มือเขาไปหลายหน
“คนป่าเถื่อน ท่านกล้าทำร้ายข้าต่อหน้าผู้อื่นได้เยี่ยงไร ข่มเหงกันอย่างนี้ ถูกต้องหรือ”
“ฮึ...นี่แค่สั่งสอน หรืออยากให้ข้ารุนแรงแบบหนักหน่วง เจ้าก็จงร้องให้ดัง แล้วจะรู้ว่าจิ่งหลัวคุนคือมัจจุราชจากขุมนรก เป็นลาโง่ที่ไม่มีหัวคิด และพร้อมทำเรื่องต่ำช้าได้เสมอ”
เนี่ยหยวนซูเหลืออดเหลือเกิน แต่จะให้ร้องกรี๊ด ๆ หรือแกล้งสลบอย่างเชามี่คงไม่มีทาง “อย่านะ...ห้ามทำสิ่งใดให้ข้าต้องขายหน้าที่นี่”
“ได้ ข้าอยากรู้นัก เมื่อพากลับเรือนรักของเรา เจ้าจะควบม้าได้เก่ง และอึดสักแค่ไหน ทั้งเสียงร้องออดอ้อนราวกับสตรีที่มีป้ายแขวนคอเยี่ยงในค่ายทหาร ยังจะกรีดร้องให้ข้าฟังอย่างถึงใจ เหมือนคืนแรกที่เราเข้าหอด้วยกันหรือไม่”
เนี่ยหยวนซูตัวแข็งทื่อ นางเริ่มสังหรณ์ใจว่าจิ่งหลัวคุนเป็นลาโง่จริง ๆ หรือว่าเขาแค่แสร้งเล่นละครตบตานางกันแน่ ฝ่ายซ่งหยูชุนมองจิ่งหลัวคุนกับเนี่ยหยวนซูพลางหัวเราะ ขณะเดียวกันก็นึกเรื่องสนุกขึ้นได้
“เดี๋ยวเรือนไป๋เหลียนฮวา คงมีเสียงคนร้องกินของเผ็ดกับเสียงขาเตียงลั่น ดังนั้นพวกเจ้าอย่ายอมแพ้เด็ดขาด ป๋อเอ๋อร์ รีบส่งคนไปเรียกนางรำและชายงามที่หอลำนำรักมาเพิ่มอีก คืนนี้แม่จะจัดงานเลี้ยงโต้รุ่ง แข่งกับพี่ใหญ่ของเจ้า ให้ทั้งเมืองหลวงโจษขานถึงความหน้าใหญ่ใจโตของคนสกุลจิ่ง!”