เชามี่ไม่ได้ตรงไปที่เรือนไท่ฮูหยินอย่างที่นางตั้งใจตอนแรก ด้วยบ่าวอีกคนที่นางให้คอยสอดส่องอยู่หน้าประตูใหญ่ รีบเข้ามารายงานว่าวันนี้จิ่งหลัวคุนกลับมาจากไปราชการนอกเมืองและตอนนี้อยู่ที่เรือนหลักของเขา
หญิงสาวเปลี่ยนชุดคลุมตัวนอก เลือกเสื้อผ้าเบาบาง และแต้มสีปากอ่อน ๆ ให้น่ามอง เน้นอ่อนเยาว์ดั่งดรุณีไร้เดียงสา ไม่ใช่แดงดั่งเลือดเฉกเช่นนางจิ้งจอกเก้าหาง จากนั้นก็ตรงไปยังเรือนของจิ่งหลัวคุน
“ท่านแม่ทัพ...ผู้น้อยอนุเชา...มีเรื่องร้อนใจเหลือเกิน”
ด้วยรู้ว่าตนเป็นคนโปรดของจิ่งหลัวคุน นางจึงส่งเสียงหวานหยดออกไป ทั้งที่เกอสวินแจ้งว่าชายหนุ่มต้องการพักผ่อน
“ท่านแม่ทัพ ยามนี้นายหญิงใหญ่กำลังก่อเรื่องนะเจ้าคะ” นางร้องขึ้นอีกหน พอรู้ว่าข้างในยังเงียบ จึงใช้แผนขั้นสูงด้วยการแสร้งเซเสียหลักแล้วค่อย ๆ ล้มลงไปกองบนพื้น
“โอ้ นายหญิงเชา...ใครก็ได้ ช่วยที” อ้ายเหมยเข้าไปประคองนายของตน ปากก็ร้องเสียงดังว่า
“โถ เพราะเป็นห่วงไท่ฮูหยิน อีกทั้งข้าวปลาไม่ได้กิน เช่นนี้นายหญิง เชาเลยไม่มีแรง นางช่างน่าสงสารจริง ๆ สวรรค์โปรดเห็นใจความกตัญญูของสตรีผู้นี้ด้วยเถิด”
แต่เดิมจิ่งหลัวคุนไม่อยากสนใจเรื่องในจวนจิ่ง ทว่าเมื่อเนี่ยหยวนซู แต่งเข้ามาแล้ว ย่อมต้องดูว่านางวางตัวเหมาะสมหรือไม่ ที่สำคัญมารดาเขานั้น แม้นางไม่ใช่ผู้ให้กำเนิดจิ่งหลัวคุน มีศักดิ์เป็นแม่เล็ก หากนางคือสตรีที่บิดาเลือกและยกให้เป็นฮูหยินใหญ่ นางเพียบพร้อมทั้งชาติตระกูล มีความรู้ความสามารถ เมื่อมารดาเขาจากไป ซ่งหยูชุนจึงกลายเป็นไท่ฮูหยินแห่งจวนหลังนี้
จิ่งหลัวคุนสั่งให้คนพาเชามี่เข้าไปในส่วนโถงรับรองและให้นำยาดมกับน้ำแกงสมุนไพรให้นางดื่ม สักพักหญิงสาวก็ได้สติ
“โอ้ ท่านแม่ทัพ อนุผู้น้อยหาได้อยากแสดงความอ่อนแอให้ท่านเคืองใจ แต่หลายวันที่ท่านไม่อยู่จวนเกิดเรื่องมากมายเหลือเกิน อีกอย่างสิ่งที่ข้าอยากให้ท่าน
ยื่นมือเข้าไปช่วยไท่ฮูหยิน คือนายหญิงใหญ่ต้มน้ำแกงที่น่ากลัวให้ไท่ฮูหยินดื่ม!”
“เจ้ากำลังกล่าวสิ่งใด”
“ท่านแม่ทัพไปราชการจึงไม่ล่วงรู้ว่านายหญิงใหญ่กำลังคิดวางแผนร้ายโดยเฉพาะคิดหาทางกำจัดคนรับใช้ในจวนเก่าแก่ออกไปทีละคน แล้วหาคนของตนเข้ามาแทน รวมถึงการเอ่อ...”
เชามี่กำลังจะกล่าวสิ่งที่น่ากลัวและเป็นความลับ นางจึงกระอึกกระอัก พลางมองคนสนิทของชายหนุ่มและสาวใช้นางอื่น
“ออกไปให้หมด!”
เมื่อภายในโถงรับรองเหลือเพียงสองคน เชามี่จึงกล่าวต่อ
“น้ำแกงเก้าชั้นยอดฟ้านั้น อนุผู้น้อยเคยได้ยินมาว่าเป็นตำรับชั้นสูง ดื่มกินเฉพาะเจ้านายในวังหลัง อีกอย่างตำรับน้ำแกง ให้ดีก็น่ายกย่อง ทว่ามันกลับมีส่วนผสมที่อาจให้โทษถึงแก่ชีวิตหากดื่มในปริมาณมากจนเกินไป”
“แล้วเกี่ยวสิ่งใดกับฮูหยิน”
เชามี่ถอนหายใจแรง ๆ ออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนบีบน้ำตาออกมาราวกับสั่งได้ “ย่อมต้องเกี่ยวพันแน่นอน นายหญิงใหญ่ต้มน้ำแกงนี้และนางต้องการใช้เป็นยาบำรุงแก่ไท่ฮูหยิน แต่ด้วยความไม่รู้หรือตื้นเขินอาจส่งผลร้ายให้โรคที่อยู่ภายในร่างกายไท่ฮูหยินกำเริบได้!”
ดวงตาคมกริบหรี่ลงเล็กน้อย เชามี่อยู่เรือนหลังนี้มาเกือบห้าปี นางย่อมทราบถึงอาการป่วยของซ่งหยูชุน และการแสดงออกว่าห่วงใยอีกฝ่ายนับว่าสมควร ทว่าถึงขั้นที่นางสามารถจำแนกส่วนผสมน้ำแกงของเนี่ยหยวนซูได้ มิใช่เรื่องที่เขาจะมองข้าม!
“เอาละ เรื่องนี้ข้าจะสอบสวนเอง หากฮูหยินจงใจทำให้แม่เล็กป่วย นางย่อมต้องมีความผิดตามกฎจวนหลังนี้”
เอ่ยจบชายหนุ่มก็เตรียมไปยังเรือนของไท่ฮูหยิน
“เอ่อ ท่านแม่ทัพ ให้อนุผู้น้อยติดตามไปด้วยได้หรือไม่”
“เมื่อครู่ เจ้ายังดูเหมือนคนพักผ่อนน้อยและไร้เรี่ยวแรงอยู่มิใช่หรือ”
“เป็นเช่นนั้นจริง แต่ความกตัญญูต่อไท่ฮูหยินย่อมสำคัญกว่าชีวิตข้า ที่เทียบแม้แต่ฝุ่นผงยังไม่ได้” เชามี่กล่าวจบก็ค่อย ๆ ลุกขึ้น หากมิวายเซเสียหลัก ก่อนโผเข้าไปซบอกกว้าง ๆ พร้อมจับท่อนแขนกำยำของชายหนุ่มเพื่อใช้เป็นหลักยึด
“อนุผู้น้อยภักดีต่อสกุลจิ่งเสมอและปรารถนารับใช้ท่านแม่ทัพไปจนกว่าจะสิ้นลมหายใจ” น้ำเสียงนางออดอ้อน เนื้อตัวนุ่มนิ่มก็เบียดชิดกายแกร่งอย่างจงใจ
ร่างสูงใหญ่ยืนอยู่ด้านหน้าสวนหินทางทิศเหนือของจวนจิ่ง แม้ยังไม่เข้ามาถึงด้านใน แต่เสียงร้องเพลงและเสียงหัวเราะดังมาถึงด้านนอก
เมื่อสืบเท้าเข้ามาอีกนิด จิ่งหลัวคุนก็คำรามเสียงฮึ่ม ๆ ยามนี้ จวนจิ่งกลายเป็นโรงละครในตรอกชั้นต่ำแล้วหรือไร
สตรีผู้นั้นกำลังร้องรำทำเพลง และยังมีสาวใช้กับแม่นมของนาง โดยคนหนึ่งเป่าขลุ่ย อีกคนตีกลองหนังวัวสองหน้า อันเป็นเครื่องดนตรีของชาวเผ่าทะเลทราย เสียงร้องเพลงเนี่ยหยวยซู แม้เพราะพริ้งแต่เนื้อหาเพลงฟังอย่างไรก็แจ้งชัดว่านางจงใจกระทบกระเทียบถึงเขา
แม้ตัวข้าเป็นหญิงม่าย ยังไม่น่าอับอาย เท่ากับถูกสามีชั่วร้ายข่มเหง
ผู้ชายขี้เหล้าแสนเผด็จการ วัน ๆ เอาแต่อวดเบ่งคิดว่า ตัวเองเก่งทั้งที่โง่ดั่งลา
สตรีเช่นข้าเด็ดเดี่ยวกล้าหาญ ยืนด้วยลำแข้งงาม ๆ
ผู้ใดอย่าได้มาหยาม มิฉะนั้น แม่จะตัดหางปล่อยวัด ให้ร้องเอ๋ง ๆ
สวรรค์โปรดเมตตา ให้หญิงม่ายคนงาม อย่าได้มีลูกผัวกวนใจ
ชาตินี้ ข้าเกิดมาเพื่อยิ่งใหญ่ ไม่มีสามีก็ลืมตาอ้าปากได้
ด้วยหนึ่งสมอง และสองมือ สองบาทา...
และที่ทำให้เขาต้องปวดเศียรเวียนเกล้าหนักกว่านั้น คือจิ่งป๋อที่ยามนี้สวมชุดงิ้วกับเครื่องประดับหัวร่ายรำเอวอ่อน และข้างกันนั้นที่หัวเราะไม่หยุด เดี๋ยวลุกจากม้านั่ง เดี๋ยวตบมือสลับการโบกไม้โบกมือก็คือไท่ฮูหยิน
ให้ตายเถิด เนี่ยหยวนซูกำลังทำสิ่งใดกันแน่ หรือนางมีเวทมนตร์ชั่วร้าย ถึงทำให้แม่เล็กกับน้องชายของเขาเสียสติถึงเพียงนี้
เมื่อชายหนุ่มสืบเท้าเข้ามาด้านใน แทนที่การร่ายร่ำจะหยุดลงแต่กลับเป็นว่าจิ่งป๋อเข้ามาควงแขนเขาและทั้งลากทั้งจูงให้ไปร่วมสนุกด้วยกัน
“พี่ใหญ่ วันนี้สำราญใจยิ่งนัก พี่สะใภ้เป็นสตรีมากความสามารถ ฟังดูเถิด เพลงที่นางร้องชวนให้ขบขันและมีความสุข ข้าจะนำไปให้เด็ก ๆ แสดงที่หอลำนำรัก”
ขณะที่ถูกลากไปร่วมวง จมูกโด่ง ๆ ของจิ่งหลัวคุนก็ขยุกขยิก ก่อนที่เขาจะจับตัวจิ่งป๋อให้ยืนนิ่ง ๆ แล้วสูดกลิ่นที่เนื้อตัวน้องชาย
กลิ่นดังกล่าวคุ้นเคย ทำให้เขานึกถึงช่วงเวลาคืนแรกที่ร่วมเตียงกับเนี่ยหยวนซู