นอกจากองค์หญิงสองนางนี้ที่มีของดีอย่างนั้น ไม่แน่ว่า อาจจะมีองค์หญิงคนอื่นๆที่มีของดีพวกนี้เช่นกัน
เอ๊ะ! ของดีรึ
ของพวกนั้นจะเป็นของดีไปได้อย่างไร
ไม่ใช่ของดีหรอกถ้าไปอยู่กับสตรีพวกนั้น มั
นต้องอยู่ในมือของนางถึงจะเรียกว่าของดี
หึหึหึ!
ไม่กี่วันต่อมา...
“นี่อะไรของเจ้าน่ะ เจินเจิน” หลิวฉวนหยู่ร์เอ่ยทักทายเจินเจินเมื่อมองเห็นสิ่งของมากมายที่เจินเจินนำมันมาให้หงเหม่ยหลงได้ดูถึงตำหนักฮองเฮา
“ของพวกนี้ ข้าแอบเข้าไปขโมยมาจากตำหนักสนมพวกนั้นอย่างไรเล่า” เจินเจินกล่าวตอบพร้อมอธิบายแต่ละอย่าง
“นี่ยาปลุกกำหนัด นางสนมผู้นี้จะเอาใส่ในน้ำชาให้ฮ่องเต้ทรงดื่มกิน ส่วนนี่เป็นกำยานเพิ่มอารมณ์พิศวาสของสนมอีกตำหนักหนึ่ง และนี่เป็นถุงหอมเอาไว้ใส่ใต้หมอนเพื่อปล่อยกลิ่นบางอย่าง ยังมีอีกนะ นี่! ยาเพิ่มพละกำลังให้บุรุษกลายเป็นอาชาคึกออกศึกรักได้ไม่ยั้ง” เจินเจินหยิบของแต่ละชิ้นขึ้นมาพร้อมทำตาโตประกอบคำอธิบายอย่างสนุกสนาน
“ข้าแอบเข้าไปในแต่ละตำหนักของเหล่าองค์หญิงที่มาเป็นสนมพวกนั้น ข้าล่ะ ไม่อยากจะเชื่อ นี่คือเหล่าสตรีของเมืองหลวงรึ พวกนางทำอย่างนี้กันรึ ตัวข้าเองยังไม่คิดจะทำถึงเพียงนี้ อ่ะ! อ้าว! ไปไหนกันรึ ข้ายังบอกกล่าวไม่หมดนะ” เจินเจินเอ่ยพลางหันไปเห็นหลิวฉวนหยู่ร์กำลังฉุดดึงร่างของหงเหม่ยหลงเอาไว้ คล้ายพยายามห้ามปรามอะไรกันสักอย่าง
“ใจเย็น เหม่ยหลง ใจเย็นก่อน” หลิวฉวนหยู่ร์กล่าวเตือนสติ หงฮองเฮาที่พร้อมจะพุ่งร่างออกไปอย่างหมายมาดในทิศทางของตำหนักเหล่าสนม
พวกนางมักจะเปลี่ยนสรรพนามเรียกกันเมื่ออยู่กันเพียงลำพังเฉพาะคนสนิทของฝ่ายอิทธิพลมืดด้วยกัน
“เจินเจิน เจ้ารีบเก็บของพวกนั้นไปทำลายทิ้งเสีย ก่อนที่โทสะของเหม่ยหลงจะพุ่งพรวดไปมากกว่านี้” หลิวฉวนหยู่ร์กล่าวขึ้นกับเจินเจินเมื่อเห็นหงเหม่ยหลงอารมณ์คุกรุ่นยามที่รู้ได้ว่าเหล่าสนมกำลังคิดการอันใดกับพระสวามีหนึ่งเดียวของนาง
“เรื่องอะไรจะเอาไปทำลายเล่า ข้าคิดจะนำมันไปใช้กับองค์ชายหลี่เซียวเหยาของข้า” เจินเจินตอบตามสัตย์อย่างตรงไปตรงมาตามวิสัย
“มันไม่ถูกต้อง เจินเจิน” หงเหม่ยหลงเอ่ยขึ้นอย่างฉุนเฉียวไม่จาง “เจ้าจะใช้ของพวกนี้กับองค์ชายสี่ไม่ได้”
เจินเจินได้ฟังถึงกับฉงน ขมวดคิ้วอย่างสงสัย ก่อนถามออกไป “ไม่ได้รึ ทำไมล่ะ”
“เจ้าจะทำอย่างนี้ให้ได้อะไร” หงเหม่ยหลงเอ่ยขึ้นพร้อมเดินเข้ามาหาเจินเจิน “เจ้าอยากมอมเมาองค์ชายสี่โดยไม่สนใจว่าเขาจะนิยมรักใคร่เจ้าหรือไม่ เช่นนั้นรึ”
เจินเจินเอียงหน้าน้อยๆคิดตาม แต่ยังถามออกไปอย่างแคลงใจ “พวกสตรีเมืองหลวงเขาก็ทำกันมิใช่รึ พวกสนมพวกนี้ก็คิดจะทำอย่างนั้นกับฝ่าบาท”
“พวกนางมิได้มีความรักให้แก่หลี่ซื่อหมินของข้า” หงฮองเฮาเอ่ยขัด “เจินเจิน พวกนางแค่หวังในอำนาจ แต่เจ้าไม่ใช่ พวกเราไม่ใช่ แล้วเจ้า...เจินเจิน”
หงเหม่ยหลงกล่าวต่อเนื่องพลางจ้องใบหน้างามของเจินเจินนิ่งๆ “เจ้าจะรู้สึกอย่างไร เมื่อฤทธิ์ของสิ่งเหล่านี้หมดไป องค์ชายสี่ได้สติหลังจากมึนเมากับเจ้าแล้วลุกออกจากเตียงเดินจากไปอย่างงุนงง”
“โอว... เห็นภาพเลย” เจินเจินอุทาน
“เจ้าชมชอบองค์ชายสี่จริงๆรึ เจินเจิน” ครานี้เป็นหลิว ฉวนหยู่ร์เอ่ยถามขึ้นบ้าง
เจินเจินเพียงหยักหน้ายอมรับหงึกๆด้วยสีหน้าจริงจัง
หลิวฉวนหยู่ร์ยังคงเอ่ยต่อ “แล้วองค์ชายสี่เล่า เขาชมชอบเจ้าหรือเปล่า เจ้าควรจะทำให้เขาชอบเจ้ารักเจ้าจากใจจริงเสียก่อนนะ จึงคิดจะใช้สิ่งของพวกนี้”
“หือ...” เจินเจินเริ่มงง แล้ว...ตกลงนางจะใช้ของพวกนี้ได้หรือไม่กันล่ะนี่???
หลังจากที่เฝ้าครุ่นคิดมานานอยู่หลายวันเกี่ยวกับวิธีการที่จะทำให้องค์ชายหลี่เซียวเหยาได้หันมาชมชอบและรักนางจากใจจริง
เจินเจินจึงอดรนทนไม่ได้ด้วยคิดถึงองค์ชายสี่หลี่เซียวเหยาเป็นอย่างมาก ถึงแม้จะไม่แน่ใจว่าจะทำอย่างไรให้เขาหันมาชมชอบนาง
แต่เจินเจินก็ยังคงตัดสินใจเข้าหาหลี่เซียวเหยาอีกครั้ง
และครั้งนี้หญิงสาวก็ได้ตั้งปณิธานเอาไว้แล้วว่า นางจะทำตัวดีๆ ไม่กระทำการอุกอาจคล้ายจะขืนใจเขาแต่อย่างใด
นางจะพยายามไม่ลวนลามเขาด้วย
นางไม่อยากให้เขารังเกียจนางไปมากกว่านี้
อา...
วันนี้นางแต่งกายด้วยชุดสุภาพด้วยนะ ปกปิดมิดชิดมิดชิดเชียวล่ะ ดูสง่างามเฉกเช่นสตรีสูงส่งเสียด้วย นางเลือกเฟ้นอยู่เป็นนานเลยนะ สำหรับอาภรณ์ชุดนี้ที่นางใส่มา เพื่อให้หลี่เซียวเหยาได้ยลโฉม เขาจะได้พิศมองนางใหม่
เขาจะชมชอบนางหรือไม่กันนะ หากนางทำตัวดีขึ้น เรียบร้อยขึ้น
เจินเจินคิดไปพลางเดินไปตามทางเดินที่เชื่อมต่อทอดยาวไปยังตำหนักของหลี่เซียวเหยา
ภายในห้องๆหนึ่งของตำหนักอันโอ่อ่าระโหฐานขององค์ชายสี่...
หลี่เซียวเหยากำลังควบคุมอารมณ์พลุ่งพล่านบางอย่างอยู่อย่างทรมาน
เขาเริ่มไม่เข้าใจ
ว่าทำไมชีวิตของเขาต้องมาเจอเรื่องบัดซบอย่างนี้อยู่ร่ำไป เกิดมาเป็นชายหนุ่มรูปงามอย่างนี้มันผิดนักหรือไร
“เจ้า... เจ้าเอาอะไรใส่ลงไปในน้ำชานี่” หลี่เซียวเหยาถามออกไปทางนางกำนัลคนหนึ่งหลังจากที่เขาได้ดื่มชาตรงหน้าลงไปเพียงครู่
นางกำนัลคนนี้เขาเริ่มนึกออกแล้วว่าเป็นน้องสาวของอดีตชายาของเขา นามว่าเซียงอวี๋
ชายหนุ่มเพียงนึกแปลกใจอยู่บ้างว่าทำไมนางยังคงคอยติดตามคล้ายหลอกหลอนเขาอยู่อย่างนี้
เขาเริ่มรู้สึกแปลกๆ รู้สึกร้อนรุ่ม รู้สึกมีความต้องการทางเพศอย่างสูง หลังจากดื่มชาถ้วยนี้ลงไป
“ไม่มีนี่เพคะ ไม่มีอะไรเลย” เซียงอวี๋ตอบคำพลางส่งสายตายั่วยวนหยาดเยิ้มให้หลี่เซียวเหยาอย่างคาดหวังแบบเห็นได้ชัดเจน
เรื่องอะไรนางจะบอกเล่า ว่าใส่ยาปลุกกำหนัดลงไปในน้ำชาเพื่อให้องค์ชายหลี่เซียวเหยาได้ดื่มกิน
นางเพียรพยายามอย่างมากที่จะไปสรรหาซื้อมา ด้วยแอบได้ยินนางกำนัลกับสนมคนหนึ่งคุยกันถึงสรรพคุณของมัน ยามนี้ไม่มีใครอยู่ภายในห้องนี้ มีเพียงนางกับองค์ชายหลี่เซียวเหยาเท่านั้น
หึหึ
วันนี้แล้ว
วันนี้
นางกับเขา
จะได้เสียเป็นสามีภรรยากัน
นางจะได้เขา
นางจะได้ร่วมรักกับเขา
แล้วเขาก็จะต้องรับผิดชอบนาง
แต่งงานกับนาง
หึหึ
เซียงอวี๋คิดในใจอย่างหมายมาดกรุ้มกริ่ม