“ไม่ดีกว่าครับ ผมกับใยบัวเพิ่งกินก๋วยเตี๋ยวมากันอิ่มแปล้เลย ไว้โอกาสหน้าดีกว่านะครับ จะมารบกวนฝากท้องไว้ที่นี่” เขารีบออกตัว
“เอาอีกแล้วใยบัว พ่อบอกกี่ครั้ง กินก๋วยเตี๋ยวอีกล่ะ กับข้าวที่บ้านก็เยอะแยะ” ผู้เป็นพ่อหันไปตำหนิลูกสาว
“โห… พ่อค่ะ กินข้าวทุกวัน พ่อไม่เบื่อบ้างหรือไง” เธอหันไปหาคุณพ่อ ทำหน้ากวน ๆ
“โตไม่รู้จักโต” พ่อยังพูดว่าเธออีก แต่เป็นเชิงล้อเล่นเสียมากกว่า
“เพิ่งจบ ม. หกครับครู กำลังหาที่เรียน ถ้าไม่ได้ สงสัยต้องให้เรียน มสธ. อยู่ที่บ้านนี่แหละ” คุณพ่อหันไปเล่า
คุณแขไขขอตัวไปตระเตรียมอาหารให้สามี
“มีอะไรปรึกษาพี่ได้นะครับ” เขาหันหน้าไปบอกใยบัว เธอยิ้มดีใจออกนอกหน้า
“จริงหรือคะ พี่หมัด” เธอเริ่มเรียกชื่อเขาแบบสนิทสนม
“จริงสิครับ พี่เรียนเก่งมากนะครับ ได้เกียรตินิยมด้วย” เขาชวนคุยไม่คิดว่าจะอวดอ้างตัวเอง คุณเจตได้แต่มองหน้าลูกสาวยิ้มให้อย่างเอ็นดู ลูบหัวให้อย่างแสนรัก
“พี่หมัดจบที่ไหนคะ” เธอถามด้วยความสนใจ
“มหาวิทยาลัย........ครับ” เขาเล่าอย่างภูมิใจ
“จริงหรือคะ เอ้... มหาวิทยาลัยเดียวกันกับพี่ใบบอนเลยนะคะพ่อ แต่เสียดายเนอะพี่ใบบอนเรียนไม่จบ” เธอหันไปพูดกับคุณเจตเชิงถาม
ชานนท์หน้าชาขึ้นมาทันทีที่ได้ยินชื่อของใบบอน และที่แน่ ๆ เขารู้สึกตกใจมาก ๆ ที่ตอนนี้เขาได้มานั่งอยู่ในบ้านของเธอ
“อะแฮ่ม” คุณเจตแกล้งกระแอม เพราะไม่อยากจะนึกถึงเรื่องนี้อีก
“เอ่อ... พ่อหิวขึ้นมาจริง ๆ แล้วเนี่ย ใยบัวไปดูแม่เราสิว่าตั้งโต๊ะเรียบร้อยหรือยัง” เขารีบตัดบท ดันหลังลูกสาวตัวดีให้ลุกขึ้น เธอรีบลุกขึ้นไปอย่างเสียไม่ได้ ใจจริงอยากคุยกับชายหนุ่มต่อ
“หน้าตาท่าทางคุณครูไม่ใช่คนเหนือแน่ ๆ ใช่ไหมครับ” เขาเอ่ยถาม เพราะผิวที่เข้มและจมูกโด่งเป็นสัน
“ครับ ผมเป็นหนุ่มใต้ครับ จังหวัดพัทลุง” เขาตอบ ตอนนี้ชักอยากจะรู้เรื่องครอบครัวนี้ให้มากกว่านี้เสียแล้ว
(“บังเอิญเหลือเกินนะ”) หมัดคิดในใจ
“ผมว่าผมขอตัวก่อนดีกว่านะครับ ลืมไปเลย ว่าต้องไปทำอะไรอีกหลายอย่าง ยังจัดข้าวของไม่ลงตัวเลยครับ” ชานนท์รีบขอตัว
“วันหลัง มาได้อีกนะครับ” คุณเจตแสดงน้ำใจ หมัดรีบยกมือไหว้กล่าวขอบคุณ แล้วรีบลุกออกมาจากบ้านนั้นทันที
“อ้าว... พ่อ ครูเขากลับแล้วเหรอ” ใยบัวหน้าเสีย ที่ออกมาจากครัวแล้วไม่เห็นหมัด และได้ยินเสียงสตาร์ตเครื่องยนต์ ก่อนจะมีการขยับเคลื่อนตัวรถออกไป
“พ่อบอกกี่ครั้งแล้ว ว่าอย่าพูดเรื่องที่พี่เรียนไม่จบ สอนไม่จำ” คุณเจตลุกขึ้นยืนอย่างหัวเสีย ส่ายหัวมองหน้าลูกสาวอย่างระอา
“ขอโทษค่ะพ่อ ก็ต่อหน้าพี่ใบบอนหนูก็ไม่พูดอยู่แล้ว” เธอทำหน้างอน ๆ มองพ่อด้วยสายตารับผิด
“ต่อหน้าใครก็ไม่ควรพูด” คุณเจตรีบเดินเข้าไปที่ในครัว ใยบัวรีบเดินเข้ามาพยุงพ่อแบบประจบ
‘ใบบอน ใยบัว ทำไม มันช่างบังเอิญเสียจริง ๆ’ หมัดยกยิ้ม ทำสีหน้าเย้ยหยันออกมา
ชานนท์ขับรถกลับบ้านพักครู เขารื้อเอากล่องที่รวบรวมทุกเรื่องราวระหว่างเขากับใบบอนเอาไว้ไม่เคยทิ้ง หมัดเทมันลงบนที่นอน หยิบภาพวันที่ใบบอนแต่งงานขึ้นมาดู รอยยับย่นที่ถูกเขาขยำยังปรากฏ
‘มันต้องมีวันของชานนท์บ้างใช่ไหม คุณรติรส ผมจะเอาคืนคุณอย่างสาสม ให้คุณได้รู้ว่า เรื่องหัวใจไม่ใช่เรื่องที่จะทิ้งขว้างกันได้ง่าย ๆ เอาความรู้สึกที่ดี ๆ ของผม คืนมาให้ผมด้วย ต่อไปผมจะร้ายกับคุณให้มากที่สุด’
++++++++++++++
“หมัดไปเอาจักรยานใครมา” ใบบอนถามตอนที่หมัดหยุดรถอยู่ตรงหน้า
“หมัดไปได้ที่ร้านขายของมือสองมา เห็นสภาพมันยังดี ซื้อมาแค่สี่ร้อยบาทเองนะ ลงทุนทำสีใหม่ และเปลี่ยนยางแค่นั้นเอง” เขาเล่าหน้าตามีความสุข
“ต่อไปหมัดจะมารับใบบอนไปเรียนทุกวันเลย” เขาพูดแบบหมายมาด
“โห... ใครจะกล้านั่งเนี่ย” เธอหัวเราะออกมา แต่ก็ลุกขึ้นเดินเข้าไปหาคนรัก ขยับตัวขึ้นนั่งซ้อนท้าย
“ทำตัวให้เบา ๆ น่า” ชานนท์เอ่ยแซว
“หมัดจ๋า ว่าแต่นั่งไปยางไม่ระเบิดใช่ไหม” เธอพูดพลางหัวเราะ เพราะเห็นสภาพรถแล้วก็ขำ เขาหันมาส่งยิ้มหวานให้ ส่งเสียงร้องเพลงดัง ๆ อย่างสุขใจ
“อ้ายคนจนจำต้องทนปั่นรถถีบ จะไปจีบอีกน้องคนงาม พอไปถึงอ้ายจะฝั้งเอิ้นถาม อีน้องคนงามกินข้าวแลงแล้วกา”
ชานนท์ร้องเพลงจรัญ มโนเพชร ตอนที่ใบบอนขึ้นนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานเก่า ๆ ของเขา แล้วตัวเขาเริ่มปั่นโถมน้ำหนักตัวปั่นขึ้นเนิน พาสาวคนรัก เพื่อมุ่งหน้าไปยังมหาวิทยาลัย
ภาพหนุ่มสาวที่ขี่จักรยานกะหนุงกะหนิงกันไปตลอดเส้นทาง ยามเช้าที่แสงทองส่องไปทั้งท้องฟ้า หมู่นกกาเริ่มออกหากินส่งเสียงเซ็งแซ่
ใบบอนชี้ให้หมัดดูนกน้อยที่เกาะอยู่บนสายไฟ และตามริมทางที่ฝูงแมลงปอต่างบินไล่กัน บางตัวจับอยู่บนยอดหญ้าที่น้ำค้างเกาะพร่างพราว ช่างมีความสุขเสียจริง ๆ
“คุณแม่ครับ คุณแม่ว่าหน้าน้องยิมเหมือนใคร” เด็กชายช่างจ้อถามคุณแม่ เอา เด็กน้อยหัวเกยกอดหมอนข้างหันหน้าเข้ามาหาคุณแม่
“ก็เหมือนแม่สิครับ” ใบบอนยิ้มกว้าง มองลูกชายอย่างอ่อนโยน ยกมือขึ้นลูบผมลูกชาย ก่อนจะหยิกที่ปลายจมูกรั้น ๆ นั้น
“ถามทำไมครับ” ใบบอนเอ่ยถามเด็กน้อย จ้องมองใบหน้าของลูกชายยิ้มเศร้า
(“หมัดจ๋า ลูกเราช่างหน้าเหมือนคุณจัง ไม่ว่าจะเป็นตา เป็นจมูก และก็ปากที่เป็นกระจับเนี่ย”)
เธอนึกถึงหน้าคนที่เคยรัก และตอนนี้ก็ยังรัก ภาพชานนท์ซ้อนอยู่บนใบหน้าของน้องยิม
“พรุ่งนี้คุณครูให้เอารูปคุณแม่ รูปคุณพ่อไปด้วยครับ คุณครูจะให้ทำสมุดบันทึก” ช่างเป็นเด็กที่ช่างเจรจานัก และช่างจดช่างจำ
ใบบอนน้ำตาซึม มองหน้าลูกชายอย่างพูดไม่ออก
“น้องยิมขอโทษครับ” เด็กน้อยเอ่ย ยกสองมือน้อย ๆ ลูบหน้าผู้เป็นแม่ปลอบใจ
“เอ่เอ้... อย่าร้องนะครับ” เขารีบบอกผู้เป็นแม่
เวลาที่เด็กน้อยถามหรือพูดถึงผู้เป็นพ่อทีไร คุณแม่ก็จะซึม และน้ำตาไหลทุกที ใบบอนยิ้มให้กับน้องยิมทั้งน้ำตา กะพริบตาไล่น้ำตาปริบ ๆ เธอดึงลูกชายเข้ามากอด หอมไปที่แก้ม
“แม่ว่า เราปิดไฟ เดี๋ยวคุณแม่เล่านิทานให้น้องยิมฟังดีกว่านะครับ แล้วพรุ่งนี้ตื่นมา ใครนะที่บอกว่าอยากกินไข่ตุ๋น” เธอรีบเปลี่ยนเรื่อง เด็กน้อยยกมือขึ้นสูงสุดแขน
“น้องยิมจะกินไข่ตุ๋น กินไข่มีประโยชน์คุณครูบอกน้องยิม” เด็กน้อยทำน้ำเสียงดีใจ เริ่มจ้อเรื่องใหม่
(“เด็กหนอเด็ก”) เธอเอื้อมมือไปปิดไฟ หันหน้าเข้าหาลูกชาย ฟังเขาเล่าเรื่องที่โรงเรียนต่อ กว่าน้องยิมจะหลับ ก็จบนิทานไปหลายเรื่อง
(“หมัดจ๋า ใบบอนคิดถึงหมัดมากนะ หมัดคงสบายดีนะ”) เธอนึกถึงชานนท์ทีไร น้ำตาก็ไหลทุกที ใบบอนนอนสะอื้นเบา ๆ ปล่อยให้น้ำตาที่อัดอั้นให้รินไหล คิดถึงเขาแทบขาดใจ อยากรู้แค่ว่าเขาสบายดีไหม
“วันศุกร์และเสาร์นี้ ก็อย่างที่รู้กันอยู่นะคะ ว่าจะมีกิจกรรมพิเศษของเด็กอนุบาลหนึ่งในโครงการเด็กอัจฉริยะ รุ่นที่สามก็เป็นโครงการที่ต่อเนื่องมาเป็นปีที่สามแล้ว ฝากอาจารย์ในสายชั้นปฐมวัยทุกคนนะคะ ที่ต้องร่วมรับผิดชอบ และคงเป็นผลงานร่วมกันของโรงเรียนของเราอีกเช่นกัน” เสียงผู้อำนวยการโรงเรียนบอกกล่าวรายละเอียดต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นในสุดสัปดาห์นี้
“แล้วเรื่องมารยาทของเด็ก กับเรื่องการรักษาความสะอาดของโรงเรียนยังต้องเป็นโครงการหลัก ที่จะต้องย้ำกับเด็กในช่วงเช้านะคะ ฝากอาจารย์เวรประจำวันด้วย รวมถึงครูประจำชั้นด้วยนะคะ อีกเรื่องที่สำคัญคือ เรื่องที่เน้นย้ำต้องเพิ่มในช่วงของโฮมรูมนะคะ คือเรื่อง ค่านิยมหลักสิบสองประการ ที่จำเป็นต้องปลูกฝังกับเด็กตั้งแต่วัยนี้กันเลยค่ะ” แล้วเสียงผู้อำนวยการก็ดังอย่างต่อเนื่อง
“ครูอ้อครับ อนุบาลหนึ่งนี่... เออ” ครูชานนท์กระซิบเสียงเบา
“ก็ชั้นที่อ้อดูแลนี่และค่ะครูชานนท์” เธอหันมาตอบเขาเสียงเบาเช่นกัน ครูหมัดยิ้มออกมาเต็มใบหน้า
วันเสาร์ เวลาบ่ายสามโมง ณ "ร้านรติ-ชานนท์"
มีเสียงกระดิ่งสั่นที่ดังขึ้น เมื่อมีคนผลักประตูร้านเข้ามา ทั้ง ๆ ที่เธอแขวนป้ายว่า
‘ปิดแล้วค่ะ วันเสาร์ เปิดถึง 14.00 น.’
ใบบอนชะงักมือที่กำลังใช้ผ้าสะอาดเช็ดโต๊ะในร้านอยู่อย่างตั้งใจ เธอค่อย ๆ หันยกหน้าขึ้น ก่อนจะหันหลังกลับมามองแขกผู้มาเยือน พร้อมขยับปากเอ่ยคำบอกออกมาด้วย
“ร้านปิดแล้วค่ะ ต้องขอโทษด้วยค่ะ”
ชานนท์ประสานสายตาก้มลงมองหน้ารติรสที่อยู่ห่างไม่ถึงเมตร ใบบอนถึงกับตกตะลึงตัวชา ผงะตัวถอยหลังหนีเขาไปสองสามก้าว
“ทำไมครับ เพื่อนเก่ามาเยี่ยมเยือนจะไม่ให้การต้อนรับหน่อยรึ” เสียงเขาพูดพร้อมกับรอยยิ้มหยันส่งมาให้ใบบอน ยิ้มอย่างมีไมตรีจิตของเธอหุบลงแทบทันที และซีดเผือดลงเรื่อย ๆ เมื่อเห็นใบหน้าของเขาในระยะกระชั้นชิดอย่างนี้
“หมัด” เธอขยับริมฝีปากเอ่ยชื่อเขางึมงำ
“ดีใจจังครับ ที่ยังจำกันได้” เขาพูด พลางเลื่อนเก้าอี้ที่อยู่ใกล้ที่สุดเข้าหาตัว ก่อนจะหย่อนกายลงนั่ง สองตายังจดจ้องใบหน้าสวยที่เขาไม่เคยลืมอย่างไม่ละสายตา
ส่วนใบบอนหน้าซีดเผือด หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ขอบตาเริ่มร้อนออกผ่าว ๆ ปากคอเริ่มสั่น ใจคอเริ่มไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ยิ่งสบตาของเขาที่คาดเดาไม่ได้ว่ารู้สึกเช่นไร เธอยิ่งเป็นกังวลใจ
ทั้งสองคนเงียบลง ไม่มีคำพูดใด ๆ เล็ดลอดออกมาอยู่เป็นนาน
ชานนท์ขยับตัวลุกขึ้นยืน ก่อนจะเดินเข้าหาเธออีกหนึ่งก้าว ใบบอนถอยหลังกรูดจนหลังไปติดข้างฝา ทำเหมือนหวาดกลัวเขามากมาย ทั้งที่ในใจเธอเฝ้าคิดถึงเขาตลอดระยะเวลาที่จากกัน
และหวังว่าสักวันหนึ่ง หากมีโอกาสได้เจอกัน เธออยากเอ่ยขอโทษ และเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ให้เขาฟังด้วยตัวเธอเอง เธอหวังว่าชานนท์ต้องเข้าใจเธอแน่นอน
ชานนท์มองดูท่าทีของใบบอน ก่อนจะหลุดหัวเราะขำขันออกมา เสแสร้งแกล้งหันหลังให้ ก่อนจะก้าวขาขยับเดินดูรอบ ๆ ภายในร้าน และมองรูปภาพต่าง ๆ ที่เธอนำมาตกแต่งในร้าน
“ตกแต่งร้านได้น่ารักมากนะครับ ไม่ยักจะเห็นมีรูปครอบครัวที่น่ารักของคุณรติรส” น้ำเสียงที่เป็นปกติของเขาแต่ก็ยังกระแนะกระแหนเธออยู่นั่นแหละ แต่ก็ทำให้ใบบอนรู้สึกผ่อนคลายขึ้น