ละลายรัก(นายเพลย์บอย)
(เหตุการณ์ในอดีตเมื่อสามปีที่แล้ว)
#ณะ บ้านของนักรบ
ห้องทำงานของนักรบ
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
"เข้ามา!"
แกรก!
เมื่อคนในห้องเอ่ยอนุญาต คนนอกห้องจึงเปิดประตูเข้าไปทันที
"นายครับมีคนมาขอพบครับ" เป็นเสียงบดินทร์ลูกน้องมือขวาพูดกับเจ้านายของตัวเองทันทีหลังจากที่เปิดประตูและเดินเข้ามาหยุดยืนอยู่หน้าโต๊ะทำงานของผู้เป็นเจ้านาย
"ใคร?" นักรบเงยหน้าจากเอกสารบนโต๊ะทำงาน ถามลูกน้องคนสนิทพร้อมกับเลิกคิวขึ้นข้างหนึ่ง
"เห็นบอกว่าเป็นลูกน้องของคุณอนันต์ครับ" บดินทร์รายงานผู้เป็นเจ้านาย อนันต์ที่บดินทร์พูดถึงก็คือลูกเลี้ยงของพ่อนักรบผู้เป็นเจ้านายของเขา...ซึ่งบดินทร์เองก็รู้จักอนันต์ดี เพราะเขาเป็นลูกน้องของนักรบมานานเป็นเวลาสิบกว่าปี นานมากพอที่จะรู้เรื่องภายในของครอบครัวเจ้านาย
"ไหนบอกว่ามันตายไปเมื่ออาทิตย์ที่แล้วไม่ใช่เหรอวะ แล้วลูกน้องมันจะมาทำไม มีอะไรถึงต้องมาหากู" นักรบพูดกับลูกน้องด้วยน้ำเสียงปกติ และเอ่ยถามลูกน้องออกไปอย่างนึกเอะใจเพราะร้อยวันพันปีทางฝั่งนั้นไม่เคยจะมายุ่งวุ้นวายอะไรกับเขาและเขาเองก็ได้ตัดขาดกับทางฝั่งนั้นหรือตัดขาดกับผู้เป็นพ่อไปตั้งนานแล้ว...ซึ่งนักรบก็เป็นคนกว้างขวางมีลูกน้องและคนสนิทมากมาย เขารู้ข่าวมาว่าลูกเลี้ยงของพ่อเขาได้เสียชีวิตไปเมื่ออาทิตย์ที่แล้วด้วยโรคร้าย แต่เขาไม่ได้สนใจอะไรกับการอยู่หรือตายของคนทางฝั่งนั้นเลย แม้กระทั่งตอนที่พ่อของเขาเสียชีวิตเขาก็ไม่ได้ไปงานศพพ่อของเขาเลยด้วยซ้ำ สำหรับเขาตัดขาดกันแล้วก็คือจบต่างคนต่างอยู่
"เอ่อ..ผมว่านายลงไปดูเองดีกว่าครับ" บดินทร์พูดกับเจ้านายอย่างกระอักกระอวน เพราะเขาไม่รู้จะอธิบายยังไงกับสิ่งที่เขาเห็นหรือคนที่เขาเห็นอยู่ชั้นล่างของบ้านเมื่อครู่ที่รออยู่ในห้องรับแขก
"กูไม่ไป ถ้าใครมันมีเรื่องอยากจะคุยกับกูก็ให้มันขึ้นมาหากูเอง" นักรบพูดด้วยน้ำเสียงห้วนๆอย่างไม่ใส่ใจและเลือกที่จะไม่สนใจคนของทางฝั่งนั้นเลยแม้แต่น้อย เขากลับมาสนใจเอกสารบนโต๊ะทำงานของเขาต่อตามปกติ
"ได้ครับนาย" บดินทร์รับคำสั่งจากเจ้านายและรีบไปบอกคนของทางฝั่งนั้นตามที่เจ้านายสั่งทันที
หลังจากนั้นลูกน้องคนสนิทของอนันต์ก็ได้ขึ้นมาหานักรบที่ห้องทำงานของเขาตามที่บดินทร์บอกทันที
"สวัสดีครับคุณนักรบ ผมภูมเป็นลูกน้องของคุณอนันต์ครับ" ภูมหรือลูกน้องของอนันต์เอ่ยสวัสดีพร้อมก้มหัวให้นักรบและแนะนำตัวเองทันทีที่เข้ามาในห้องทำงานของนักรบ
"กูไม่ได้อยากรู้จักมึงและกูก็ไม่ได้มีเวลามากพอที่จะมาฟังมึงแนะนำตัวเอง มีอะไรก็รีบๆพูดมา" นักรบพูดด้วยน้ำเสียงห้วนๆอย่างรู้สึกรำคาญ
"ก่อนคุณอนันต์จะเสียท่านได้สั่งผมไว้ว่าให้คุณหนูมาอยู่ในความดูแลของคุณนักรบครับ" ภูมรีบพูดถึงจุดประสงค์ของตัวเองไปทันทีเพราะถ้ามัวแต่ลีลาเขาอาจจะไม่ได้พูดเพราะดูเหมือนคนตรงหน้าจะไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่กับการมาของเขาซึ่งข้อนี้เขารู้ดีอยู่แล้ว
"คุณหนูที่ไหน! ดูแลอะไร! แล้วเกี่ยวอะไรกับกู!?" ได้ยินลูกน้องอนันต์พูดมาแบบนั้นนักรบเริ่มไม่พอใจขึ้นมาทันที เขายิงคำถามใส่อีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวเพราะสิ่งที่ลูกน้องของอนันต์พูดมามันไม่ใช่เรื่องของเขาหรือเกี่ยวข้องอะไรกับเขาเลยด้วยซ้ำ
"คุณหนูคือลูกสาวคนเดียวของคุณอนันต์ครับ คุณอนันต์ไม่มีญาติพี่น้องที่ไหนนอกจากคุณนักรบครับ ท่านเลยสั่งผมไว้ก่อนที่ท่านจะเสียว่าให้คุณนักรบดูแลคุณหนูไอติมแทนท่านด้วยครับ" ภูมรายงานให้นักรบฟังตามที่อนันต์ผู้เป็นเจ้านายของเขาได้สั่งเสียเอาไว้ ถึงจะนึกหวั่นกลัวคนตรงหน้าแต่เขาก็ต้องพูดเพราะเรื่องนี้มันหมายถึงชีวิตความเป็นอยู่ของเด็กคนหนึ่งที่ไม่เหลือใครไว้ให้พึ่งพิงนอกจากคนตรงหน้าของเขาคนเดียวเท่านั้น
"มึงกำลังจะบอกกูว่าให้กูเลี้ยงลูกไออนันต์แทนมันที่ตายไปแล้วอย่างนั้นเหรอ" ได้ยินแบบนั้นนักรบเข้าใจแจ่มแจ้งทันที พูดออกไปอย่างขมอารมณ์เอาไว้
"ครับ"
พรึ่บ!
ปัง!
สิ้นคำตอบของอีกฝ่ายนักรบลุกขึ้นจากเก้าอี้ทำงานราคาแพงทันทีพร้อมกับสองมือหนาทุบลงบนโต๊ะทำงานอย่างแรง มองหน้าอีกฝ่ายด้วยสายตาดุดันอย่างเอาเรื่อง
"กูไม่เลี้ยง! มึงมาทางไหนก็กลับไปทางนั้นเลย! ลูกหลานใครก็เลี้ยงกันเอาเอง! อย่ามาโยนภาระให้กู! ออกไปซะ!" นักรบพูดตวาดใส่ลูกน้องอนันต์เสียงดังน้ำเสียงแข็งกร้าว เขาไม่พอใจและโมโหเป็นอย่างมาก เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวอะไรกับเขาเลยด้วยซ้ำ ญาติก็ไม่ใช่ สายเลือดเดียวกันก็ไม่มีซักหยด เขาต่างคนต่างอยู่มาโดยตลอด อยู่ๆอีกฝ่ายมาโยนภาระให้กันหน้าด้านๆแบบนี้เขาไม่มีทางยอมรับแน่นอน
"แต่คะ..."
"เงียบ! กูไม่อยากฟัง! กูบอกให้ออกไปซะ! ไอดินมึงอยู่ไหนมาลากมันออกไป!" ไม่รอให้ลูกน้องอนันต์ได้พูดต่อ นักรบก็พูดแทรกตวาดอีกฝ่ายออกไปเสียงดังน้ำเสียงแข็งกร้าว ประโยคหลังตะโกนบอกลูกน้องที่อยู่นอกห้อง ตอนนี้เขาหัวร้อนมากเอาช้างมาฉุดคงฉุดไม่อยู่
แกรก!
"ครับนาย" บดินทร์ที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าห้องก็รีบเปิดประตูเข้ามารับคำสั่งผู้เป็นเจ้านายทันที
ซึ่งบดินทร์ก็ได้ยินเสียงเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในห้อง ถึงจะไม่เห็นภาพแต่เขาก็รับรู้ได้ถึงน้ำเสียงเกรี้ยวกราดของผู้เป็นเจ้านายว่าตอนนี้เจ้านายของเขากำลังหัวร้อนแค่ไหน ซึ่งเขาเองก็นึกเห็นใจและสงสารเด็กสาวตัวต้นเรื่องอยู่มาก เพราะเธอก็ยืนอยู่หน้าห้องและได้ยินได้ฟังเสียงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในห้องไปพร้อมๆกับเขาเหมือนกัน