ตอนที่ 23 จอมมารถูกตบ!!!/2

2500 คำ
ยามอิ๋น ไอทิพย์จากธนูสังหารของเทพศาสตราบัดนี้ได้หลอมรวมเข้าไปอยู่ภายในพระวรกายของราชาปีศาจอย่างสมบูรณ์ พระอาการบาดเจ็บจากการทำสงครามรวมเผ่าพันธุ์ปีศาจเมื่อหนึ่งแสนปีก่อน รวมไปถึงครั้งล่าสุดที่ทรงถูกลอบปลงพระชนม์ด้วยมีดศิลาสวรรค์หายเป็นปลิดทิ้ง พลังเวทย์ที่แทบไม่มีเหลือบัดนี้เพิ่มขึ้นมาสี่ส่วนจึงทำให้ในยามนี้จอมมารเฟิงหยางทรงมีพลังเวทย์กลับคืนมารวมกับที่มีอยู่เดิมอีกหนึ่งส่วนจึงทำให้มีรวมกันถึงห้าส่วนแล้วแต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่เพียงพอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระองค์ต้องมีพลังเวทย์หกส่วนจึงจะสามารถดึงหินสามภพออกจากกายของเจ้าแคว้นคนงามผู้นั้นได้ พรึบ! เปลือกพระเนตรเปิดขึ้นมาทันใดเมื่อทรงหลอมรวมไอทิพย์จากธนูสังหารเสร็จสิ้น หากแต่สีพระพักตร์กลับยังคงเรียบเฉยด้วยเพราะล่วงรู้ดีว่ามีพลังกลับคืนมาแค่สี่ส่วนเท่านั้น เฮ้อ! เสียงถอนพระทัยออกมาอย่างแรงด้วยไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์เอาไว้ “อาการบาดเจ็บของข้าตั้งแต่สงครามรวมเผ่าพันธุ์ปีศาจและจากมีดศิลาสวรรค์ จึงทำให้ธนูสังหารรักษาอาการบาดเจ็บของข้าจนหายเป็นปลิดทิ้ง แม้ว่าจะมีพลังเวทย์เพิ่มขึ้นสี่ส่วนแต่ก็ยังไม่สามารถดึงเจ้าหินสามภพของข้าออกจากกายของสตรีผู้นี้ได้”รับสั่งบ่นอย่างขัดพระทัยพลางหันกลับไปทอดพระเนตรเจ้าแคว้นคนงาม เพียงครู่พระเนตรสีนิลคู่สวยเปล่งประกายวาววับขึ้นมาทันที เมื่อทรงหลงลืมไปว่าสามารถใช้อำนาจของพระองค์ที่มีอยู่เก้าส่วนในหินสามภพนั้นได้ ถึงแม้ว่าจะอยู่ภายในร่างของสตรีมนุษย์ตรงพระพักตร์ก็ตาม จอมมารเอื้อมพระหัตถ์วางทาบทับลงบนทรวงอกงามของเจ้าแคว้นเพื่อส่งญาณจิตถึงหินสามภพของพระองค์เพื่อติดต่อกลับไปยังดินแดนปีศาจ ให้เหวินกวางพระสหายสนิทลงมาที่แดนมนุษย์เพื่อช่วยเหลือพระองค์ วาบบบบ!!! หินสามภพที่อยู่ในร่างของเจ้าแคว้นคนงามส่องแสงวูบวาบออกมาทันที เมื่อได้สัมผัสกับผู้เป็นเจ้าของ “เหวินกวาง!มาหาข้าเดี๋ยวนี้!!!”จอมมารรับสั่งหาพระสหายที่อยู่ไกลถึงดินแดนปีศาจของซือไฮปาฮวง พร้อมแสงสีทองของดวงอาทิตย์เริ่มโผล่ขึ้นจากขอบฟ้าอันเป็นสัญญาณของเช้าวันใหม่กำลังคืบคลานเข้ามา ร่างอรชรที่ปราศจากลมหายใจมาโดยตลอด บัดนี้ถูกหินสามภพที่มีอำนาจของราชาปีศาจอัดแน่นอยู่ภายในนั้นอย่างมหาศาล กำลังแผ่พลังไอทิพย์ลามเลียไปทั่วพระวรกาย เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บทั้งภายนอกและภายในและดวงจิตที่ยังไม่ได้เดินทางไปพบเจ้าโลกันตร์ให้หวนกลับมามีชีวิตอีกครั้ง ในขณะเดียวกัน ณ.ดินแดนปีศาจ เหวินกวางพระสหายสนิทของราชาปีศาจกำลังนั่งจิบชาดินแดนสวรรค์ที่ได้รับเป็นของขวัญอย่างสบายอารมณ์ พลางเล่นหมากล้อมไปด้วยอยู่เพียงลำพังตามความเคยชิน ภายในวังปีศาจอันใหญ่โตและกว้างขวางรวมไปถึงดินแดนปีศาจที่คอยดูแลและปกครองแทนสหายรักมานานหนึ่งแสนปี “เหวินกวาง! มาหาข้าเดี๋ยวนี้!”สุระเสียงของราชาปีศาจดังกระหึ่มไปทั่วทั้งวัง ตุบ! ถ้วยชาที่กำลังถืออยู่ในมือร่วงหล่นลงทันใดครั้นได้ยินเสียงของราชาปีศาจเรียกหาตน “เฟิงหยาง!”เหวินกวางเรียกพระนามราชาปีศาจออกมาทันทีด้วยความตกใจ หากแต่เพียงครู่ก็สงบลงก่อนจะทำเหมือนไม่ได้ยินสุระเสียงของราชาปีศาจที่กำลังเรียกหาตนอยู่ในขณะนั้น หันกลับไปวางตัวหมากลงบนกระดานตามเดิม แกรก!!!! ตัวหมากวางลงบนกระดานในตำแหน่งที่พิฆาตทุกตัวบนกระดาน “รุกฆาต!”เหวินกวางเอ่ยออกมาก่อนจะเลือนหายไปจากวังปีศาจ ขณะเดียวกันร่างของเจ้าแคว้นไท่หยวนถูกหินสามภพนำดวงจิตหวนกลับคืนมาพร้อมรักษาบาดแผนฉกรรจ์บนร่างงาม ซึ่งบาดแผลแต่ละตำแหน่งนั้นล้วนเป็นจุดตายทั้งสิ้น เปลือกตาที่ไร้สิ้นการตอบสนองใดๆ บัดนี้เริ่มกลอกกลิ้งไปมาพร้อมขนตางามงอนเริ่มกะพริบขึ้นลงติดต่อกัน ก่อนจะเปิดขึ้นอย่างช้าๆ พร้อมภาพเลือนรางของบุรุษร่างสูงใหญ่ผิดปกติจากคนทั่วไปนั่งอยู่บนฟูกนอน ครั้นเพ่งพิจารณาด้านข้างของใบหน้าคมเข้มดังกล่าว รูปงามหล่อเหลาดั่งรูปสลักยิ่งนัก เส้นผมสีดำยาวยกเกล้าขึ้นครึ่งศีรษะประดับด้วยปิ่นสีดำสนิท ซึ่งทำมาจากเกล็ดมังกรดำของราชาปีศาจ อาภรณ์สีดำทะมึนช่างแลดูคุ้นตา เมื่อภาพตรงหน้าเริ่มแจ่มชัดขึ้นจนสามารถเห็นได้อย่างชัดเจน “จะ...เจ้าเป็นใคร!”เสียงของเจ้าแคว้นถามต่ำๆ อยู่ในลำคอ ก่อนจะรู้สึกว่าบริเวณทรวงอกช่างหนักอึ้งเสียจริงครั้นก้มลงมองต่ำลงไปบริเวณลำตัวปรากฏมือใหญ่ของบุรุษอาภรณ์ดำกำลังวางทาบทับอยู่บนทรวงอกของพระองค์อยู่ในขณะนั้น ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างด้วยความตกใจเป็นยิ่งนัก ร่างอรชรของเจ้าแคว้นไท่ลุกพรวดพราดจากฟูกพระบรรทมอย่างรวดเร็ว ฉาด!!!! พระหัตถ์เงื้อขึ้นสูงฟาดกระหน่ำลงไปที่พระพักตร์ของจอมมารโดยที่พระองค์ยังไม่ทันได้ระวัง พรึบ! เปลือกพระเนตรที่ปิดสนิทในขณะที่กำลังส่งญาณจิตโดยผ่านหินสามภพที่อยู่ในร่างของเจ้าแคว้นคนงามเปิดขึ้นมาทันที ด้วยเพราะแรงตบอันหนักหน่วงทำให้พระพักตร์งามดั่งรูปสลักถึงกับหันไปอีกทาง ก่อนจะหันกลับมาทอดพระเนตรเจ้าแคว้นคนสวยด้วยสายพระเนตรเต็มไปด้วยความน่าสะพรึงกลัว “สตรีมนุษย์ผู้นี้บังอาจตบหน้าข้าเชียวเหรอนี่”รับสั่งพร้อมจับจ้องเจ้าแคว้นคนงามที่ผู้ใดเห็นแล้วต้องขนหัวลุกเป็นยิ่งนัก พร้อมเสียงของอีกฝ่ายดังสวนขึ้น “บังอาจยิ่งนัก! เข้ามาในห้องส่วนตัวข้าได้อย่างไง! ผู้ใดอนุญาตให้เข้ามา...แล้วเห็นอะไรบ้าง!”เจ้าแคว้นถามสวนกลับไปอย่างละเอียดถี่ยิบ ด้วยเกรงกลัวความลับสุดยอดที่ไม่ใช่บุรุษนั้นถูกเปิดเผยออกมา รับสั่งของเจ้าแคว้นทำให้รอยแสยะยิ้มเหยียดปรากฏขึ้นบนพระพักตร์ของจอมมาร เมื่อสัมผัสได้ว่าสตรีตรงพระพักตร์ในคราบบุรุษเกรงว่าความลับสุดยอดของนางจะถูกเปิดเผย พระหัตถ์ค่อยๆ ยกขึ้นลูบไล้กรอบพระพักตร์ดั่งรูปสลักของพระองค์ไปมา พลางขยับให้เข้าที่เข้าทางด้วยเพราะถูกตบอย่างแรง “เจ้ามีสิ่งใดเป็นความลับอย่างนั้นเหรอถึงกลัวว่าข้าจะล่วงรู้! ไม่เห็นมีอะไรแตกต่างไปจากข้าเลย ตัวก็เล็กนิดเดียวแต่กลับใส่ชุดเกราะจนตัวเจ้าเองแทบจะรับน้ำหนักไม่ไหว เกินตัวไปหรือเปล่า”รับสั่งถามกวนโทสะของอีกฝ่าย และรับสั่งของจอมมารทำให้เจ้าแคว้นผ่อนลมหายใจก่อนจะยิ้มออกมาบางๆ ด้วยความโล่งพระทัยเมื่ออีกฝ่ายยังไม่ล่วงรู้ความลับสุดยอดของพระองค์ แต่แล้วเพียงครู่รอยยิ้มดังกล่าวกลับพลันเลือนหายไปครั้นทอดพระเนตรหน้ากากสีเงินที่ใช้สวมปิดบังพระพักตร์ยามออกทำสงครามถูกวางอยู่ใกล้หมอนๆ และยิ่งรู้สึกคุ้นตาบุรุษอาภรณ์ดำผู้นี้เป็นอย่างยิ่งครั้นเมื่อทอดพระเนตรในระยะใกล้ชิดเช่นนี้ เพียงครู่ดวงตาคู่งามเบิกกว้างขึ้นมาทันทีเมื่อเจ้าแคว้นจดจำได้แล้วว่า ผู้ที่กำลังนั่งอยู่บนแท่นพระบรรทมเป็นผู้ใด “บุรุษอาภรณ์ดำ!!!”สุระเสียงกร้าวรับสั่งออกมาทันที “ข้าเอง! จดจำผู้ที่ซัดธนูสังหารเจ้าได้แล้วเหรอ”ราชาปีศาจรับสั่งถามกลับไปพร้อมพยักพระพักตร์ขึ้นลงเป็นสัญญาณยอมรับยืนยันของคำพูดของอีกฝ่าย ครั้นได้ยินคำตอบเช่นนั้น เจ้าแคว้นไท่หยวนมีความว่องไวเป็นเลิศยิ่งนัก ร่างอรชรรีบหมุนพลิกตัวลงจากแท่นพระบรรทมอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางสายพระเนตรของจอมมารซึ่งทอดพระเนตรการกระทำของเจ้าแคว้นคนงามอยู่ในขณะนั้น “เจ้าคนถ่อย!”เจ้าแคว้นตวาดเสียงดังกระหึ่ม พร้อมคว้ากระบี่ที่ทรงซุกซ่อนไว้อย่างมิดชิดทั่วทั้งห้องพระบรรทมและเป็นความลับสุดยอด มีเพียงพระองค์เท่านั้นที่ล่วงรู้ที่ซ่อน พระหัตถ์ตรงปรี่เข้าไปคว้ากระบี่ที่ซ่อนอยู่ใต้โต๊ะหนังสือภายในห้องพระบรรทม ก่อนจะดึงออกมาจากใต้โต๊ะดังกล่าวตรงเข้าหาบุรุษอาภรณ์ดำที่มีความแค้นต่อกันยิ่งนัก โดยหลงลืมไปว่าในเวลานี้พระองค์ได้สูญสิ้นกำลังภายในและวิชายุทธ์ที่ได้ร่ำเรียนมานับตั้งแต่จำความได้ มลายหายไปจนหมดสิ้นเป็นผลสืบเนื่องมาจากการใช้เคล็ดวิชาเรียกธนูโลกันตร์ถึงสองครั้ง ควับ! คมกระบี่พาดไปที่ลำคอของบุรุษอาภรณ์ดำในขณะที่อีกฝ่ายกลับนั่งนิ่งเฉยไม่สะทกสะท้านอะไรทั้งสิ้น ก่อนจะหัวเราะออกมาด้วยความขบขันกับสิ่งที่กำลังเห็นอยู่ในขณะนี้ “พอมีแรงเข้าหน่อยก็แทนคุณผู้ที่ช่วยชีวิตของเจ้าให้รอดพ้นจากความตาย ด้วยการเอาคมกระบี่พาดลงที่คอข้าเช่นนี้นะเหรอ ผู้สูญเสียวรยุทธ์เช่นเจ้ายังสามารถจดจำกระบวนท่าต่างๆ ที่เคยฝึกฝนมาได้อีกอยู่รึ!”จอมมารรับสั่งพลางเปล่งเสียงพระสรวลออกมาด้วยความขบขันเป็นยิ่งนัก ทันใดนั้นเองทรงยกนิ้วพระหัตถ์เพียงหนึ่งเดียวสะบัดปลายกระบี่จนกระเด็นออกจากลำคอของพระองค์ จนกระบี่เล่มดังกล่าวลอยเคว้งคว้างอยู่ในอากาศก่อนจะตกลงบนพระหัตถ์ของจอมมาร หมับ! พระหัตถ์คว้ากระบี่เอาไว้อย่างรวดเร็ว ฉึก! ส่วนปลายของกระบี่ถูกราชาปีศาจกระแทกปักลงบนพื้นพระตำหนักท่ามกลางสายพระเนตรของเจ้าแคว้นที่ยืนมองอย่างตื่นตะลึง ในขณะที่ราชาปีศาจยังคงประทับอยู่บนแท่นพระบรรทมไม่ได้ขยับพระวรกายแม้แต่น้อย “วรยุทธ์ของเจ้าที่สู้อุตส่าห์ร่ำเรียนมาดูท่าจะต้องใช้เวลาอีกนานเลยทีเดียวกว่าจะหวนกลับคืนมาดั่งเดิม หากเป็นมนุษย์ผู้อื่นไม่ได้โชคดีขนาดนี้หรอกนะที่จะได้รับโอกาสจากข้า” รับสั่งพร้อมทรงลุกขึ้นยืนเต็มความสูงพลางพระดำเนินก้าวลงจากบริเวณอันเป็นที่ตั้งของแท่นพระบรรทมมาหยุดยืนอยู่ที่พื้นพระตำหนักตรงหน้าเจ้าแคว้นคนงาม ในขณะที่อีกฝ่ายยืนมองราชาปีศาจเต็มไปด้วยแรงแค้นอย่างยิ่งยวด ดวงตาคู่งามจับจ้องพระพักตร์หล่อเหลาที่ผิดไปจากบุรุษทั่วไปรวมไปถึงพระวรกายที่แปลกไปจากมนุษย์เดินดิน สายตาที่สบประสานจับจ้องเช่นนั้นมีหรือที่จอมมารจะทรงไม่ล่วงรู้ แต่ในเวลานี้หินสามภพของพระองค์อยู่ในกายของสตรีมนุษย์ผู้นี้ ดังนั้นนางจะต้องอยู่ในสายพระเนตรตลอดเวลา “ดูท่าเจ้าจะหลงลืมไปแล้วสินะว่าแคว้นไท่หยวนถูกข้ายึดครองเป็นที่เรียบร้อย แต่คล้ายว่าเจ้าแคว้นจะยังไม่ล่วงรู้” ทันทีที่เจ้าแคว้นคนงามได้ยินเช่นนั้น ร่างอรชรถึงกับผงะก้าวถอยไปทางด้านหลังด้วยความตกใจที่ได้ยินถ้อยรับสั่งเช่นนั้นจากราชาปีศาจ มือเรียวสวยกำเข้าหากันจนแน่นด้วยความคับแค้นที่ไม่อาจรักษาแผ่นดินเกิดของตัวเองเอาไว้ด้วย “ในเมื่อข้าพ่ายแพ้ต่อเจ้าเช่นนี้เหตุใดจึงไม่ทำตามกฎของสงคราม! ข้าคือเจ้าผู้ครองแคว้นไท่หยวนองค์ปัจจุบัน มีเหตุผลใดจึงไม่ตัดหัวข้านำไปเสียบประจานบนกำแพงเมือง และนำร่างของข้าไปแขวนไว้หน้าประตูเมืองให้เหล่านกแร้งการุมจิกกิน ไว้ชีวิตข้าเช่นนี้ไม่กลัวว่าสักวันหัวของเจ้าจะต้องหลุดออกจากตัวด้วยน้ำมือของข้าหรือไง!”เจ้าแคว้นไท่หยวนรับสั่งถามกลับไป ครั้นจอมมารได้ยินเช่นนั้นทรงเปล่งเสียงพระสรวลดังกระหึ่มกึกก้องออกมาทันใด พร้อมแรงสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นเอนไหวไปมาของพื้นพระตำหนักราวกับว่ากำลังเกิดแผ่นดินไหวจนโยกคลอนก่อนจะหยุดลงเมื่อสุระเสียงรับสั่งดังขึ้น “ข้าจะรอดูว่าเจ้าจะมีโอกาสลงมือกระทำดังคำกล่าวเช่นนั้นหรือไม่ แต่ในยามนี้ไท่หยวนเป็นฝ่ายพ่ายแพ้สงครามให้แก่ต้าฮั่น และคำสัตย์สัญญาของข้าที่ได้ลั่นวาจาเอาไว้ประกาศให้กองทัพทั้งสองฝ่ายได้ล่วงรู้จนหมดในขณะที่เจ้าอยู่ในสภาพของคนตายที่ไม่ได้รับรู้สิ่งใด และนับตั้งแต่นี้ต่อไปเจ้าก็คือเชลยของข้า! ไม่ว่าอยู่แห่งหนใดเจ้าจะต้องอยู่ในสายตาของข้าตลอดเวลา”ประโยคสุดท้ายจอมมารรับสั่งสุระเสียงเน้นหนัก ในขณะที่อีกฝ่ายดวงตาลุกวาบขึ้นมาทันทีครั้นได้ยินเช่นนั้น “พูดเองนะว่าข้าจะต้องอยู่ในสายตาของเจ้าตลอดเวลา เช่นนั้นเจ้าจะต้องเสียใจที่ไม่สังหารข้าในวันนี้!”เจ้าแคว้นคนงามรับสั่งลอดไรพระทนต์ พระวรกายสูงใหญ่ทะมึนของจอมมารเปล่งเสียงพระสรวลอยู่ในลำคอ ครั้นได้ยินคำข่มขู่ของเจ้าแคว้นคนงาม ราชันปีศาจย่อพระวรกายลงต่ำด้วยเจ้าแคว้นมีความสูงเพียงแค่ระดับหน้าอกของจอมมารเท่านั้น จนกระทั่งพระพักตร์มาหยุดตรงหน้าของคนงามในร่างบุรุษที่กำลังจับจ้องพระพักตร์หล่อเหลาแต่หาใช่แรงพิศวาส แต่มันคือแรงเกลียดและแรงแค้นที่มีมากมายเหลือประมาณ “ข้าจะคอยนะและหวังว่าเจ้าจะทำสำเร็จได้สมดั่งใจ เช่นนั้นจงตามข้าไปที่ท้องพระโรงเชลยของข้า!!!”รับสั่งพร้อมเอื้อมพระหัตถ์ตรงเข้าตบพระพักตร์สวยของเจ้าแคว้นไท่หยวนติดต่อกัน จอมมารเปล่งเสียงพระสรวลดังกึกก้องออกมา พระดำเนินก้าวออกมาจากห้องพระบรรทมตรงไปยังท้องพระโรง ท่ามกลางสายพระเนตรของเจ้าแคว้นคนงามที่กำลังมองตามหลังเต็มไปด้วยความแค้นฝังแน่นลุกโชน “เชื่อเถอะว่าคนเช่นเจ้าจะได้รับการตอบแทนจากข้าอย่างสาสม”อู๋ฮ่าวเทียนกล่าวคำอาฆาตเสียงกร้าวด้วยแรงแค้นที่มีอยู่มากมายเป็นยิ่งนัก
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม