ภายในกระโจมที่ประทับขององค์ไทจื่อ
ในยามนี้จอมมารเฟิงหยางกำลังนั่งเข้าญาณเพื่อใช้พลังตบะของพระองค์รักษาอาการบาดเจ็บที่ถูกมีดศิลาสวรรค์แทงเข้าทะลุหัวใจ โดยมีร่างของรัชทายาทต้าฮั่นยังคงนอนหมดสติอยู่บนแท่นพระบรรทม ในขณะที่พระวรกายใหญ่ของจอมมารหนุ่มนั่งประทับอยู่บนฟูกหันหลังให้กับรัชทายาทผู้นั้น
ในขณะเดียวกันดวงจิตของเทพลั่วจิ้งจากเผ่าหงส์ ที่ถูกพลังปีศาจแผดเผาร่างจนไหม้เกรียมไปครึ่งซีก อีกทั้งยังถูกทำลายปีกทั้งสองข้างไม่สามารถกลับมามีปีกได้อีกจนกว่าจะสำเร็จญาณขั้นสูงในระดับ 8 เท่านั้นปีกจึงจะสามารถงอกออกมาใหม่ได้ ด้วยเป็นกายจริงของหงส์หนุ่ม เทพจากแดนสวรรค์กระทำตนนอกรีตจนต้องประสบชะตากรรมอย่างไม่คาดคิด ถึงคราวตกสวรรค์เพราะจากการกระทำของตัวเองและไม่รู้ว่าจะได้กลับแดนสวรรค์ได้อีกหรือไม่
ผ้าผืนใหญ่สำหรับใช้ปิดกั้นทางเข้าออกของกระโจมถูกเปิดออกกว้าง พร้อมร่างของหลิวหมิ่น พระอนุชาของฺฮั่นจิ้งตี้ฮ่องเต้เสด็จมาพร้อมกับกุนซือคนสนิทเพื่อสอบถามอาการบาดเจ็บของหลานชายหัวดื้อ
ชินอ๋องหยุดยืนทอดพระเนตรใบหน้าหล่อเหลาของบุรุษอาภรณ์สีดำทะมึนสงสัยระคนแปลกใจอย่างยิ่งยวดกับท่าประทับนั่งของราชาปีศาจตรงพระพักตร์
“คนผู้นี้ช่างทำตนแปลกประหลาดยิ่งนัก วันๆ ไม่ทำอะไรเอาแต่นั่งเข้าญาณทำราวกับว่าเป็นเหล่าเทพเซียนกำลังบำเพ็ญเพียร จะสอบถามอาการจินเอ๋อว่ามีความคืบหน้าอย่างไรบ้างก็ไม่ได้คำตอบเสียที หลานชายข้าจนป่านนี้ก็ยังไม่ได้สติ นี่ก็วันที่ 10 เข้าไปแล้วยังไม่มีทีท่าว่าจะฟื้นขึ้นมา”ชินอ๋องรับสั่งบ่นพึมพำพร้อมเสียงของกุนซือคนสนิทเอ่ยขึ้น
“กระหม่อมคิดว่าเมื่อเป็นเช่นนี้พระองค์เสด็จกลับไปกระโจมที่ประทับเถิดพ่ะย่ะค่ะ บางทีคนผู้นี้อาจกำลังใช้กำลังภายในของตัวเองรักษาไทจื่ออยู่ก็อาจเป็นได้ ทรงทอดพระเนตรสิพ่ะย่ะค่ะว่าตอนนี้สีพระพักตร์ ตลอดจนทั่วพระวรกายไม่ปรากฏรอยบาดแผลจากลูกธนูทั้งสามแห่งแม้แต่น้อย ทรงได้รับบาดเจ็บอาการเป็นตายเช่นนั้นมีหรือจะเป็นเช่นนี้ไปได้ นี่ถ้ากระหม่อมไม่เห็นด้วยตาตัวเองจะไม่ยอมเชื่ออย่างเด็ดขาด”เสียงกุนซือคนสนิทกระซิบบอกเบาๆ อยู่ทางด้านหลัง
คำกล่าวของคนสนิททำให้ชินอ๋องทอดพระเนตรหลานชายอย่างละเอียดถี่ถ้วน พระวรกายใหญ่ช่วงบนเปลือยเปล่า ปราศจากบาดแผลฉกรรจ์อย่างสิ้นเชิง มีเพียงรอยฟกช้ำหลงเหลืออยู่เพียงเท่านั้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณใต้ราวนมซ้ายซึ่งเคยถูกลูกธนูเสียบทะลุเข้าถึงหัวใจ บาดแผลหายไปสิ้นอย่างน่าอัศจรรย์ ทำให้แปลกพระทัยเป็นยิ่งนักจนต้องพยักพระพักตร์ขึ้นลงติดต่อกันด้วยทรงไม่เห็นต่างไปจากกุนซือของพระองค์
“ราวกับว่าจินเอ๋อไม่เคยได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย คนผู้นี้ใช้วิธีอะไรรักษาหลานของข้า หมอหลวงก็ไม่ได้เข้ามารักษามีแต่คนผู้นี้เท่านั้นหรือว่าเป็นหมอเทวดา แต่ก็ไม่น่าจะใช่ แม้จะเป็นหมอเทวดาก็ต้องเรียกหาตัวยาและเครื่องมือในการรักษาตามขั้นตอนแต่นี่ไม่มีเลย หรือจะเป็นผู้วิเศษที่มีอำนาจดั่งเทพเซียน”ชินอ๋องรับสั่งคาดเดาไปต่างๆ นานาก่อนจะหันกลับไปมองหน้ากุนซือคนสนิทคล้ายกำลังถามความเห็น
“จะอยากรู้ไปทำไมว่าข้ารักษาด้วยวิธีอะไร!”เสียงของผู้กำลังถูกกล่าวขานเอ่ยแทรกขึ้น
พรึบ!!! เปลือกตาที่ปิดสนิทอยู่ตลอดเวลาเปิดขึ้นทันใดพลางจ้องเขม็งมนุษย์ตัวกะจ้อยร่อยตรงหน้า
ในขณะที่ชินอ๋องและกุนซือคนสนิทต่างพากันยืนชะงักงันไปชั่วขณะเมื่อถูกสายตาของอีกฝ่ายมองกลับมาเช่นนั้น เพียงแค่สายตายังทำให้เกิดความรู้สึกพรั่นพรึงอย่างไม่รู้สาเหตุ
เอือก! เสียงกลืนน้ำลายลงคอดังขึ้นจนสามารถได้ยินอย่างชัดเจน พร้อมกับรอยแสยะยิ้มเหยียดปรากฏขึ้นบนใบหน้าของราชาปีศาจ ครั้นทรงสัมผัสได้ถึงความหวาดกลัวของมนุษย์ที่มีต่อพระองค์
“ทำไม! เจ้าทั้งสองต่างพากันเป็นใบ้ไปหมดแล้วหรือไง เมื่อครู่ที่ผ่านมายังได้ยินพวกเจ้าต่างพากันสงสัยว่าข้าใช้วิธีอะไรรักษาอาการบาดเจ็บให้คนผู้นี้ เหตุใดตอนนี้จึงไม่ถามต่อ”จอมมารรับสั่งถามกลับไป
ครั้นชินอ๋องถูกราชาปีศาจถามกลับมาเช่นนั้น พระองค์รีบกลบเกลื่อนอาการหวาดหวั่นที่มีต่อบุรุษอาภรณ์ดำตรงพระพักตร์อย่างรวดเร็ว
“แล้วเจ้าใช้วิธีอะไรรักษาอาการบาดเจ็บให้แก่หลานชายของข้า บาดแผลจากลูกธนูทั้งสามแห่งก็ไม่หลงเหลืออยู่เลยมีเพียงแค่รอยฟกช้ำเท่านั้น”ชินอ๋องรับสั่งถามด้วยความอยากรู้
“นั่นมันเรื่องของข้าว่าจะใช้วิธีการอะไรรักษา แม้บาดแผลจะไม่มีแต่ภายในยังต้องใช้เวลารักษานานพอสมควร รวมทั้งพิษร้ายที่แทรกซึมอยู่ในร่างหลานชายของเจ้า และไม่มีผู้ใดสามารถรักษาอาการบาดเจ็บคนผู้นี้ได้ ต่อให้เป็นหมอเทวดาหรือแม้แต่เทพเซียนจากแดนสวรรค์ นอกจากข้าเพียงผู้เดียวเท่านั้น”ราชาปีศาจรับสั่งตอบกลับไป
ครั้นชินอ๋องได้ยินเช่นนั้นแม้จะสงสัยในสิ่งที่อีกฝ่ายให้คำตอบกลับมา แต่ก็ไม่กล้าที่จะซักไซ้ถามต่อด้วยหวั่นเกรงท่าทีบุรุษอาภรณ์ดำอย่างยิ่งยวด แต่จะหันหลังกลับไปเสียดื้อๆ โดยไม่เจรจรากับบุรุษปริศนาผู้นี้ตามที่ทรงตั้งพระทัยเอาไว้ตั้งแต่แรก
สงครามระหว่างไท่หยวนและต้าฮั่น จะต้องแปรเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง แทนที่จะได้ยึดครองแคว้นไท่หยวน ต้าฮั่นจะเป็นฝ่ายเสียแผ่นดินของตัวเองให้แก่อู๋ฮ่าวเทียนอย่างแน่นอน เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินต้าฮั่นจะได้รับ เพราะฉะนั้นความกลัวต้องรีบสลัดออกไปให้หมด
ชินอ๋องพยักพระพักตร์ขึ้นลงเมื่อทรงได้ยินอีกฝ่ายตอบกลับมาเช่นนั้น พร้อมตัดสินใจเอ่ยในสิ่งที่ทรงตั้งพระทัยเอาไว้แต่แรกเพื่อเข้ามาเจรจรากับบุรุษอาภรณ์ดำ
“ในเมื่อเป็นเช่นนั้นเจ้าอยู่ดูแลอาการบาดเจ็บให้แก่หลานชายของข้าด้วยเถอะ อีกทั้งด้วยลักษณะอันโดดเด่นที่ไม่เหมือนใครและไม่มีผู้ใดเหมือน รวมไปถึงวรยุทธ์ที่แกร่งกล้ายิ่งนัก หากต้าฮั่นได้คนเช่นเจ้ามาเข้าร่วมในกองทัพ สงครามครั้งนี้เห็นทีจะไม่ยืดเยื้ออีกต่อไปแล้ว เหล่าทหารในกองทัพจะได้กลับบ้านไปหาครอบครัวกันเสียที”ชินอ๋องพยายามรับสั่งโนมน้าว
พระพักตร์หล่อเหลาของราชาปีศาจยังคงเรียบเฉยไม่แสดงท่าทีอะไรออกมา เมื่อทรงได้ยินรับสั่งของมนุษย์ตรงหน้าที่พยายามโน้มน้าวให้พระองค์เข้าร่วมในกองทัพ
“ช่างได้จังหวะเหมาะยิ่งนัก ยังไม่ทันที่ข้าต้องเอ่ยปากมนุษย์ผู้นี้ก็ร้องขอขึ้นมาพอดี ทำตนเป็นมนุษย์สักระยะมิหนำซ้ำยังมีอำนาจสั่งการในกองทัพ เช่นนี้การตามหาหินสามภพส่วนที่เหลือก็ไม่ยุ่งยากอย่างแน่นอน อยู่ในแดนมนุษย์เช่นนี้ก็ต้องใช้ชีวิตอย่างเช่นผู้คนทั่วไป เก็บพลังที่เหลือแค่หนึ่งส่วนเอาไว้ทำประโยชน์อย่างอื่นและเพื่อใช้ค้นหาเจ้าหินสามภพจะดีกว่า ถือเสียว่าลงมาเผชิญด่านเคราะห์ที่แดนมนุษย์เพื่อเพิ่มพลังบำเพ็ญให้กับตัวเอง”ราชาปีศาจครุ่นคิดอยู่ในพระทัย
หากแต่ยังไม่ทันที่จะมีรับสั่งสิ่งใดออกไป ทหารยามตรงหน้ากระโจมเปิดผ้าขึ้นพร้อมก้าวเข้ามาภายในอย่างรวดเร็ว
“กราบทูลชินอ๋อง! เสนาบดีเจิ้งหู่อัญเชิญพระราชโองการของฝ่าบาทมาพ่ะย่ะค่ะ มีคำสั่งเชิญพระองค์และบุรุษอาภรณ์ดำไปที่กระโจมบัญชาการทัพด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
เสียงของทหารคนดังกล่าวสร้างความแปลกใจระคนดีใจไปในคราวเดียวกันให้แก่ชินอ๋องขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินเช่นนั้น
“ฝ่าบาททรงมาทันได้จังหวะพอดี เจิ้งหู่อัญเชิญพระราชโองการมาด้วยตัวเองเช่นนี้จะต้องเห็นด้วยกับวิธีการของข้าอย่างแน่นอน สงครามครั้งนี้ชัยชนะจะต้องตกอยู่กับต้าฮั่นโดยไม่ต้องสงสัย”ชินอ๋องรำพึงอยู่ในพระทัยพร้อมหันกลับมาหมายจะมีรับสั่งกับบุรุษอาภรณ์ดำแต่แล้วกลับต้องหยุดชะงัก
เมื่อพระวรกายสูงใหญ่ผิดไปจากมนุษย์ทั่วไปลุกขึ้นจากแท่นพระบรรมมายืนเต็มความสูง พลางทอดสายพระเนตรไปที่ชินอ๋องซึ่งมีรูปร่างสันทัดและมีความสูงเพียงแค่ระดับหน้าอกของราชาปีศาจเท่านั้น พร้อมทั้งพระดำเนินตรงไปยังทิศทางของประตูกระโจมผ่านพระพักตร์ชินอ๋อง
“รีบไปกันเถอะ! เจ้าและข้าต้องไปกระโจมบัญชาการทัพไม่ใช่เหรอ”ราชาปีศาจรับสั่งสุรเสียงราบเรียบพร้อมก้าวเดินนำหน้าออกไปจากกระโจม
ในขณะที่ชินอ๋องพร้อมกุนซือคนสนิทรวมไปถึงทหารยามที่ยืนเฝ้าหน้าประตู ต่างพากันเงียบงันไม่มีเสียงโต้แย้งใดๆ ทั้งสิ้นออกมาสักเพียงคำ
“ข้าไม่เข้าใจตัวเองจริงๆ เลยว่าเพราะเหตุใดจึงต้องให้บุรุษอาภรณ์ดำผู้นั้นเดินนำหน้าข้าออกไปก่อน ทั้งๆ ที่ข้ามีฐานะสูงส่งเป็นถึงชินอ๋องแห่งต้าฮั่นและยังเป็นหนึ่งในผู้บัญชาการทัพ กลับมีอาการหวาดหวั่นเช่นนี้ อีกทั้งยังมีความรู้สึกว่าบุรุษอาภรณ์ดำมีพลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่มากนัก ไม่สามารถต้านทานได้เลย อยู่ด้วยใกล้ๆ หัวใจพาลจะหยุดเต้นราวคนใกล้สิ้นชีพ มีใครเป็นเหมือนกับข้าบ้างหรือเปล่า”ชินอ๋องรับสั่งถามคนใกล้ตัว
“ความรู้สึกไม่ต่างกันพ่ะย่ะค่ะ คนผู้นั้นน่ากลัวมาก น่ากลัวจริงๆ”เสียงของทหารยามเอ่ยขึ้น
“แต่ในความน่ากลัวกลับสง่างามและน่าเกรงขาม คนผู้นี้จะต้องมีฐานะไม่ธรรมดาแน่ๆ พ่ะย่ะค่ะ ไม่ใช่คนธรรมดาหรือชาวบ้านทั่วไปอย่างแน่นอนกระหม่อมมั่นใจ”กุนซือเฉ่อเอ่ยสำทับออกมา
“ข้าก็ไม่เห็นต่างไปกว่าพวกเจ้า แต่อย่ามัวยืนสงสัยกันอยู่เลยพวกเรารีบออกไปกันเถอะ...ส่วนเจ้าอยู่เวรรักษาการณ์องค์ไทจื่อให้ดี อย่าได้ขาดตกบกพร่องเป็นอันขาด”
ประโยคสุดท้ายชินอ๋องรับสั่งกับทหารยามที่เข้ามาส่งข่าว พร้อมก้าวเดินออกจากกระโจมรีบเดินตามหลังบุรุษอาภรณ์ดำอย่างไม่ชักช้า
ครั้นภายในกระโจมดังกล่าวเหลือเพียงร่างของหลิวจินซานที่มีดวงจิตของเทพลั่วจิ้งสถิตอยู่ภายในกาย ยังคงหลับใหลไม่ได้สติอยู่เช่นนั้น ฉับพลันมีบางอย่างเกิดขึ้นอย่างไม่คาดฝัน
พรึบ! จู่ๆ ปรากฏกายทิพย์ของเทพเซียนปริศนาผู้หนึ่ง ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นผู้ใดเดินตรงเข้าไปที่ร่างของไทจื่อแห่งต้าฮั่น พร้อมหยดอะไรบางอย่างเข้าไปในปากติดต่อกัน พลางใช้นิ้วชี้กดลงบนหน้าผากไปด้วยพร้อมกัน ก่อนจะยกนิ้วขึ้นเมื่อร่างนั้นกลืนสิ่งที่เพิ่งหยดเข้าไปในปากจนหมดสิ้น พร้อมดวงตาที่แฝงเร้นความน่าสะพรึงกลัวลุกโชนขึ้นมาโดยพลัน
“ข้าเฝ้ารอจนเฟิงหยางสูญเสียพลังเวทย์ไปจนหมด กว่าจะมีโอกาสเข้าถึงตัวเจ้าได้ ในที่สุดข้าก็สามารถให้เจ้าได้กินน้ำลืมเลือนเข้าไปแล้วลั่วจิ้ง! ความทรงจำของเจ้าทั้งหมดจะถูกลบเลือนไปจนหมดสิ้น และจะไม่มีทางได้เปิดปากบอกความจริงให้แก่ราชาปีศาจได้ล่วงรู้ เจ้าหงส์หน้าโง่! หากไม่คิดว่ายังพอมีประโยชน์หลงเหลืออยู่บ้างสิ่งที่เจ้าจะต้องได้กินเข้าไปนั้นหาใช่น้ำลืมเลือนอย่างแน่นอน”เทพปริศนาผู้นั้นเอ่ยพึมพำก่อนจะค่อยๆ เลือนหายไปจากกระโจมดังกล่าว