ภายในเมืองหลวงฉางอานในยามนี้ เต็มไปด้วยความยินดีและชื่นมื่นกันอย่างถ้วนหน้า กับพิธีอภิเษกสมรสที่ฮั่นจิ้งตี้ฮ่องเต้มีพระบัญชาให้จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่
เพื่อมอบให้องค์รัชทายาทหลิวจินซานและองค์หญิงหรงอันจากต้าเหยี่ยน ซึ่งขบวนเจ้าสาวอยู่ในระหว่างการเดินทางเข้าสู่เมืองหลวงอันยิ่งใหญ่ ที่มีความเจริญทุกๆ ด้านในยุคสมัยของฮั่นตะวันตกโดยราชวงศ์ฮั่นซึ่งมาจากสายสกุลหลิวขึ้นเป็นผู้ปกครอง
ฮั่นจิ้งตี้ฮ่องเต้มีพระบัญชาให้โจวเฟิงหยางหรือที่เป็นรู้จักกันดีกับสมญานามเทพสงครามนำกองทหารทางทิศบูรพาซึ่งแม่ทัพหนุ่มปกครองอยู่สองแสนนาย จัดกองทหารบางส่วนถวายอารักขาองค์หญิงจากต้าเหยี่ยนทางเหนือสุดขอบแผ่นดิน ซึ่งอยู่ติดกับชนเผ่าแดนเหนือและเผ่าซรงหนู ที่ช่วงนี้อยู่ในระหว่างกบดานสะสมกองทหารและเสบียงเป้าหมายเพื่อยึดครองแผ่นดินฮั่นอันกว้างใหญ่ไพศาลให้จงได้
ภายใต้พระบัญชาขององค์ฮ่องเต้ไม่ได้ให้แม่ทัพชื่อก้องทำหน้าที่เพียงแค่อารักขาคู่อภิเษกขององค์รัชทายาทให้ถึงฉางอานอย่างปลอดภัยเท่านั้น เพื่อให้การแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ไมตรีกับแคว้นทางเหนือเป็นไปได้ด้วยดี
จึงทรงมีพระบัญชาลับให้แม่ทัพผู้กล้าสอดส่องกำลังทหารของต้าเหยี่ยนที่อยู่ห่างหูห่างตาไกลถึงแดนเหนือ ว่ามีสัมพันธ์ภาพกับชนเผ่าทางแดนเหนือเป็นเช่นไร เพื่อไม่ให้เป็นภัยต่อต้าฮั่นในภายภาคหน้า
ในขณะที่ขบวนเจ้าสาวของทางต้าเหยี่ยน เดินทางมาพร้อมกับกองทหารถวายอารักขาที่มีจำนวนมากเกินความจำเป็นอย่างยิ่งยวด ดูท่าต้าเหยี่ยนจะใช้พิธีอภิเษกครั้งนี้เพื่อกระทำการบางอย่างเป็นที่แน่นอน องค์หญิงน้อยเสด็จมาพร้อมกับกองทหารห้าร้อยนาย ตามคำสั่งของแม่ทัพหนุ่มหน้าสวยนามว่าจางฮ่าวเทียน
แม่ทัพหนุ่มรูปงามที่องค์หญิงหรงอันทรงให้ความโปรดปรานเป็นกรณีพิเศษ สามารถคุยได้ทุกเรื่องประหนึ่งราวกับว่าองค์หญิงหรงอันกับแม่ทัพหนุ่มฮ่าวเทียนมีหัวใจตรงกันฉันใดก็ฉันนั้น
แต่ถึงแม้จะรักมากเพียงใดแต่ก็ไม่อาจขัดพระราชโองการของฮั่นจิ้งตี้ฮ่องเต้ได้ ต้องจำยอมเข้าพิธีอภิเษกด้วยความกล้ำกลืนฝืนทน ด้วยต้องถูกพลัดพรากจากคนรักไปไกลถึงฉางอาน
กระโจมที่ประทับองค์หญิงหรงอัน
แปะ! หยาดน้ำตาไหลหลั่งรินออกมา ในขณะที่ดวงตายังคงจับจ้องใบหน้าผ่านทางคันฉ่องที่ถูกเติมแต่งอย่างดีเป็นเช่นนี้ทุกวัน ตลอดระยะการเดินทางกว่าหนึ่งเดือนจากต้าเหยี่ยนเพื่อเข้าฉางอานเมืองหลวงแห่งต้าฮั่นเพื่ออภิเษกสมรส ไม่เคยมีวันใดที่จะมีรอยยิ้มปรากฏอยู่บนใบหน้าขององค์หญิงน้อยสักครั้ง
“องค์หญิงทรงกันแสงอีกแล้วหรือเพคะ”นางกำนัลคนสนิททูลถามกลับไปด้วยความเป็นห่วง พลางเหลือบสายตาไปที่โต๊ะวางพระกระยาหารที่เตรียมไว้ยังคงอยู่เช่นเดิม ไม่มีร่องรอยแตะต้องแม้แต่น้อย
“พระกระยาหารก็ไม่ยอมเสวย หากเป็นเช่นนี้ต่อไปจะต้องประชวรเป็นแน่ ระยะทางกว่าจะถึงฉางอานช่างยาวไกลยิ่งนัก อีกเกือบเดือนเลยนะเพคะกว่าจะเสด็จถึงที่หมาย”
“แต่ข้ากลับคิดว่าการเดินทางครั้งนี้ อย่าให้ถึงฉางอานเป็นการดีเสียยิ่งกว่าอะไร เจ้าไม่ใช่ข้าจึงพูดได้ ลองมาเป็นข้าดูสิแล้วจะรู้ว่าต้องทุกข์ทรมานมากมายเพียงใด ที่ต้องแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รัก”องค์หญิงน้อยรับสั่งตอบกลับไปสุรเสียงกร้าว
และนั่นทำให้นางกำนัลคนดังกล่าวจำต้องเงียบปากของนางจนสนิท ไม่กล้าย้อนแย้งองค์หญิงของตน
“แต่ถ้าองค์หญิงไม่เสวยอะไรบ้างเลย จะเดินทางต่อไปได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ”เสียงหนึ่งดังแทรกขึ้นอยู่ตรงหน้าประตูทางเข้าของกระโจมพร้อมประตูที่ทำมาจากผ้าผืนขนาดใหญ่ถูกเปิดออกกว้างอย่างรวดเร็ว
“แม่ทัพฮ่าวเทียน!!!”นางกำนัลคนสนิทเอ่ยออกมาทันใด
แม่ทัพหนุ่มหน้าสวยก้าวเข้ามาภายในกระโจมที่ประทับ พร้อมทำความเคารพองค์หญิงน้อยท่ามกลางความดีใจของเจ้าตัว
“เฟ่ยเฟ่ย!!”องค์หญิงน้อยเผลอเรียกชื่อเล่นของแม่ทัพหนุ่มออกมาด้วยความลืมตัว จนนางกำนัลหันกลับไปมองทันใด
“องค์หญิงรับสั่งว่าอะไรนะเพคะ”นางกำนัลช่างสอดรู้สอดเห็นเอ่ยถาม
“ไม่ต้องสอดปากอยากรู้ทุกเรื่องจะได้ไหม ออกไปได้แล้ว! หากข้าไม่เรียกก็อย่าเข้ามาเป็นอันขาด”องค์หญิงน้อยรับสั่งสุรเสียงดุออกไปทันที จนนางกำนัลหน้าเจื่อนไปโดยพลันรีบก้าวถอยหลังออกไปจากกระโจมอย่างรวดเร็ว
ครั้นภายในกระโจมมีเพียงแม่ทัพหนุ่มและองค์หญิงน้อยอยู่เพียงลำพังเท่านั้น
“เฟยเฟย! ข้านึกว่าเจ้าจะไม่มาเสียแล้ว...รู้ไหมว่าข้าทุกข์ใจเพียงใด เฝ้ารอคอยว่าเมื่อไรเจ้าจะมาตามสัญญาที่ได้ให้คำมั่นแก่ข้า เหตุใดจึงปล่อยให้ข้าเดินทางตามลำพังเช่นนี้ด้วย”
ถ้อยประโยคพรั่งพรูออกมาไม่ขาดสายจากองค์หญิงน้อยทันใด ติดตามด้วยเสียงสะอึกสะอื้นออกมาไม่ขาดสาย
“โอ๋ๆๆ ไม่ต้องร้องนะหนงหนง ข้าก็มาอยู่ตรงหน้าเจ้านี้แล้ว ทำไมต้องร้องไห้ออกมาอีกด้วยเล่า ที่ข้ามาช้าเพราะต้องไปเตรียมทางหนีทีไล่ให้แก่เจ้าได้หลบหนีการแต่งงานครั้งนี้ไปอย่างปลอดภัย และตอนนี้ก็ถึงเวลาแล้วที่เจ้าจะต้องหนีไป ทั๋วป้ากำลังรอเจ้าอยู่ด้านนอกในขณะนี้แล้ว”แม่ทัพหน้าสวยบอกองค์หญิงของตน
ดวงตาคู่งามเบิกกว้างขึ้นมาทันทีครั้นได้ยินเช่นนั้นรอยยิ้มไหลหลั่งรินออกมาพร้อมทั้งน้ำตา ก่อนจะโผเข้ากอดคอแม่ทัพหนุ่มตรงหน้าด้วยความดีใจอย่างยิ่งยวด
“เจ้าทำเพื่อข้าถึงเพียงนี้ไม่รู้ว่าชาตินี้จะได้แทนคุณหรือไม่ จนสามารถหาทางให้ข้าหลบหนีไปกับทั๋วป้าคนรักของข้าจนได้ แล้วทางนี้เล่าเจ้าจะจัดการอย่างไรต่อไป หากต้าฮั่นล่วงรู้ว่าข้าหลบหนีการแต่งงานครั้งนี้ จะต้องเกิดเรื่องราวใหญ่โตจนถึงขนาดล่มแคว้นระหว่างต้าฮั่นและต้าเหยี่ยนกันเลยทีเดียว”องค์หญิงน้อยอดไม่ได้ที่จะถามกลับไปด้วยความเป็นห่วง
“เจ้าเป็นญาติผู้น้องของข้า มีเหตุผลกลใดเล่าที่ข้าจะไม่ช่วย เสด็จอาทั้งสองทรงทราบเรื่องนี้เป็นอย่างดีและเห็นด้วยกับแผนการของข้า จึงส่งสาสน์ให้องค์ชายทั๋วป้าเดินทางมาจากแดนเหนือเพื่อรับเจ้าไปใช้ชีวิตให้ไกลจากแผ่นดินต้าฮั่น อยู่ไกลถึงแดนเหนือเช่นนั้น ต้าฮั่นไม่รั้งเจ้าอยู่หรอก”แม่ทัพหน้าสวยตอบกลับไป
พลางยกมือขึ้นขยี้เส้นผมสีดำสนิทของญาติผู้น้องด้วยความรักและเอ็นดูนางมาโดยตลอด
ครั้นองค์หญิงน้อยได้ยินเช่นนั้นรอยยิ้มด้วยความดีใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าขึ้นมาทันที ก่อนจะอดเป็นห่วงไม่ได้
“แล้วขบวนเจ้าสาวทางนี้จะทำอย่างไรต่อไป”องค์หญิงน้อยอดไม่ได้ที่จะถาม
“ข้าก็จะสวมรอยเป็นเจ้าสาวแทนเจ้านะสิถามได้”แม่ทัพหนุ่มหน้าสวยตอบกลับไปอย่างไม่เสียเวลาคิดแม้แต่น้อย
“อะไรนะ! เจ้าจะสวมรอยเป็นเจ้าสาวแทนข้าอย่างนั้นเหรอ นี่เจ้าจะเปิดเผยตัวตนว่าแม่ทัพฮ่าวเทียนผู้อาจหาญแท้จริงแล้วคืออิสตรีหาใช่บุรุษอย่างนั้นเหรอ เจ้าคิดดีแล้วรึเฟยเฟย”องค์หญิงน้อยทักท้วงญาติพี่ผู้พี่ของนางออกไปทันที
ดวงตากลมโตคู่สวยในคราบของแม่ทัพจางฮ่าวเทียนลุกโชนขึ้นมาโดยพลันครั้นได้ยินเช่นนั้น
“เจ้าก็ล่วงรู้ดีว่าข้าคือเจ้าผู้ครองแคว้นของไท่หยวน แผ่นดินของข้าถูกต้าฮั่นเข้ายึดครอง พวกสกุลหลิวยึดแคว้นของข้าไปเป็นของพวกมัน เจ้าจะให้ข้าลืมเลือนความแค้นนี้ไปได้อย่างไง ตั้งแต่เกิดมาข้าก็ใช้ชีวิตอยู่ในร่างของบุรุษมาโดยตลอด เป็นความหวังของเสด็จพ่อและเสด็จแม่เพียงหนึ่งเดียวที่จะได้ปกครองแคว้นไท่หยวนสืบต่อไป!”แม่ทัพหนุ่มหน้าสวยกล่าวออกมาด้วยความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความแค้นที่ต้องได้รับการชำระในชาตินี้
“แต่พวกต้าฮั่นใช้ข้ออ้างกบฏ 7 แคว้นใส่ร้ายเสด็จพ่อของข้าเอาใจออกห่าง ใช้เหตุผลที่ข้าปฏิเสธไม่ยอมอภิเษกสมรสกับพระราชธิดาของฮั่นจิ้งตี้ เข้าโจมตีไท่หยวน หาไม่แล้วข้าจะกลายเป็นดั่งเช่นทุกวันนี้อย่างนั้นหรอกเหรอหนงหนง!!!”
แม่ทัพหน้าสวยซึ่งแท้จริงแล้วคืออิสตรี ที่เต็มไปด้วยความอาจหาญและเก่งกล้าเฉกเช่นบุรุษอกสามศอก กล่าวอย่างคั่งแค้นที่ฝังแน่นอยู่ภายในใจ
“เฟยเฟย!”องค์หญิงหรงอันเรียกชื่อเล่นญาติผู้พี่เพื่อเตือนสติ มือน้อยๆ รีบเข้าไปกุมมือทั้งสองที่บัดนี้กำเข้าหากันจนแน่นด้วยความเคียดแค้นอย่างล้น
“แต่เจ้าเพียงผู้เดียวจะทำได้อย่างไร ในยามนี้ต้าฮั่นเข็มแข็งและเกรียงไกรยิ่งนัก สามารถล้มล้างราชวงศ์ฉินจนเป็นที่เลื่องลือ อีกทั้งยังมีเทพสงครามเป็นขุนพลคู่บัลลังก์ออกทำศึกที่ใด ไม่เคยต้องพบกับความพ่ายแพ้ทั้งไท่หยวนและต้าเหยี่ยนต่างพ่ายแพ้อย่างราบคาบให้แก่เทพสงครามผู้นี้มาแล้วทั้งสิ้น แล้วเจ้าจะเอาชัยเหนือคนผู้นี้ได้อย่างไร ดูท่าความหวังช่างริบหรี่ยิ่งนัก”
กรอดดดด!!! เสียงฟันกรามบดเข้าหากันจนแน่นครั้นได้ยินชื่อแม่ทัพผู้กล้าของต้าฮั่น
“ข้าเกลียดและชิงชังคนผู้นั้นเป็นยิ่งนัก อยากจะสับร่างให้เป็นหมื่นชิ้นเพื่อเซ่นสังเวยให้เสด็จพ่อ! และเสด็จแม่! สักวัน...โอกาสของข้าจะต้องมาถึงแน่นอน การศึกมิหน่ายเล่ห์ ใช่ว่ากำลังทหารมากมายจะเอาชนะได้เสมอไปเสียที่ไหนเล่า จะเอาชัยเหนือศัตรูได้การบัญชาทัพชั้นเอกคือชนะด้วยกลอุบาย”แม่ทัพสาวหน้าสวยหรือตัวตนที่แท้จริงก็คือเจ้าผู้ครองแคว้นอู๋ฮ่าวเทียนแห่งแคว้นไท่หยวน
พระนามของบุรุษที่ถูกบันทึกในราชวงศ์ของแคว้นอย่างเป็นทางการ และในทางกลับกันมีบันทึกลับเอาไว้ด้วยว่าแท้จริงแล้วคือรัชทายาทซึ่งเป็นสตรีเพียงหนึ่งเดียวของไท่หยวน พระนามอู๋อี้เฟย
ท่าทางอันแข็งกร้าวเต็มไปด้วยความดุดันของญาติผู้พี่ทำให้องค์หญิงหรงอันกลืนน้ำลายลงคอด้วยความหวาดหวั่นอยู่ภายในใจเป็นยิ่งนัก
แต่ทว่าอู๋อี้เฟย ถูกเลี้ยงมาเยี่ยงบุรุษอกสามศอก และนางก็ช่างแกร่งกล้าสมความตั้งใจของอ๋องซงซ่านแห่งไท่หยวนเสียนี่กระไร เก่งทุกด้าน วิชายุทธ์ยอดเยี่ยม แตกฉานพิชัยสงคราม เก่งการวางแผน เต็มไปด้วยความปราดเปรื่องและรอบรู้ทุกเรื่องนางเกิดมาเพื่อก้าวขึ้นเป็นเจ้าผู้ครองแคว้นจริงๆ
ในขณะที่แม่ทัพคนงามเริ่มรู้สึกตัวขึ้นมาโดยพลัน เมื่อเวลาผ่านไปนานกว่าหนึ่งก้านธูปเข้าไปแล้ว หากแต่นางยังไม่จัดการญาติผู้น้องไปถึงไหนเลย
“แย่แล้วหนงหนง มัวแต่คุยนอกเรื่องใกล้ถึงเวลานัดหมายกับทั๋วป้าแล้วและเจ้าต้องออกเดินทางเดี๋ยวนี้เลย”
“หะ! เดี๋ยวนี้เลยเหรอ”องค์หญิงน้อยรับสั่งเสียงหลงออกมา
“ใช่! เจ้าต้องไปเดี๋ยวนี้”สิ้นเสียงของแม่ทัพสาว
“เด็กๆ เข้ามาหาข้า!”เสียงตะโกนเรียกทหารด้านนอก
สิ้นเสียงตะโกนดังกล่าวร่างสูงของบุรุษในชุดเกราะก้าวเข้ามาภายในกระโจมอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางอาการตกใจขององค์หญิงน้อยครั้นเห็นใบหน้าของบุรุษหนึ่งในนั้น
“ทั๋วป้า!”รับสั่งพร้อมโผเข้าสวมกอดร่างสูงตรงหน้าทันที
“หนงหนง!”องค์ชายจากชนเผ่าแดนเหนือรีบรวบร่างงามนั้นเอาไว้ในอ้อมกอดของตนอย่างรวดเร็ว
“ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะเดินทางมาถึงที่นี่”องค์หญิงน้อยรับสั่งออกมาทั้งน้ำตาด้วยความดีใจยิ่งนัก
“เพื่อเจ้าแล้วต่อให้ไกลสุดหล้าข้าก็จะต้องมาให้ได้”องค์ชายหนุ่มตอบคนรักกลับไป ทั้งสองต่างอยู่ในอ้อมกอดของกันและกันไม่มีทีท่าว่าจะห่างออกจากกันแม้แต่น้อย
อะแฮ่ม! เสียงกระแอมไอดังออกมาจากแม่ทัพหน้าสวยราวอิสตรีจนทำให้คนทั้งสองรู้สึกตัว
“พวกเจ้าหลงลืมไปแล้วหรือไรว่าข้ายังยืนอยู่ตรงนี้ จะกอดจะทำอะไรกันก็เกรงใจข้าบ้างก็ดีนะ”อู๋อี้เฟยหยอกเย้าญาติผู้น้องและคนรักของนาง ก่อนจะหันกลับไปกล่าวสำทับกับองค์ชายจากชนเผ่าแดนเหนือ
“จัดการเตรียมพร้อมเรียบร้อยดีแล้วใช่หรือไม่”
องค์ชายหนุ่มจากแดนเหนือพยักหน้าขึ้นลงทันใด
“ข้าเตรียมการตามแผนของท่านแม่ทัพเรียบร้อยแล้ว อีกทั้งจัดการนางกำนัลที่ติดตามหนงหนงผู้นั้นแล้วด้วยเช่นกัน”
ครั้นองค์หญิงน้อยได้ยินเช่นนั้น นางตื่นตระหนกขึ้นมาทันที
“เดี๋ยวนะ! พวกท่านอย่าบอกนะว่าสังหารนางกำนัลของข้าไปแล้ว”รับสั่งถามกลับไป
“ขืนทำเช่นนั้นแผนก็แตกล่วงรู้กันหมดพอดี ข้าก็เพียงแค่ทำให้นางหลับแล้วนำนางไปคอยรับใช้เจ้าที่แดนเหนือด้วยก็เท่านั้นเอง”อู๋อี้เฟยบอกญาติผู้น้องกลับไป
ในขณะที่คนฟังรู้สึกโล่งใจครั้นได้ยินเช่นนั้น
“เช่นนั้นก็แล้วไป ขอบใจเจ้ามากเลยนะเฟยเฟย”องค์หญิงน้อยไม่วายกล่าวคำขอบคุณญาติผู้พี่ของนาง
“อย่ามัวแต่เสียเวลากล่าวถ้อยคำเช่นนี้อยู่เลย เจ้าจะต้องรีบเปลี่ยนชุดแล้ว”กล่าวพร้อมคว้าข้อมือองค์หญิงหรงอันเดินตรงดิ่งหายเข้าไปหลังม่านกั้นซึ่งเป็นห้องสำหรับเปลี่ยนเสื้อผ้า ก่อนจะคว้าเสื้อผ้าที่องค์ชายจากแดนเหนือจัดเตรียมเอาไว้ให้ เดินตามหลังญาติผู้น้องไปติดๆ
เพียงไม่นานองค์หญิงหรงอันเสด็จออกมาในคราบของทหารสวมชุดเกราะระดับแม่ทัพ ซึ่งเสื้อผ้าที่นำมาเปลี่ยนเป็นของอู๋อี้เฟยนั้นเอง ท่ามกลางสายตาขององค์ชายจากแดนเหนือครั้นเห็นคนรักสวมชุดเกราะของบุรุษเป็นครั้งแรก
“ไม่น่าเชื่อว่าหนงหนงกับท่านแม่ทัพฮ่าวเทียนจะสามารถสวมชุดที่มีขนาดไล่เลี่ยกันได้ ทั้งๆ ที่ความเป็นจริงแล้วยามสวมอาภรณ์สตรี นางแสนจะบอบบางเสียนี่กระไร แต่กลับสวมใส่เสื้อผ้าของท่านแม่ทัพได้อย่างพอดิบพอดี ช่างแปลกเสียจริง”องค์ชายจากแดนเหนืออดสงสัยไม่รู้วาย
“ข้าก็เพิ่งรู้ว่าเจ้าขี้สงสัยถึงเพียงนี้นะทั๋วป้า ในเมื่อไม่เคยเห็นก็เห็นเสียสิ”แม่ทัพคนงามพูดพร้อมคำรามเสียงต่ำอยู่ในลำคอกลับไปทันใด เป็นเหตุให้อีกฝ่ายต้องสงบปากสงบคำลงทันใด
“ข้าไม่บังอาจกับท่านแม่ทัพ บุญคุณที่ช่วยเหลือในครั้งนี้หากมีโอกาสทั๋วป้าจะขอแทนคุณอย่างสุดกำลัง”องค์ชายจากแดนเหนือรับสั่งพร้อมยกท่อนแขนขึ้นทาบทับกับแผ่นอกด้านซ้ายพร้อมก้มคำนับแทนคำขอบคุณ
“ไม่ต้องเกรงใจองค์ชาย ตรงกันข้ามข้าขอฝากญาติผู้น้องกับท่านเอาไว้ด้วย จงปฏิบัติต่อหนงหนงประหนึ่ง รักหยกถนอมบุปผา อย่าให้รู้นะว่าทอดทิ้งและทำให้นางต้องเสียใจ เพราะข้าไม่เก็บท่านเอาไว้เผาถ่านเป็นแน่”แม่ทัพคนงามขู่คำรามอีกฝ่ายทันที
“ข้าจะดูแลหนงหนงเป็นอย่างดี ขอท่านแม่ทัพได้โปรดวางใจเถิด”องค์ชายจากแดนเหนือให้คำมั่นสัญญา ท่ามกลางความพึงพอใจของสตรีสาวซึ่งอีกฝ่ายเข้าใจว่าเป็นบุรุษมาโดยตลอด
“เฟย..”องค์หญิงหรงอันพลั้งเผลอหลุดปากเรียกชื่อญาติผู้พี่ตามความเคยชิน ก่อนจะรีบกลบเกลื่อนอย่างรวดเร็ว
“ฮ่าวเทียน..ขอบใจท่านมากเลยนะที่ทำทุกอย่างเพื่อข้า”องค์หญิงน้อยกล่าวคำขอบคุณอีกครา
“ดูแลตัวเองให้ดีนะหนงหนง จากกันวันนี้อีกเมื่อไรจะได้พานพบกันก็ไม่อาจรู้ได้ ส่วนเสด็จพ่อและเสด็จแม่ของเจ้าไม่ต้องเป็นห่วง เมื่อถึงแดนเหนือแล้วพวกท่านทั้งสองจะเดินทางไปเยี่ยมเจ้าเป็นการส่วนตัว”อู๋อี้เฟยบอกญาติผู้น้อง
อือ! องค์หญิงน้อยส่งเสียงตอบรับเบาๆ ในลำคอพลางพยักหน้าขึ้นลง
“รีบไปเถอะ! ได้เวลาเดินทางแล้วปล่อยทางนี้ให้ข้าจัดการเองไม่ต้องเป็นห่วง”แม่ทัพคนงามตอบกลับไปอย่างอาจหาญ
องค์หญิงน้อยยิ้มกว้างออกมาทั้งน้ำตาก่อนจะตัดใจหันหลังเดินออกจากกระโจม โดยมีองค์ชายจากแดนเหนือคนรักตัวจริงเดินตามหลังเพื่อคอยปกป้องดูแลให้นางปลอดภัย
ท่ามกลางสายตาของแม่ทัพสาวมองตามหลังร่างอรชรของญาติผู้น้องในคราบของตนเองค่อยๆ ก้าวเดินออกไปจากกระโจม ตามแผนการหลบหนีที่ได้วางเอาไว้
“โชคดีนะหนงหนง หากแม้นข้ายังไม่ตายเราสองคนพี่น้องคงได้พบกันอีก”ถ้อยคำกล่าวอำลาดังออกมาเบาๆ
ร่างอรชรของคนงามหันหลังเดินกลับเข้าไปภายในห้องแต่งตัวเพื่อเปลี่ยนอาภรณ์ สวมรอยเป็นองค์หญิงหรงอันซึ่งเป็นคู่อภิเษกของรัชทายาทต้าฮั่นอย่างรวดเร็ว
จุดประสงค์เพื่อเร้นร่างเข้าสู่วังหลวง วางแผนลอบสังหาร ฮั่นจิ้งตี้ฮ่องเต้ ตลอดจนถึงเชื้อพระวงศ์สำคัญเพื่อตัดรากถอนโคนราชวงศ์ฮั่นให้สูญสิ้นไป รวมไปถึงหมายหัวเทพสงครามโจวเฟิงหยางในบัญชีแค้นครั้งนี้ด้วย
เพียงไม่นานชุดเกราะแม่ทัพถูกถอดออกและซุกซ่อนลงไปยังใต้พื้นดินเบื้องล่างก่อนจะกลบฝังชุดเกราะและเสื้อผ้าของบุรุษที่สวมมาตลอดระยะเวลา 19 ปีที่ผ่านมาอย่างมิดชิด และนี่คือครั้งแรกในชีวิตของอู๋อี้เฟยที่นางได้สวมอาภรณ์ของสตรี
ผมยาวสีดำสนิทที่ถูกมวยขึ้นสูงดั่งเช่นบุรุษ มือเรียวดึงกวานที่ครอบมวยผมอยู่ตลอดเวลาออก ก่อนจะปล่อยยาวสยายลงจนเต็มแผ่นหลังภายใต้กรอบหน้าเรียวสวย ผิวขาวดุจหิมะใสนวลเนียนราวกระเบื้องเคลือบรับกับดวงตากลมโตคู่งาม ขนตางามงอนกะพริบขึ้นลงติดต่อกันครั้นได้เห็นตัวเองในร่างที่สวมอาภรณ์สตรีขององค์หญิงชั้นเอกจากต้าเหยี่ยนเป็นครั้งแรก
ร่างอรชรครั้นสวมอาภรณ์สตรีชั้นสูงช่างแลดูบอบบางน่าทะนุถนอมเป็นยิ่งนัก ร่างงามยืนมองตัวเองอยู่ตรงหน้ากระจกเงาที่สะท้อนรูปร่างหน้าตาของนางได้เป็นอย่างดี ซึ่งแม้กระทั่งเจ้าตัวยังต้องยืนนิ่งงันครั้นเห็นตัวตนที่แท้จริงในคราบอิสตรีเป็นครั้งแรก
ฉับพลันมีบางสิ่งบางอย่างผิดปกติปรากฏขึ้นอยู่ทางแผ่นหลังของแม่ทัพสาวผู้กล้า เมื่อเงาเลือนรางของบุรุษร่างกายใหญ่โตผิดแปลกไปกว่าผู้คนทั่วไป ยืนซ้อนทับอยู่ด้านหลังของนางขึ้นมาโดยพลัน ในขณะเดียวกันร่างงามจู่ๆ พลันหยุดชะงักไม่สามารถขยับกายหรือเคลื่อนไหวได้แต่อย่างใดขึ้นมาทันที
หมับ! เอวเล็กคอดกิ่วมีเพียงตัวชุดนอนสีขาวผูกด้วยเชือกตรงบริเวณเอวบางถูกท่อนแขนใหญ่กำยำสอดประสานดึงรั้งร่างงามเข้ามาไว้ในอ้อมกอดพร้อมร่างบุรุษเริ่มปรากฏกายของตนเองออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน
ท่ามกลางอาการตื่นตระหนกสุดขีดของแม่ทัพสาวคนงามที่เห็นร่างดังกล่าว ผ่านทางกระจกเงาที่นางกำลังจ้องเขม็งด้วยความตกใจอย่างยิ่งยวดอยู่ในขณะนั้น เมื่อเห็นร่างของบุรุษผู้นั้นปรากฏกายออกมาประหนึ่งล่องหนหายตัวได้
“ในที่สุดอดีตเชลยของข้าก็สลัดคราบบุรุษออกจากร่างของเจ้าแล้ว งดงาม! ช่างงดงามเป็นยิ่งนัก”เสียงกระซิบแผ่วพร้อมเสียงหัวเราะต่ำๆ อยู่ในลำคอแนบชิดริมหูโฉมงาม
ใบหน้าที่กำลังก้มลงซุกไซร้ซอกคอขาวผ่องอยู่ในขณะนั้น ค่อยๆ เงยขึ้นมาอย่างช้าๆ ก่อนจะทาบทับใบหน้าอันหล่อเหลาไปกับแก้มเนื้อนวลเฝ้ามองอาการตื่นตระหนกของสตรีสาวตรงหน้าผ่านทางกระจกที่กำลังส่องคนทั้งสองอยู่ในขณะนั้น
“แปลกใจที่เห็นข้าอย่างนั้นเหรอ จดจำกันไม่ได้แล้วหรืออย่างไง ข้าก็คือคนที่เจ้าเกลียดและชิงชังเป็นที่สุดจนอยากสับร่างเป็นหมื่นชิ้นมาปรากฏอยู่ตรงหน้าของเจ้านี้แล้ว อยากจะทำอะไรกับข้าก็จัดการได้เลย”เสียงนั้นแฝงเร้นความนัยอะไรบางอย่าง
รอยแสยะยิ้มเหยียดคลี่ออกมาบางๆ ภายใต้กรอบหน้าอันหล่อเหลาประดุจเทพสวรรค์
“จะ..เจ้า...เจ้าเป็นคนหรือปีศาจกันแน่! เหตุใดจึงปรากฏกายออกมาเช่นนี้!”โฉมสะคราญถามกลับไปทันที อาการตื่นตระหนกคลายลง หากแต่ความสงสัยกลับไม่เลือนหายก่อนจะได้ยินเสียงของอีกฝ่ายตอบกลับมา
“ในฐานะเทพสงครามข้าก็คือมนุษย์เช่นเดียวกับเจ้า แต่หากจะกล่าวว่าเพราะเหตุใดจึงปรากฏกายในลักษณะเช่นนี้ได้ นั่นก็เพราะว่าแท้จริงแล้วข้าก็คือ...”ถ้อยเจรจาสุดท้ายขาดหาย
นิ้วเรียวสวยดั่งเช่นอิสตรียกขึ้นพลางตรงเข้าลูบไล้ใบหน้างามขึ้นลงไปมาเบาๆ ดวงตาสีนิลกาฬคมกล้าคู่สวยจ้องสตรีสาวที่เห็นทางกระจกเงาไม่คลาดครา
ทันใดนั้นเอง