ตอนที่ 10
หนึ่งเดือนต่อมา...
ค่ำวันนี้รุ้งตะวันจำใจพาสามีเฉพาะกิจไปที่ทำงานด้วยเมื่อพ่อเจ้าประคุณทูนหัวดึงดันจะไปด้วยให้ได้ โดยที่พ่อคุณก็ให้เหตุผลว่าเบื่อที่จะต้องอุดอู้อยู่แต่ในคอนโดฯ กระทั่งเดินทางมาถึงที่ทำงานคนในนั้นก็พากันจับกลุ่มซุบซิบทันที ก่อนที่จิรันธรจะเดินตรงดิ่งมาลากแขนเพื่อนรักกับสามีของเพื่อนไปยังห้องแต่งตัวที่เฮียกับเจ๊จัดแยกไว้ให้ต่างหาก
“คุณเอโด้นั่งอยู่ตรงนี้ก่อนนะคะ” พูดจบจิรันธรก็หันไปลากแขนเพื่อนออกมาคุย
“จีจี้ แกจะลากแขนฉันไปโน่นไปนี่ทำไมเนี่ย มีอะไรหรือเปล่า”
“แกยังจะมีหน้ามาย้อนถามฉันอีกเหรอยัยรุ้ง แล้วนี่แกพาคุณเอโด้มาด้วยทำไม ก็รู้อยู่ว่าคนในผับเยอะ แล้วถ้าเกิดมีคนพวกนั้นมาเห็นเข้าจะทำไง” จิรันธรอยากจะมอบมะเหงกให้เพื่อนรักสักทีสองที ที่ก็รู้อยู่ว่าเกิดอะไรขึ้นกับสามีตัวเองจนเกือบเอาชีวิตไม่รอดแต่ก็ยังจะพามาในสถานที่ที่มีคนเยอะๆ
“ก็แล้วพวกไหนล่ะ” รุ้งตะวันทำไขสือ ทั้งที่ความจริงเธอก็กังวลเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน แต่จะไปทำยังไงได้ในเมื่ออีตาบ้าจะมาด้วยให้ได้
“ยังจะมาแกล้งไม่รู้อีก” จิรันธรตีหน้ายักษ์ใส่เพื่อนรักที่ยังทำหน้าไม่รู้เรื่องใส่เธออยู่
“โอเค ฉันรู้ แต่แกจะให้ฉันทำยังไงในเมื่ออีตานั่นจะมาด้วยให้ได้ คนอะไรก็ไม่รู้ดื้อจนอยากจะเตะโด่งออกไปนอกโลก พูดแล้วก็อยากจะเดินไปเตะจริงๆ เลย” พูดแล้วยังโมโหไม่หาย เพราะอีตาบ้าพูดนั่นนี่จนเธอรำคาญหูจนต้องพามาด้วย
“ผัวแกนี่ดื้อจริงๆ สงสัยต้องปล่อยให้โดนลอบฆ่าอีกสักรอบจะได้หายดื้อ” จิรันธรยกมือกอดอก พลางเหลียวไปมองสามีของเพื่อนรักด้วยสีหน้าเครียดๆ ใจก็ครุ่นคิดว่าเมื่อไหร่อีตาอนนจะกลับจากเมืองนอกจะได้มาตกลงกันว่าจะเอาไงดีต่อ
“จีจี้ แกอย่าพูดคำนี้ได้ไหม ฉันได้ยินทีไรรู้สึกจั๊กจี้ทุกที” รุ้งตะวันทำท่าขนลุกขนพอง
“แหม...ทำเป็นจั๊กจี้ ทีตอนที่แกไปยอมรับกับแม่ว่าเขาเป็นผัว ไม่รู้สึกจั๊กจี้บ้างเหรอ” จิรันธรมองค้อนอย่างหมั่นไส้
“ก็แม่คาดคั้น ฉันก็เลยจำใจรับไปต่างหากล่ะ” รุ้งตะวันแก้ต่างให้ตัวเองด้วยเสียงอ้อมแอ้ม
“ย่ะแม่คุณ จำใจก็จำใจ” พูดจบจิรันธรก็ส่ายหน้าไปมาอย่างคนหมั่นไส้ระคนลุ้นว่าสองคนนี้สุดท้ายแล้วจะลงเอยกันแบบไหน ถ้าหากความจำของคุณเอโด้กลับมา ซึ่งเธอก็ได้แต่หวังว่ามันจะลงเอยด้วยดี
“แล้วจะทำไงกับอีตาบ้านั่นดีล่ะ” พูดจบก็หันไปมอง ‘อีตาบ้า’ ที่ว่าแล้วหันมาขอความเห็นจากเพื่อน
“ให้ผัวแกรออยู่ในห้องแล้วกัน เพราะถ้าขืนให้ออกไปนั่งข้างนอก ผัวแกคงหัวใจวายแน่ ถ้าเห็นเมียตัวเองไปเต้นเด้งหน้าเด้งหลังโชว์ผู้ชายครึ่งร้อย” จิรันธรปิดปากหัวเราะชอบใจ ที่ก็เดาไม่ถูกเหมือนกันว่าคุณเอโด้จะเกิดอาการหึงหวงหรือไม่ หากเห็นคนเป็นภรรยาไปเต้นยั่วผู้ชาย
“จีจี้ แกหยุดหัวเราะเดี๋ยวนี้เลย แล้วก็เป็นเพราะแกนั่นแหละที่ดันไปบอกว่าฉันเป็นเมียเขา ทำให้ฉันอดมองหนุ่มๆ คนอื่นเลย” รุ้งตะวันทำตาเขียวใส่เพื่อนรักที่หาเรื่องให้เธอปวดหัว
“ปกติแกก็ไม่เคยมองหนุ่มๆ อยู่แล้วนี่ แล้วแกจะมาห่วงอะไรล่ะ”
“ก็เผื่อวันนี้เจอหนุ่มถูกใจไง” รุ้งตะวันอ้างไปเรื่อยเปื่อย
“แกไม่ต้องมาเถียงฉันเลยยัยรุ้ง ส่วนเรื่องคุณเอโด้ก็เอาตามที่ฉันบอกไปแล้วกัน เพราะยังไงเราก็ให้คุณเอโด้ออกไปนั่งรอแกข้างนอกไม่ได้หรอก”
“บอกได้แต่อีตาบ้าจะยอมอยู่หรือเปล่านี่สิ”
“แกก็ทำให้เขาอยู่ให้ได้สิยัยรุ้ง เดี๋ยวฉันออกไปก่อนแล้วกัน ส่วนแกก็รีบตามออกไปล่ะ อีกเดี๋ยวก็ได้เวลาทำงานแล้ว”
“อืม” ขานรับแล้วก็รอจนเพื่อนรักออกไป สองเท้าเล็กจึงเดินมาหยุดอยู่หน้าสามีเฉพาะกิจ ที่ป่านนี้ยังไม่เลิกมองสำรวจห้อง แต่ต่อให้เขามองอีกร้อยครั้งพันครั้ง ยังไงเขาก็จดจำอะไรของที่นี่ไม่ได้หรอก
“คุยธุระเสร็จแล้วใช่ไหมครับที่รัก”
“วะ...ว่าไงนะ” ร่างบางเบิกตาจนแทบถลน เมื่อครู่เธอไม่ได้หูฝาดแน่ๆ ว่าแต่ทำไมอีตาบ้าถึงได้มาเรียกเธอว่าที่รักล่ะ ไม่สอนไม่ได้บอกเสียหน่อย
“หูตึงจังเลยนะครับที่รัก” พูดจบก็ลุกขึ้นเต็มความสูงเตรียมพร้อมจะเดินออกจากห้องที่เขาพยายามนึกอยู่นาน แต่ก็นึกไม่ออกว่าเคยเข้ามาที่นี่หรือไม่
“นี่คุณว่าฉันเหรอ” เธอถามเสียงห้วน
“ผมเปล่าครับที่รัก” เพราะเขาไม่ได้ตั้งใจจะว่าเธอจริงๆ
“เปล่าได้ไง เมื่อกี้ฉันได้ยินคุณว่าฉันอยู่นะ หาเรื่องตายอีกรอบใช่ไหมเนี่ย ถึงได้มาว่าฉัน”
“ใจเย็นก่อนที่รัก ผมไม่ได้ตั้งใจว่าคุณ คือผมแค่พูดเฉยๆ แต่ก็เอาเป็นว่าผมขอโทษ อย่าโกรธผมนะ” เอโด้ทำหน้าสำนึกผิด ขยับเข้าไปใกล้ร่างบางแล้วฉวยเอามือเล็กมากุมไว้
“อย่ามารุ่มร่ามกับฉันนะ” คนพูดแก้มออกสีระเรื่อ พลางถลึงตาขุ่นคลั่กใส่คนตัวโตที่ทำหน้ามึนมาจับมือถือแขนเธอ
“สามีภรรยาจะจับมือกัน ไม่มีใครว่าหรอกครับ คุณว่าจริงไหม ที่รัก” พูดจบก็ยกมือเล็กขึ้นมาจูบบนหลังมือ รุ้งตะวันอ้าปากค้าง ร่างกายนิ่งราวกับถูกปิดสวิตช์
'อี...อีตาบ้านี่แปลกขึ้นทุกวัน'
“แก้มคุณแดงมาก เหมือนว่าเรา...” เอโด้หยุดพูดไว้แค่นั้น
“เหมือนอะไร คุณพูดให้ดีๆ นะ แล้วถ้าไม่ดี ฉันจะอัดคุณลงไปกองกับพื้น” ร่างบางแสร้งทำเสียงเข้มเพื่อกลบเกลื่อนอาการหน้าแดงและใจเต้นแรงของตัวเอง
“เหมือนว่าเราสองคนไม่เคยทำอะไรแบบนี้ไงครับที่รัก” เอโด้จูบหลับมือเล็กอีกครั้ง