ตอนที่ 11
“คุณ!” รุ้งตะวันถลึงตาใส่คนฉวยโอกาส
“ครับ” เอโด้ขานรับด้วยหน้าตาซื่อๆ ผิดกับร่างบางที่อารมณ์เดือดปุด ก่อนจะกระชากมือออกจากมือของคนชอบฉวยโอกาส เอ๊ะ! ฉวยโอกาสงั้นเหรอ ที่จริงต้องเป็นเธอสิที่ฉวยโอกาสด้วยการอ้างตัวเป็นภรรยาของเขา ในขณะที่เขาจำอดีตตัวเองไม่ได้ แต่ก็ช่างเถอะไหนๆ ก็หลวมตัวมาขนาดนี้แล้ว เลยตามเลยไปก็แล้วกัน
“ฉันไปทำงานก่อนนะ ส่วนคุณ นั่งรออยู่ที่นี่ ห้ามออกไปไหนเด็ดขาด” เธอบอกเสียงกระแทกกระทั้นก่อนจะหันหลังเตรียมเดินออกจากห้องแต่นึกได้ว่ายังไม่ได้สำรวจความเรียบร้อยของเสื้อผ้าจึงหันกลับมาทำให้ชนเข้ากับกำแพงมีชีวิต
“อีตาบ้า! มายืนทำอะไรตรงนี้เนี่ย หัวฉันต้องโนแน่เลย” ปากบ่นมือก็ลูบหน้าผากตัวเองป้อยๆ
“ผมขอโทษครับ” เอโด้จับมือเล็กออกจากหน้าผากก่อนจะอ้าปากเป่าให้
“คุณไม่ต้องเป่าแล้ว ฉัน...ฉันไม่ได้เป็นอะไรแล้ว” เธอบอกเสียงอ้อมแอ้มและรู้สึกดีไม่น้อยกับสิ่งที่เขาทำให้
“ผมขอโทษนะที่ทำให้คุณต้องเจ็บตัว ว่าแต่คุณจะหันหลังกลับมาทำไมครับ”
“ฉันสิต้องถามว่าคุณเดินตามติดฉันไปทำไม” รุ้งตะวันเอียงคอมองคนตัวโตอย่างสงสัย
“ผมก็จะตามออกไปดูคุณทำงานไงครับ ที่รัก” เขายิ้มกว้าง
“ไม่ได้!” เสียงหวานปฏิเสธดังลั่น
‘ให้ผัวแกรออยู่ในนี้แล้วกัน เพราะถ้าขืนให้ออกไปนั่งข้างนอก ผัวของแกคงหัวใจวายแน่ ถ้าเห็นเมียตัวเองไปเต้นเด้งหน้าเด้งหลังโชว์ผู้ชายครึ่งร้อย’
รุ้งตะวันยืนทำหน้ายุ่งไปกับคำพูดของเพื่อนรักที่ดังเตือนอยู่ในโสตประสาท เสียงลมหายใจถูกพ่นออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า เพราะไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาสั่งให้เขารออยู่ในห้องแต่โดยดี
“อย่าห้ามผมเลยที่รัก ผมอยากไปดูคุณจริงๆ” เอโด้ทำเสียงอ้อนเหมือนที่เคยอ้อนให้เธอพามาที่ทำงานได้สำเร็จ
“แต่ฉันต้องห้าม เอาเป็นว่าคุณรอฉันอยู่ในห้องนี้แหละ ฉันทำงานเสร็จเมื่อไหร่จะเข้ามาตาม โอเคนะ” พูดจบเธอก็เดินมาเอาตัวบังประตูไว้เพื่อป้องกันไม่ให้อีกคนเปิดออกไป
“แต่ผมไม่อยากอยู่”
“โอ๊ย! ทำไมคุณดื้อแบบนี้ล่ะ ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าให้คุณทำตามที่ฉันบอก” รุ้งตะวันเริ่มเสียงเข้ม ใบหน้าสวยก็เริ่มบูดบึ้งไม่พอใจที่อีกฝ่ายเริ่มทำตัวเกเร ทั้งที่ก่อนออกจากคอนโดฯ ก็สัญญากันแล้วว่าจะทำตามคำสั่งของเธอโดยไม่มีข้อแม้
“ตกลงคุณทำงานอะไรกันแน่ที่รัก ถึงให้ผมออกไปนั่งดูไม่ได้ มันผิดกฎหมายงั้นเหรอ หรือคุณต้องการปิดบังอะไรผม” หน้าหล่อเหลาขรึมขึ้น พลางจ้องมองภรรยาตาไม่กะพริบ
“ฉันเป็นโคโยตี้ แล้วงานของฉันก็คือไปเต้นบนเวทีต่อหน้าผู้คนที่มาเที่ยวในผับ” ร่างบางเอ่ยบอกเสียงแข็ง
“โคโยตี้” เอโด้ทวนคำด้วยสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นกว่าเดิม พลางครุ่นคิดไปด้วยว่าเขายอมให้เมียตัวเองไปเต้นโชว์คนอื่นได้อย่างไรกัน แต่พอคิดมากๆ เข้าก็ชักปวดหัว
“คุณเอโด้ คุณเป็นอะไร” รุ้งตะวันถลาเข้าประคองคนตัวโตก่อนจะพาไปนั่งพัก พร้อมเสียงเอ่ยถามอย่างห่วงใยดังเป็นระยะ ยิ่งหน้าตาเขาเหยเกเธอก็ยิ่งใจเสีย
“ผม...ผมไม่เป็นไร”
“แต่หน้าตาคุณดูไม่ค่อยดีเลย ให้ฉันพาไปหาหมอไหมคุณ”
“แต่คุณต้องทำงานนะที่รัก” เอโด้ละมือออกจากศีรษะ เพราะอาการปวดหัวค่อยๆ ทุเลาลงแล้ว หลังจากเขาไม่พยายามคิดเรื่องที่ยอมปล่อยให้ภรรยามาทำงานเป็นโคโยตี้ได้อย่างไร แต่ใช่ว่าเขาจะรังเกียจอาชีพนี้ เพียงแต่เขาคิดว่าไม่น่าจะมีผู้ชายคนไหนยอมให้ภรรยาตัวเองไปเต้นโชว์ชายอื่น ทว่าเขากลับยอมซะงั้น มันยังไงกันแน่?
“เรื่องงานของฉันไม่เป็นไรหรอก ตกลงคุณจะไปหาหมอหรือเปล่า”
“ไม่ต้องหรอกที่รัก ผมโอเคแล้ว” ชายหนุ่มเผยยิ้มเล็กๆ บนมุมปาก
“ตามใจคุณแล้วกัน ฉันไปละ ส่วนคุณรออยู่ในห้องนี้ โอเค้!” พูดจบก็ขยับลุกขึ้นยืนแล้วเดินมาที่กระจก ถอดชุดคลุมที่เธอใส่ออกแล้วก็มองสำรวจความเรียบร้อยจนแน่ใจว่าไม่มีอะไรเล็ดลอดออกมาจึงหมุนตัวเดินกลับมาที่ประตูเพื่อออกไปทำงาน ส่วนอีกคนก็มองตามตาค้าง
‘นี่เขายอมให้เมียตัวเองใส่เสื้อโชว์นมโชว์ขาอ่อนแบบนี้เข้าไปได้ยังไงเนี่ย’
“รุ้ง” เอโด้เอ่ยเรียกเสียงดังก่อนจะก้าวยาวๆ ตามไปคว้าแขนภรรยา
“คุณเอโด้ ออกมาทำไมเนี่ย” รุ้งตะวันย้อนถามเสียงเขียวทันทีเมื่อหันมาเห็นหน้าคนที่ฉุดแขนเธอเอาไว้
“ก็ผมบอกแล้วว่าจะออกมาดูคุณทำงาน ว่าแต่ทำไมผมถึงยอมให้คุณแต่งตัวแบบนี้” หน้าตาของเขาบ่งบอกชัดเจนว่าไม่ชอบและไม่พอใจที่ภรรยาแต่งตัวล่อแหลม เพราะอะไรๆ ในตัวของเธอต้องเป็นเขาคนเดียวเท่านั้นที่ได้เห็น
“อย่ามาก้าวก่ายเรื่องงานฉันนะ มานี่เลย!” พูดจบเธอก็ลากแขนคนตัวโตไปยังที่นั่งด้านในสุดของผับ โดยมีฉัตรลดาและพาฝันมองตามและพากันเบ้ปากใส่เมื่อคนที่พวกตนชังน้ำหน้าหาแฟนได้หน้ายังกับโจรห้าร้อย
“หนวดเครารกแบบนั้นนังรุ้งมันเอาไปได้ยังไง นังนี่มันตาต่ำชะมัด ” ฉัตรลดาทำท่าทางขยะแขยง
“ยัยรุ้งคงโดนมนตร์สะกดละมั้ง ถึงได้ไปคว้าเอาโจรมาเป็นแฟน” สองสาวพากันหัวเราะขำระคนสมเพช ก่อนจะพากันเบ้ปากใส่อีกรอบแล้วเดินเข้าห้องแต่งตัวเพื่อรอคิวขึ้นเวที
ทางด้านคนที่ถูกนินทาตอนนี้เจ้าตัวกำลังยืนจ้องหน้าอีกคนด้วยสายตาเขียวปั้ด เมื่อโดนตำหนิเรื่องเสื้อผ้าครั้งแล้วครั้งเล่าทั้งที่เธอจำเป็นต้องใส่เพื่องานเท่านั้น ส่วนเอโด้ก็จ้องตากลับไปอย่างคนไม่ยอมเช่นกัน เพราะเขาต้องการให้ภรรยาไปเปลี่ยนเสื้อผ้าให้มิดชิดกว่านี้
“ตกลงคุณจะไม่เปลี่ยนเสื้อผ้า” เอโด้ถามเสียงเข้ม
“ฉันไม่เปลี่ยน แล้วก็คุณก็ไม่ต้องมาสั่งฉันด้วย เข้าใจ๊!” ใบหน้าสวยเชิดขึ้นอย่างถือดี ส่วนคนตัวโตตอนนี้สันกรามนูนเป็นสันแล้วแต่มีหรือที่คนตัวเล็กกว่าจะกลัว แต่การโต้เถียงก็ต้องหยุดชะงักเมื่อจิรันธรเดินมาสะกิดเพื่อนให้ไปขึ้นเวที