เช้าวันต่อมา
“อรุณสวัสดิ์จ้ะ”
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ”
มัลลิกาตื่นลงมาข้างล่างแต่เช้า แต่ดูเหมือนจะช้ากว่าศลิษา เพราะเมื่อมัลลิกาเดินลงมา ก็พบหญิงสาวนั่งที่โซฟาอยู่ก่อนแล้ว
“ตื่นเช้าจังเลย”
“เคยชินน่ะค่ะ”
“เอาล่ะ งั้นเรามาคุยกันหน่อยดีกว่า”
“ค่ะ”
หญิงวัยกลางคนเดินมาหย่อนตัวนั่งที่โซฟาตรงข้ามกับศลิษา ดวงตาที่ทอแววใจดี แต่ก็ทันคนอย่างคนผ่านเรื่องราวมาก่อนมองไปที่หญิงสาวตรงหน้าอย่างพิจารณา
“เล่าให้แม่ฟังได้ไหม ว่าเป็นยังไงมายังไง ถึงได้มาอยู่ที่นี่”
“ได้ค่ะ”
ศลิษาเล่าเรื่องราวที่เป็นเหตุให้เธอได้มาอยู่ที่นี่ให้มัลลิกาฟังโดยไม่ปิดบัง อันที่จริงมันไม่มีอะไรให้ปิดบัง ในเมื่อเธอไม่ได้ทำอะไรผิด อยู่ๆ ก็โดยเขาอุ้มออกมาจากห้อง แล้วก็เจอกับเหตุการณ์อะไรก็ไม่รู้ สุดท้ายก็ถูกพามาส่งที่นี่
“เอาล่ะ แม่เข้าใจละ เอาเป็นว่า หนูลิษาก็คงต้องอยู่ที่นี่ไปก่อน เดี๋ยวพ่อตัวแสบลงมา เขาก็คงมาคุยกับหนูเอง” มัลลิกาพยักหน้าเข้าใจ เธอรู้นิสัยบุตรชายของตัวเองดี ว่าเขาเป็นคนยังไง เด็กคนนี้เป็นคนเดียวที่เขาพามาที่บ้าน
หญิงสาวพยักหน้ารับ เธอตอบคำถามที่มัลลิกาอีกมากมาย ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องครอบครัวของเธอ เมื่อมัลลิการู้ว่าศลิษาใช้ชีวิตอยู่คนเดียวก็ตกใจ เธอรู้ดีว่าการต้องอยู่คนเดียวมันรู้สึกยังไง มัลลิกาแอบพอใจในความใจสู้ของหญิงสาวตรงหน้าไม่น้อย
“อรุณสวัสดิ์ครับ”
เสียงห้าวทุ้มดังลงมาแทรกระหว่างที่สองหญิงสาวต่างวัยกำลังพูดคุยกันอยู่ ทั้งมัลลิกาและศลิษาหันไปมองทางที่มาของเสียงพร้อมกันก็เห็นว่าร่างสูงใหญ่ของเฟรเดอริคกำลังเดินเข้ามาในชุดเสื้อยืดกางเกงขายาวสบายๆ
“ทำอะไรกันอยู่ครับ” ชายหนุ่มเดินมาจุมพิตที่แก้มมารดาก่อนจะนั่งลงข้างๆ
“แม่กำลังจะพาหนูลิษาไปแจ้งความข้อหาลักพาตัว” มัลลิกาพูดยียวนบุตรชายหน้าตาเฉย
“โหแม่ อะไรอะ อยู่ดีๆ ก็จะหาเรื่องให้ลูก”
“แล้วลูกทำอะไร”
“ก็.....ตามนั้นครับ”
“นั่นแหละ” มัลลิกาตีแขนเฟรเดอริคเบาๆ ด้วยความหมั่นไส้
“ตาใหญ่ล่ะครับ”
“ไม่ได้มาด้วย ช่วงนี้องุ่นเป็นโรคเลยต้องดูแลใกล้ชิด แม่เลยกลับบ้านมาคนเดียวก่อน ห่วงเฟรดนั่นแหละ แต่แม่คิดว่าคงไม่ต้องห่วงแล้ว เดี๋ยวไม่กี่วันก็คงไปที่บ้านสวนเลย” มัลลิกาหมายถึงสวนองุ่นขนาดใหญ่ที่ตอนนี้บิดาของเธอกำลังดูแลอยู่ในยามที่เธอกลับมาที่บ้าน
“ผมไม่เจอตาใหญ่นานแล้วนะ ตาไม่คิดจะมาบ้านบ้างเหรอ” เฟรเดอริคพูดน้ำเสียงน้อยใจ
“เฟรดก็ไปหาตา แค่นั้นเอง”
“งานเยอะจนแทบจะไม่ได้นอน ผมจะเอาเวลาที่ไหนไปล่ะครับ”
“นั่นแหละ เอาไว้ทางนั้นสะดวกก่อน เดี๋ยวตาก็กลับมาบ้าน แต่เฟรดก็รู้ ว่าตาชอบอยุ่กับไร่กับสวนมากกว่า”
“ครับ”
“เอาเป็นว่าถ้าตาไม่มา เฟรดก็หาเวลาว่างไปที่บ้านสวน จะได้พาหนูลิษาไปเที่ยวด้วยไง” มัลลิกาเอ่ยถึงหญิงสาวที่นั่งฟังเงียบๆ อยู่จนเจ้าตัวสะดุ้ง
“จะพยายามว่างนะครับ”
“เวลาคนเรามันน้อยนะเฟรด จะทำอะไรก็รีบทำ” มัลลิกาเอ่ยอย่างคนที่ผ่านอะไรมามากมาย ทุกอย่างในชีวิตมันไม่แน่นอน
“ครับ”
“งั้นไปทานข้าวกันได้แล้วล่ะ สายมากแล้ว” มัลลิกาแตะท่อนแขนแข็งแรงของบุตรชายเบาๆ ก่อนจะลุกขึ้นโดยมีเฟรเดอริคเดินโอบเอวเธอและมีศลิษาเดินตาม
เมื่อเข้ามานั่งประจำที่ ก็สาวใช้หลายคนก็เข้ามายืนตักข้าวให้กับเจ้านาย ก่อนจะถอยกลับไปยืนห่างๆ เพื่อรอรับคำสั่ง เฟรเดอริคนั่งอยู่หัวโต๊ะในฐานะประมุขของบ้าน ศลิษานั่งตรงข้ามกับมัลลิกา เธอไม่รู้เลยว่ามัลลิกาแอบชื่นชมเธออยู่ในใจ ที่เธอสามารถปรับตัวกับสิ่งรอบข้างได้โดยไม่รู้สึกขัดตา
หลังจบอาหารมื้อเช้า มัลลิกาขอตัวขึ้นไปพักผ่อนบนห้องนอน ปล่อยให้หนุ่มสาวได้มีเวลาพูดคุยกัน ศลิษาหนีขึ้นห้องโดยมีร่างสูงใหญ่ของเจ้าของบ้านเดินตามเข้ามาในห้องนอน
“ฉันมีข้อเสนอให้เธอ” เฟรเดอริคหย่อนตัวนั่งลงบนเตียงนอนหลังใหญ่ที่เก็บจนตึงเรียบ
“ฉันมีสิทธิ์ปฏิเสธไหมล่ะ”
“คิดว่าไม่มีนะ”
“.....” ดวงตากลมโตเหลือบมองบนอย่างหงุดหงิด
“มาเป็นคนของฉัน ฉันจะไม่แตะต้องหากเธอไม่ยินยอม และฉันจะให้เวลาเธอปรับตัว มีข้อแม้ว่าเธอต้องอยู่บ้านหลังนี้และอยู่ในการปกครองของฉัน”
“แล้วฉันได้ประโยชน์อะไร ดูเหมือนจะไม่มีนะ”
“เงินเดือนในฐานะคนของฉัน ฉันจะส่งเธอเรียนเท่าที่เธอต้องการ เงินพิเศษในโอกาสต่างๆ มีรถส่วนตัวที่จะเป็นชื่อของเธอ หรือถ้าเธอจะไม่ขับเองก็มีรถของที่นี่คอยรับส่งไม่ว่าเธอจะไปไหนก็ตาม”
“แล้วคุณได้ประโยชน์อะไร ฉันไม่เข้าใจ”
“ก็.....ในระยะยาวล่ะมั้ง ถึงเธอไม่ยอมเป็นเมียฉัน อย่างน้อยก็ต้องมาทำงานให้ฉัน ฉันชอบมีลูกน้องเก่งๆ อยู่ในมือ”
“ไปหารับสมัครเอาไม่ง่ายกว่าเหรอ”
“เธอก็รู้ว่าฉันทำงานอะไร คนฉลาดอย่างเธอ เดาเรื่องพวกนี้ไม่ยากหรอก”
“แล้วยังไง”
“งานแบบนี้ มันหาคนไว้ใจได้ยาก”
“แล้วทำไมมาไว้ใจฉัน”
“ฉันมีเหตุผลของฉันก็แล้วกัน เอาเป็นว่าตามนี้ เงินเดือนของเธอแต่ละเดือนอเล็กซ์จะเป็นคนจัดการให้ ห้องนอนเธอก็อยู่ที่ห้องนี้ไป ข้าวของเครื่องใช้ เสื้อผ้า ทุกอย่างจะถูกจัดส่งมาให้ใหม่ทั้งหมด”
“.....”
“อย่าดื้อล่ะ ฉันต้องไปทำงานแล้ว โทรศัพท์เครื่องใหม่ของเธอจะมาพร้อมกับของอย่างอื่น จัดการเปลี่ยนซิมให้เรียบร้อย”
“.....”
“แล้วก็.....จงรู้ไว้ว่าเธอจะมีลูกน้องของฉันอยู่ด้วยหากเธอออกไปนอกบ้าน เป็นคนที่ฉันไว้ใจรองลงมาจากอเล็กซ์”
“นี่ฉันเป็นนักโทษเหรอ”
“เปล่า เพื่อความปลอดภัยของตัวเธอเอง หากเธอเป็นคนของฉัน หรือไม่ว่าจะมาเฟียคนไหนก็ตาม เธอต้องมีบอดี้การ์ดประจำตัว”
“นี่ฉันซวยอะไรเนี่ย”
“ซวยที่ฉันดันไปถูกใจเธอล่ะมั้ง ไปนะ” เฟรเดอริคพูดจบก็เดินออกจากห้องไป ปล่อยให้ศลิษาด่าในใจไล่หลัง
หญิงสาวทึ้งผมตัวเองอย่างหงุดหงิดที่อยู่ดีๆ เธอก็ต้องมาอยู่ที่นี่ แล้วเธอมีทางเลือกไหม ในเมื่ออพาร์ทเม้นท์ที่เธออยู่เขายังไปซื้อมาได้ แล้วนับประสาอะไรหากเธอไปอยู่ที่อื่น เขาก็ต้องตามไปอยู่ดี
ศลิษาทิ้งตัวลงบนเตียงสีหน้าหงุดหงิด เธอไม่ใช่คนดื้อเปิดเผย แต่หากไม่พอใจอะไรแล้วไม่มีเหตุผลมากพอเธอก็จะต่อต้านเงียบๆ แต่ดูเหมือนครั้งนี้เธอไม่มีเหตุผลที่จะต่อต้านเขาเลย
ทางด้านเฟรเดอริค หลังจากยื่นข้อเสนอแกมบังคับหญิงสาวเสร็จ เขาก็กลับมาที่ห้องนอน อันที่จริงก็ไม่ได้ไกลกันมาก เพราะห้องที่ศลิษาใช้ เป็นห้องที่อยู่ติดกับห้องทำงานของเขา ซึ่งถัดจากห้องทำงานก็เป็นห้องนอนของชายหนุ่ม นั่นหมายความว่ามีเพียงแค่ห้องทำงานที่กั้นระหว่างห้องนอนของคนทั้งคู่เอาไว้เท่านั้น
ชายหนุ่มจัดการทำธุระส่วนตัวจนเสร็จก็ลงข้างล่างไป อเล็กซ์ยืนรออยู่ก่อนแล้ว เขาได้รับคำสั่งจากเจ้านายเมื่อคืนระหว่างที่กำลังกลับมาบ้าน วันนี้เหล่าบอดี้การ์ดส่วนหนึ่งที่ได้รับหน้าที่ดูแลศลิษาจึงพร้อมและประจำที่รออยู่แล้ว หากหญิงสาวต้องการจะออกจากบ้าน พวกเขาก็พร้อมที่จะทำหน้าที่โดยทันที
“ไปบริษัท”
“ครับ”
“คนล่ะ”
“พร้อมหมดแล้วครับ”
“ดี เรียกแอชตันไปที่บริษัท”
“ครับ”
หลังจากสั่งงานเสร็จ ร่างสูงก็ก้าวขึ้นรถ ไม่กี่นาทีหลังจากนั้นรถก็เคลื่อนตัวออกจากบ้านไป ศลิษายืนเล่นอยู่ที่ระเบียงมองรถยนต์คันหรูเคลื่อนออกจากประตูรั้วที่ไกลสุดลูกตาด้วยสีหน้าครุ่นคิด
“ถึงเวลาลองของแล้ว” เสียงหวานใสพึมพำเบาๆ ก่อนที่ร่างบอบบางจะคว้าผ้าเช็ดตัวหายเข้าไปในห้องน้ำ และเพียงไม่นานก็กลับออกมาแต่งตัวจนเสร็จในสภาพที่พร้อมจะท้าทายอะไรบางอย่าง