เมื่อวานตอนค่ำๆ เห็นเพจของมหาลัยแจ้งว่าจันทร์กับอังคารนี้หยุดเพราะมีการประชุมอะไรสักอย่าง ฉันกับคิมเลยปรึกษากันว่าจะกลับบ้านสักหน่อย ยังไงก็มีเวลาตั้งสามวัน ฉันกับคิมบ้านอยู่ติดกัน แต่อยู่คนละจังหวัดกับมหาลัยซึ่งใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง นี่ก็ถึงเวลานัดแล้วมันยังไม่มาสักที ลืมหรือเปล่า หรือจะเทฉันอีก
ครืดดด ครืดดด
-คิม-
"เออ อยู่ไหน" พอกดรับสายไอ้คิมก็ตะโกนเสียงดังเต็มหู พูดเบา ๆ มันจะตายหรือยังไงฮะ!!
"ถึงแล้วเนี่ย แล้วมึงล่ะ" ฉันเดินออกไปพร้อมชะเง้อหามัน ถ้าโทรมาแบบนี้แสดงว่ามันถึงที่นัดแล้วล่ะ ไม่งั้นไม่โทรมาหรอก
"เออ รอแป๊บ กำลังขับเข้าไปหามึง"
เราสองคนขับรถไปจอดร้านฝากรถที่สถานีขนส่งแล้วขึ้นรถทัวร์กลับ เพราะถ้าเอามอเตอร์ไซค์กลับ ฉันว่ามันอันตรายเกินไป เราพากันมานั่งรอที่จุดจอดรถ ฉันมีหน้าที่นั่งเฝ้ากระเป๋า ส่วนคิมเดินไปซื้อตั๋วกับของกินเพื่อมากินระหว่างรอรถ ดู ๆ ก็น่าจะสักพักแหละกว่ารถจะมา
"อ่ะ น้ำ" มันเดินกลับมาพร้อมข้าวของรุงรังไปหมด
"มึงซื้ออะไรมาเยอะแยะเนี่ย" ฉันเอื้อมมือไปรับขวดน้ำจากมันก่อนจะร้องถาม มันเยอะมาก มากจริง ๆ
"เผื่อมึงหิวไง ถ้ากินไม่หมดเอาไปกินบนรถก็ได้"
"นี่มึงซื้อให้กูหมดเลยเหรอ" ฉันถามพร้อมกับรับขนมจากมือไอ้คิม มีแต่ของชอบทั้งนั้นเลย
"เออ กูกินน้ำขวดเดียวนี่แหละ" คิมนั่งลงข้าง ๆ ฉัน ในมือมันตอนนี้เหลือแต่น้ำเปล่าขวดเดียว ปกติเราสองคนแทบไม่ได้กลับบ้านเลยเพราะงานเยอะมาก ไหนจะกิจกรรมอีก พอมีโอกาสก็ต้องกลับบ้างแล้ว ไม่งั้นแม่บ่นตายเลย รอรถอยู่สักประมาณครึ่งชั่วโมงก็ถึงเวลาขึ้นรถ เราได้ที่นั่งข้างกัน พอขึ้นมาฉันก็ขอมันนั่งติดกระจก เหมือนทุกครั้ง แล้วมันก็ยอมตลอดนะ
"ฟังเพลงปะ" มันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเสียบหูฟัง แล้วยื่นข้างหนึ่งให้กับฉัน
"มั้ง" ฉันพูดชื่อเพลงที่กำลังเปิดอยู่
"เออ ชอบ เพราะดี แล้วมึงโทรบอกป้าแรมยังอะ"
"บอกตั้งแต่เมื่อวานแล้ว" คิมเอียงลงมาซบไหล่ฉัน ใจเต้นไม่เป็นจังหวะอีกแล้ว ทำไมชอบทำให้คิดอยู่เรื่อยเลยวะ รู้แหละว่ามันไม่ได้คิดอะไร ถึงได้ทำแบบนี้อยู่เรื่อย แต่ไม่รู้จะห้ามตัวเองยังไงไม่ให้คิด
"ง่วงอะ กูนอนนะ"
รถขับไปอย่างรวดเร็ว ฉันมองดูวิวข้างทางมาตลอด ยิ่งใกล้จะถึงก็ยิ่งคิดถึงบ้าน อยากกอดพ่อกับแม่จะแย่แล้ว หลังจากที่ไอ้คิมมันหลับมาตลอดทาง อยู่ ๆ มันก็ตื่นขึ้นมาตรงสะพานข้ามไปฝั่งโรงเรียนเราสมัยมัธยมพอดี
"จำได้ปะ ตอนมัธยมที่มันมีหมาตกน้ำแล้วมันเหมือนว่ายน้ำไม่เป็นอะ" ฉันเห็นว่ามันตื่นแล้วเลยหันไปถาม
"เออ" มันชะโงกหน้าออกไปมองก่อนจะตอบ "มึงร้องไห้จะกระโดดลงไปช่วยมัน แต่ตัวเองก็ว่ายน้ำไม่เป็น"
"สุดท้ายก็มีพระเอกขี่ม้าขาวกระโดดลงไปช่วยมันขึ้นมา" ฉันยังจำเหตุการณ์วันนั้นได้ดี
"มันไม่ได้ว่ายน้ำไม่เป็นนะเว้ย มันขาเจ็บเลยว่ายลำบาก"ไอ้คิมพูดต่อ
"แต่ยังไงก็ต้องขอบใจมึงอะที่ช่วยมันขึ้นมา"
"ขอบใจกูอะไรล่ะ ขอบใจมึงสิ คิดว่าถ้ากูมาคนเดียวกูจะช่วยมันไหม กูเห็นมึงโดดลงจากรถแล้วไปเกาะขอบสะพานโวยวายแล้วก็ร้องไห้จะกระโดดลงไปช่วยหมาจมน้ำ ทั้ง ๆ ที่มึงก็ว่ายน้ำไม่เป็น โดดลงไปตายห่าขึ้นมาทำไง"
สีหน้าตอนมันพูดดูจริงจังซะเหลือเกิน ฉันก็ได้แต่หัวเราะล่ะนะ นึกถึงตอนนั้นก็ตลกตัวเอง ถ้าไม่มีไอ้คิมแล้วฉันกระโดดลงไปจริง ๆ ก็ไม่รู้จะเป็นยังไง
"ก็กูกลัวมันตาย" ฉันมองลงไปในคลองก่อนจะหันกลับมาพูดกับคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ
"..."
"มึงไม่กลัวตายรึไง" เห็นมันเอาแต่จ้องหน้าฉันแล้วไม่ยอมพูดอะไร ฉันเลยถามต่อ
"แล้วมึงไม่กลัวตัวเองตายหรือไง" มันถามกลับ
"ตอนนั้นมันไม่ได้คิดอะไรหรอก"
"ตอนนั้นกูโคตรตกใจเลยรู้ปะ ถ้ามึงลงจากรถแล้วโดดลงไปเลยขึ้นมา กูคงทำอะไรไม่ถูก" สีหน้าของมันจริงจังมากบวกกับน้ำเสียงเรียบที่ไม่ค่อยจะได้ยินจากปากมันสักเท่าไหร่ ทำให้ฉันเชื่อว่าสิ่งที่มันพูดมันหมายความว่าอย่างนั้นจริง ๆ
"..." ฉันได้แต่อึ้งไม่ได้พูดอะไรเลย ไม่คิดว่ามันจะเป็นห่วงฉันขนาดนั้นเหมือนกัน แต่ก็นะ เพื่อนกันนี่ถ้ามันเป็นอะไรไป ฉันก็คงทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน
"อย่าทำอีกนะ มันอันตราย" มันย้ำอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นยิ่งขึ้นไปอีก
"อืม"
นั่งอยู่บนรถมานานในที่สุดก็ถึงสักที คิมโทรบอกให้ลุงคม พ่อของมันมารับเราที่ท่ารถ บ้านของฉันกับคิมเป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ เราต้องเดินทางออกจากตัวอำเภอไปประมาณ 20 กิโลถึงจะถึงบ้าน
"รอนานไหม" พ่อของไอ้คิมลงจากรถมาหาพวกเราที่กำลังนั่งรออย่างใจจดใจจ่อ อยากเจอหน้าแม่จะแย่แล้ว อยากกินกับข้าวฝีมือแม่ด้วย ไปเรียนตั้งนานกว่าจะมีโอกาสกลับบ้านสักครั้ง
"สวัสดีค่ะลุงคม" ฉันรีบยกมือขึ้นไหว้ทักทายทันที ความสัมพันธ์ของบ้านเราทั้งสองนั้นอยู่ในจุดที่เหนียวแน่นมาก เพราะเป็นเพื่อนบ้านรั้วติดกันมานานตั้งแต่รุ่นยาย
"เอ้อ สวัสดี สวยขึ้นรึเปล่าเนี่ยเจ้ารัก" ลุงยกมือรับไหว้พร้อมกับทักทายฉันอย่างเอ็นดู
"พ่ออย่าไปหลอกมันดิ" ไม่ทันได้ยิ้มรับคำทักทาย ไอ้คิมก็แทรกขึ้นก่อน
"อ้าวพ่อพูดจริงนะ"
เราสามคนขับรถกลับมาถึงที่บ้าน ฉันลงรถที่บ้านลุงคมแล้วเดินข้ามไปบ้านตัวเอง คิมมันตามมาด้วยเพราะช่วยหิ้วกระเป๋ากับข้าวของมาให้
"ป้าแรมครับ" ไอ้คิมมันร้องเรียกแม่เสียงดังลั่น แม่เลยเดินออกมาดูที่หน้าบ้านพร้อมกับน้าเรือง น้องชายของแม่ แต่แกเป็นสาวสองน่ะ
"ไม่เจอนานสวยขึ้นเยอะเลยน้าเรือง" ไอ้คิมร้องทักทายอย่างสนิทสนม
"ปากหวานแบบนี้มาเป็นของน้าเถอะมา ๆ "
"สวัสดีครับป้าแรม น้าเรือง" เดินเข้ามาถึงตัวบ้าน ไอ้คิมก็วางข้าวของแล้วไหว้ทักทายผู้ใหญ่ทันทีอย่างเป็นทางการอีกครั้ง
"สวัสดี ๆ เข้าบ้านมากินขนมก่อนไหมคิม ป้าทำไว้เผื่อเยอะเลย"
คิมนั่งเล่นอยู่บ้านฉันสักพักก็กลับไปบ้านตัวเอง แต่เรานัดกันไว้ว่าเย็นนี้จะไปตลาดด้วยกัน ว่าจะนัดเพื่อนมารวมกันสักหน่อย จัดปาร์ตี้เล็ก ๆ บนดาดฟ้าบ้านมัน
-บนดาดฟ้าบ้านคิม-
เรานัดกับเพื่อนเก่า ๆ ที่อยู่ละแวกเดียวกันมา 2-3 คนมีแอน กับต้อม สองคนนี้ไม่ได้เรียนแล้วเพราะกินกันเองแล้วพลาดท้องก็เลยต้องเดินตามทางที่เลือก ต้าร์ คนนี้เป็นเจ้ (สาวสอง) เรียนอยู่คนละมหาลัยกับฉัน และอ้อยใจ คนนี้ก็เรียนไปด้วยทำงานไปด้วย
"อีรัก มึงดูอีเจ๊ต้าร์บ้างนะ แต่ก่อนเป็นกะเทยหัวโปก เดี๋ยวนี้สวยเช้งวับ ส่วนมึงเนี่ยนอกจากผมยาวขึ้นก็ไม่มีเชี่ยไรเปลี่ยนเลย" ไอ้ต้อมที่ดื่มอย่างหนักจนหน้าแดงแจ๋พูดขึ้น ฉันไม่โกรธมันหรอก เพราะปากมันก็แบบนี้อยู่แล้ว
"สวยแล้วไงวะ มึงดูสภาพเมียมึงตอนนี้สิ แต่ก่อนเป็นดาวเด่นในโรงเรียน สภาพตอนนี้จะมีคนจำได้หรือเปล่ายังไม่รู้เลย เผลอ ๆ ถ้าไปประกาศตัว คนเขาจะหาว่าแอบอ้างอีกด้วย" อีเจ๊ต้าร์หันไปตอกใส่หน้าไอ้ต้อมทันที
เออลืมบอกไป เจ๊ต้าร์กับแอนเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน กัดกันเป็นปกติ ส่วนอีต้อมมันปากหมาแบบนี้แหละ แต่ฉันไม่เคยรู้สึกว่ามันมีเจตนาไม่ดีเลยนะ
"แหมมมม ปากดีเหลือเกินนะ โธ่ ๆ ๆ อย่างอีเจ้อะนะ ปลอมตั้งแต่หัวยัน…" แอนมองเจ๊ต้าร์จากหัวไล่ต่ำลงจนมาหยุดที่ใต้สะดือ สองคนนี้มันคู่กัดตลอดกาลไม่เคยเปลี่ยนเลยจริง ๆ
"ทำมาแล้วสวยกูก็โอเคนะ ไม่ใช่ปล่อยตัวเองให้โทรมแบบมึง แล้วรูปในเฟซอ่ะ เปลี่ยนบ้างก็ได้นะ กี่ปีกี่ชาติมาแล้ว" เจ๊ต้าร์มันก็ตอบกลับแบบโนสนโนแคร์
"โห นาน ๆ เจอกัน อย่าเพิ่งตีกันดิ" ฉันว่าฉันควรห้ามทัพก่อนที่มันจะบานปลาย
"กูเจอมันบ่อยจนเหม็นหน้า" แอนว่าก่อนจะยกแก้วขึ้นดื่ม
"แล้วไอ้ต้อมอะ" ไอ้คิมแกล้งถาม
ใช่ถ้ามึงจะบอกว่าเบื่ออีเจ๊ต้าร์ มึงควรจะเบื่อหน้าไอ้ต้อมผัวมึงมากกว่านะ
“ทำไงได้ เหม็นแค่ไหนก็ผัว อยากจะเปลี่ยนผัวใหม่ก็ทำไม่ได้" แอนแกล้งว่า ไอ้ต้อมได้ยินแบบนั้นก็หยิบผักในจานมาปาใส่เมียทันที
"ไม่น่าเชื่อเหมือนกันว่าพวกมึงจะได้กัน กูเห็นไอ้ต้อมแม่งม่อไปทั่ว อีแอนนี่ก็อดีตดาวเด่น ไม่น่าจะลดตัวมาเอาคนแบบนี้” ไอ้คิมพูดขึ้น
ทำอย่างกับมึงไม่มั่วเล้ย แต่เห็นมันชมแอนแบบนี้มันไม่เคยจีบแอนนะ ข้อหนึ่งที่ฉันแอบหวั่นตอนที่เอาใจไปให้มันก็คือ ไอ้คิมมันเหมือนจะไม่นิยมเอาเพื่อนมาเป็นแฟน แต่ฉันคงไม่ต้องไปคิดไกลขนาดนั้นหรอก เพราะถึงมันจะเอาเพื่อนมาเป็นแฟน ฉันก็คงไม่ใช่เพื่อนคนนั้นอยู่ดี ถ้าจะเป็นคงได้เป็นไปตั้งนานแล้วดูสภาพฉันสิ ใครจะมาชอบ
"พอถึงเวลาเจอคนที่ใช่จริง ๆ เดี๋ยวแม่งก็หยุดเองอะ” ไอ้ต้อมตอบกลับ พวกเราคุยกันไปปิ้งบาร์บีคิว ปิ้งของกินไปเรื่อย ๆ คุยสัพเพเหระไปทั่ว
“จริงมึง สมัยกูฮ็อต ๆ นะ คนมาจีบกูเยอะมาก คนนั้นก็ดีคนนี้ก็รวย สุดท้ายก็มาจบที่ไอ้ต้อม”
“สมัยฮ็อต ๆ สวยมากค่ะ สวยเลือกได้” อีเจ๊ต้าร์แกล้งแขวะ
"แต่แม่งก็เพื่อนกันปะวะ” เรื่องของไอ้ต้อมกับแอนยังคงเป็นหัวข้อที่เราพูดกันอยู่ตอนนี้ มันไม่น่าจะโคจรมาได้กันเลยไง ตอนที่รู้ครั้งแรกยังคิดว่าพวกมันอำเลย
“คิดง่าย ๆ ต่างคนต่างไม่มีใครเอาแล้วไง” เจ๊ต้าร์แทรกขึ้นอีกครั้ง
"เออ ยิ่งมึงรู้ว่ามันเจ้าชู้ มึงไม่กลัวเหรอ" อ้อยใจหันไปถามแอน มันส่ายหัวก่อนจะยกแก้วขึ้นซด
"หอบลูกหนีอย่างเดียวกูบอกแค่นี้ได้ไม่มีทางได้มาขอโอกาส กูจะไปแบบไม่ให้เห็นเงาเลย" มันตอบสั้น ๆ ก่อนจะหันไปหาไอ้ต้อมแล้วทำหน้าขู่
"ใครจะไปคิดวะ เพื่อนกัน ฝันถึงทุกคืน" เป็นไอ้ต้อมที่พูดประโยคนี้
"ง้อววววววว" พวกเราพูดขึ้นพร้อมกัน
“ตอนกูรู้เรื่องนะ กูนึกว่าผีผลัก” อ้อยใจแทรกขึ้น
"แรก ๆ กูก็ว่ากูหน้ามืดอะไร เฮ้ยไอ้คิม เหล้าจะหมดแล้วว่ะ” คิมกับต้าร์มองหน้ากัน ไอ้ต้อมมันจะเติมแน่ ๆ
"ไหนว่าแค่เบา ๆ " ไอ้คิมเจ้าของบ้านเอ่ยถาม
"กินเบา ๆ จะกินทำไมวะ" แอนหันไปโวย
"พูดงี้กูลงไปเอาตังค์เลยนะเนี่ย" ไอ้คิมดูจะถูกใจคำพูดของแอนนะ
"พูดงี้กูลงไปสตาร์ทรถรอเลยนะเนี่ย" ไอ้ต้อมก็สนับสนุนขึ้นมาเลยเลย สรุปต้อมกับคิมลงไปซื้อเหล้ากันเหลือแต่สาว ๆ นั่งคุยกันอยู่
"อีรักกูพูดเลยนะ มึงยังชอบไอ้คิมอยู่ใช่ไหม" แอนเปิดประเด็นขึ้นมาก่อน
"เฮ้ย บ้า พวกมึงยังไม่เลิกคิดแบบนี้อีกเหรอวะ"
ฉันก็ปฏิเสธเหมือนเดิม ใครจะกล้ารับวะ
"มึงอยากเป็นครูมาทั้งชีวิต อยู่ๆ เลือกเรียนวิจิตรเฉย สอบติดมหาลัย N ก็ไม่ไป ดันเลือกเรียนมหาลัยเดียวกับมัน จะให้พวกกูคิดไงวะ" อ้อยใจเสริมขึ้น (มหาลัย N สมมติว่าเป็นมหาลัยที่มีชื่อเสียงละแวกนี้)
"ก็มันใกล้บ้าน กูแค่อยากอยู่ใกล้บ้าน"
"มหาลัย N ก็ใกล้บ้านปะ มึงอยากอยู่ใกล้บ้านหรือใกล้ไอ้คิมกันแน่ กูเห็นมันเปลี่ยนแฟนอย่างกับเปลี่ยนกางเกงใน เปลี่ยนบ่อยฉิบหายมึงทนดูได้ไงวะ" แอนพูดต่อ
แหม กูไม่ได้ทนได้ แต่กูทำไรไม่ได้ปะวะ
"เออ ชอบก็บอกไปดิวะ มัวชักช้าเดี๋ยวเกิดมันพลาดไปทำใครท้องนี่อดเลยนะมึง" เจ๊ต้าร์พูดขึ้นบ้าง
"พวกมึงนี่พูดไม่ฟังเลยเว้ย กูบอกว่าไม่ได้ชอบมันไง" พอฉันตอบไปแบบนี้ อีเจ๊ต้าร์เบะปากมองบนแรงมาก
"เอางี้ ถ้ามึงอยากทำตัวให้สวยกว่านี้ก่อนแล้วค่อยบอกไอ้คิม บอกกูได้นะ กูมี..."
"ไม่ต้องฟังมัน มันจะขายครีม" เจ๊ต้าร์ยังพูดไม่ทัน อีแอนก็แทรกก่อน
"อ้าวอีนี่ ขายจริง แต่กูจะช่วยปรับบุคลิกอีรักให้ดูดีกว่าตอนนี้ด้วยไง อืม... ถ้ารักษาสิวสักหน่อย ผมเผ้าทำให้มันดี ๆ กว่านี้ก็น่าจะโอเคนะ" เจ๊ต้าร์หันไปว่าอีแอนก่อนจะหันมาจับหน้าฉันพลิกไปมา
“โอ๊ย มันสวยไม่ได้แล้ว ถึงขนาดนี้แล้ว"
"มึงจำความหน้าเทา หัวเกรียน คอกับหน้าคนละสีของกูได้มะ กูกับมึงก็ไม่ต่างกันหรอก มีแต่คนรุมด่า ผู้ชายก็รุมแกล้งกู แล้วกูทำไง กูลุกขึ้นยืนพูดกับตัวเองสวย ๆ สักวันกูต้องข้ามตรงนั้นมาให้ได้ ผู้หญิงทุกคนมีความสวยในตัวเองทั้งนั้นอยู่ที่มึงจะดึงมันออกมายังไง ส่วนกูใช้เงินจ่าย ง่ายและรวดเร็วค่ะ"
ฉันคิดตามที่ต้าร์พูดแล้วก็น่าสนดีนะ ฉันไม่เคยคิดเปลี่ยนแปลงตัวเองเลย นึกไม่ออกเลยว่ามันจะเป็นไง กลัวทำไปแล้วมันจะไม่ดีขึ้น กลายเป็นว่าพยายามแล้วได้แต่ความว่างเปล่า แบบนั้นมันจะไม่ยิ่งแย่เหรอวะ
เราดื่มกันมาสักพักใหญ่ ความหน้าใหญ่ของไอ้เจ้าของบ้านไม่มีใครเกินเลยจริง ๆ ยิ่งเมายิ่งควัก (แล้วที่ควักคือตังค์พ่ออะ) พอเมากันจนได้ที่ แอนมันก็ขอตัวกลับก่อนเพราะต้องไปดูลูก อ้อยใจมันก็กินหนักไม่ได้ เหลือฉัน เจ้ต้าร์ แล้วก็ต้อม ส่วนไอ้คิมมันบ้าถึงขนาดไปขนเต็นท์ขึ้นมากางรอไว้เลย มันบอกคืนนี้จะเมาให้คลานนอนบนนี้ได้ก็นอน
"จะเอาอะไรบอกคิม วันนี้คิมเลี้ยง" ดูสภาพแล้วมันคงเมาหนักมากจริง ๆ นั่นแหละ
"คิมเลี้ยงเชี่ยไรล่ะ เงินลุงคมทั้งนั้น" ไอ้ต้อมร้องตะโกนแย้งไอ้คนเมาใจป๋า
"เงินพ่อ...ก็เหมือนเงินกู แต่เงินกูก็คือเงินกูมึงเข้าใจที่กูพูดป่ะ" ไอ้คิมชูไม้ชูมือพูดจาอ้อแอ้ไม่รู้เรื่อง เฮ้อ...
"อึก... กูไม่ไหวแล้วอะ กลับนะ เวียนหัวฉิบหาย" อยู่ ๆ เจ้ต้าร์มันก็ลุกขึ้นแล้วยกมือปิดปากเหมือนจะอ้วก จากนั้นก็เดินโซเซออกไป
"เฮ้ย... เจ๊ต้าร์คอทองแดงกลับก่อนได้ไงวะ มึงดูที่รักผู้แดกเหล้าไม่เป็นของกูสิ มันยังนั่งหัวโด่อยู่เลย" ไอ้คิมหันมองคนที่เดินจากไป พร้อมกับตะโกนบอก
"อีรักมันแดกผสมเป๊ปซี่ แต่กูแดกเพียวไหม ไปแล้วนะ จะโทรหาผัวด้วย" เจ๊ต้าร์ที่กำลังจะเดินลงจากดาดฟ้าหันมาร้องตอบ
"กลับดีๆ นะจ๊ะ" ไอ้คิมยกมือขึ้นโบกได้แป๊บหนึ่งก็ล่วงลงที่เดิม
ตอนนี้เหลือกันแค่สามคนแล้ว ฉันเองก็มึนหัวนิด ๆ แล้วเหมือนกัน แต่ดูท่าไอ้คิมกับไอ้ต้อมนี่จะไม่เลิกกันง่าย ๆ
"พอได้แล้วมั้งมึง ดูจากสภาพแล้วพวกมึงแม่งเมาฉิบหาย" ฉันขยับเข้าไปบอกไอ้สองตัวที่นอนแผ่หลาอยู่บนพื้น
"เมาคืออะไรครับ กูไม่รู้จัก" เหรอคิมเหรอ สภาพมึงแย่ที่สุดเลยตอนนี้เนี่ย
"ต้อมไม่รู้ ต้อมไม่เคยเมา"
โอ๊ยสภาพพวกมึงตอนนี้นี่ให้นอนกับหมา หมายังรังเกียจเลยมั้ง เมาจนหน้าแดงหน้าดำกันแล้ว
"ไอ้ต้อมกลับได้แล้ว! ให้มันรู้เวลาบ้างสี่ทุ่มกว่าแล้ว มึงจะอยู่รอสวรรค์วิมานอะไร" แอนเดินขึ้นมาตามไอ้ต้อมกลับบ้าน สภาพมันตอนนี้แค่จะลุกยังลำบากเลย แอนเดินมาประคองตัวไอ้ต้อมให้ยืนขึ้น พอยืนได้มันก็เซไปเซมาจะล้มให้ได้ ฉันเลยต้องไปช่วยประคองลงไปส่งที่รถ ส่งต้อมกับแอนเสร็จก็กลับขึ้นมาหาไอ้คิมบนดาดฟ้า ฉันทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ มัน
"เหลือแต่มึงแล้ว จะเอาไง จะลงไปนอนในห้องหรือจะนอนในเต็นท์ กูจะกลับบ้านแล้ว" คิมมันไม่ได้ตอบอะไร แต่มันเอื้อมมือมาดึงฉันลงไปนอนข้างๆ มัน
"อยู่เป็นเพื่อนกูก่อนนะ กูยังอยากนอนดูดาวต่อ" ฉันนิ่งไม่พูดอะไร แต่ยังคงนอนอยู่ข้าง ๆ มันแบบนั้น ฉันหันไปมองมันที่กำลังหลับตาพริ้มเพราะแอลกอฮอล์ที่ไหลเวียนในตัวมัน อยากอยู่แบบนี้นาน ๆ จังเลย ฉันฉวยโอกาสจับมือมันไว้ แล้วแหงนหน้าขึ้นมองดาวนับล้านบนท้องฟ้า วันนี้ท้องฟ้าสวยจริงๆ ไม่รู้เพราะอากาศดีหรือเพราะท้องฟ้า ปลอดโปร่ง ไม่ก็คงเพราะได้อยู่กับคนที่ชอบ
Line!! -เลโอ-
"ใครไลน์มาหาอะ" อ้าวนึกว่าหลับไปแล้วซะอีก เสียงไอ้คิมร้องถามพร้อมกับชูไม้ชูมือจะแย่งโทรศัพท์ไปจากฉัน
"เลโออะ มันจะถามเรื่องเรียน" ฉันกดดูข้อความก่อนจะตอบไอ้ขี้เมาที่นอนอยู่ข้าง ๆ
"เอามานี่" มันพลิกตัวมาดึงโทรศัพท์จากมือฉันไปวางไว้อีกฝั่งหนึ่ง
"อ้าว"
"เดี๋ยวค่อยตอบ ตอนนี้อยู่เงียบ ๆ กันสองคนก่อนได้ไหม" น้ำเสียงมันฟังดูอ้อน ๆ แปลก ๆ ว่ะ ฟังแล้วขนลุก แต่ก็น่ารักดี ฉันก็ทำตามที่มันบอกด้วย (บ้าจี้ไปกับมันอีก)
"มึงรู้ไหม กูไม่ชอบขี้หน้าไอ้เด็กนี่เลย ขี้เก๊กฉิบหาย เห็นแล้วตีนกระตุก" อยู่ ๆ ไอ้คิมก็พูดขึ้นมา จ้า มึงดูสภาพมึงตอนนี้ก่อนไหม ตีนกระตุกอะไรของมึง แค่จะลุกยังไม่ไหวเลย
"มันไปทำอะไรให้มึงหะ" ฉันถามพร้อมกับจิ้มไปที่หน้ามันทีหนึ่ง
"กูไม่ถูกชะตาว่ะ เห็นแล้วอยากจะขอสักฝุ่น"
จ้า ไอ้คนเก่ง สภาพมึงตอนนี้จะเดินยังไม่ไหวเลย
"แบบนี้ก็ได้เหรอวะ"
"ไม่รู้อะ รู้แต่ว่าไม่ชอบมัน ไม่ชอบเวลาที่มันเหมือนมาจีบมึง" มันคงเมาหนักจนพูดเพ้อเจ้อไปทั่วสินะ เฮ้อ…
"ใครจะมาชอบกูวะ"
"กู" ฉันแทบไม่เชื่อหูตัวเอง ไม่รู้ว่าสิ่งที่มันพูดออกมาเกิดจากความเมาหรือมันจะอำอะไรฉันหรือเปล่า
"กูชอบนะ เวลาอยู่กับมึง กูรู้สึกว่ากูสบายใจ กูเหมือนได้เป็นตัวเอง กูชอบ...."
ถ้ามึงจะเว้นวรรคส้นตีนแบบนี้นะ
“....” ฉันไม่ได้พูดอะไรต่อเพราะกำลังรอฟังมันพูด ฉันมั่นใจเลยว่านี่มันกำลังเว้นวรรคอยู่
"กูอาจจะเลวกับคนอื่นนะ แต่นอกจากครอบครัวกูแล้ว คนเดียวที่กูไม่คิดจะทำตัวเลว ๆ ใส่..." มันหันมาลืมตามองหน้าฉัน
"ก็คงมีแค่มึง" พูดจบประโยคสุดท้ายมันก็หลับตาลง มึงจะหลับง่าย ๆ แบบนี้เลยเหรอ แล้วกูล่ะ
"อ้าวคิม ไอ้คิม เฮ้ย นี่มึงหลับจริงจังปะเนี่ย" ฉันพลิกตัวนอนคว่ำแล้วขยับเข้าไปดูมันใกล้ ๆ หลับจริงหรือแกล้งวะเนี่ย
"ไอ้คิม" ฉันใช้มือข้างหนึ่งเขย่าตัวมันแต่ก็นิ่งสงบไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบอะไร ฉันมองดูมันหลับอยู่อย่างนั้น ได้แต่พูดกับตัวเองตลอดว่ามันเพื่อนเรานะเว้ย โตมาด้วยกัน เห็นกันมาตั้งแต่เด็ก เห็นผู้หญิงที่มันคบแต่ละคน แจ่ม ๆ ทั้งนั้น แล้วดูมึงสิรัก มึงมีอะไร หน้าก็มีแต่สิว ผิวก็คล้ำ มีแต้มบุญมากพอที่จะได้มาเกิดอยู่บ้านใกล้กันเลยได้เป็นเพื่อนกันก็ดีแค่ไหนแล้ว
อยู่ ๆ ในหัวก็ผุดความคิดบ้า ๆ ขึ้นไม่รู้ว่าเป็นเพราะฉันเมาหรือเปล่า แต่ฉันก็ไม่ได้กินเยอะนี่ แล้วทำไม... ใจมันเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ หน้ามันร้อนยังกับเอาหน้าไปอังกองไฟ ระยะห่างของหน้าฉันกับหน้าคนที่กำลังนอนหลับอยู่มันห่างกันแค่ฝ่ามือกั้น อย่านะที่รัก มึงอย่าทำอะไรบ้า ๆ นะเว้ย แต่ดูท่าแล้วสมองกับหัวใจ มันจะไปคนละทาง ฉันก้มลงขโมยจูบเพื่อนสนิทของตัวเองที่กำลังหลับเพราะพิษสุรา หวังว่ามันจะหลับไปแล้ว หลับแบบหลับลึก ๆ ไม่รู้สึกอะไรแล้วนะ
"กูรักมึงนะ" ฉันประคองตัวเองให้ลุกขึ้นตั้งใจจะกลับบ้าน แต่พอหันกลับไปมองคนเมาที่นอนแอ้งแม้งอยู่ก็ปล่อยให้มันโดนยุงรุมกัดไม่ได้ ฉันเดินไปหยิบยากันยุงแบบสเปรย์ที่อยู่ในเต็นท์มาฉีด ๆ กันยุงให้มัน นิ่งขนาดนี้คงจะหลับจริง ๆ นั่นแหละ ถ้าไม่หลับ ก็ถือว่ามันเมาจนคุมตัวเองไม่ได้ก็แล้วกัน