รังหงส์พูดอย่างที่บอกไว้กับมารดาไม่ถึงสิบนาทีต่อมานิสิตสาวสวยจึงเข้าห้องอาบน้ำแล้วเตรียมตัวเข้านอน ภายในอพาร์ทเม้นที่เช่ากันอยู่สองคนพี่น้อง ความครื้มใจของเขาอีกหรือเปล่า.. กับการที่รู้สึกนอนไม่หลับแล้วก็ไม่สามารถข่มตาให้หลับลงได้..เตชิต หนุ่มที่ละม้ายแฝดห่างปีกับเตลานผู้พี่ก็ลงจากเตียง เปิดไฟสว่างแล้วตัวเองก็ตรงไปที่จอคอม..เล่นคอมดีกว่า ครั้นไฟเปิดสว่างผู้พี่ชายเองก็ทำท่าจะนอนไม่หลับเช่นกันแต่ก็รับรู้จากคำเอ่ยเบาของน้องชายที่รบกวนในเวลานี้
“ แต๊งค์นอนไม่หลับน่ะพี่เตน ขอเล่นคอมหน่อย”
“ อือม.” . เสียงบ่นพึมพำหลุดเล็กน้อยจากคนบนเตียงรับทราบ และไม่อยากตื่นงัวเงีย จากนั้นเตชิตผู้น้องหลังจากที่กดเปิดจอคอมและสว่างขึ้นเฉพาะที่ก็ปิดไฟดวงใหญ่ จนเกือบชั่วโมงจึงปิดจอคอมแล้วโผขึ้นไปที่เตียงอีกครั้ง เพราะนึกง่วงจัดแล้ว
ฝ่ายประภารัศศิมีสาวสวยหน้าหวานเป็นสาวหมวยที่มีดวงตาค่อนข้างคม อารมณ์ดีเป็นเนืองนิตย์ ยิ้มระรื่น ไม่ค่อยเครียดเหมือนพี่สาว แอบมายืนอยู่หลังพี่สาวนานพอสมควร รังหงส์กลับเข้ามาที่ห้องของตนเองจัดข้าวของขยับผ้าปูเตียงให้เรียบเข้าที่
“ อ้าว รัศศิ เธอเข้ามายืนหลังพี่ตั้งแต่เมื่อไหร่” คนแอบยืนอยู่หลังหัวเราะคิกๆขึ้นมาก่อนเอ่ย
“ ไม่นานค่ะ ก็ตอนที่พี่หงส์มัวแต่ขยับผ้าปูเตียงวางหมอนแล้วก็หมอนข้าง รัศศิก็เดินมาอย่างเงียบๆ”
“ ต๊ายทำมาย่องเบาห้องพี่เหมือนโจรไม่มีผิดเลย”
ผู้เป็นพี่สาวค่อนว่า แต่ประภารัศศิโกรธยากเพราะอารมณ์แจ่มใสเป็นเนืองนิตย์บวกกับใบหน้าหวานๆไม่ค่อยทุกข์ร้อนเช่นคนอื่น ยิ้มส่งให้พี่สาวอีก
“ พี่หงส์ไปไหนมาคะ ตะกี้ หนูเข้ามาห้องทีหนึ่งแล้ว ไม่เจอพี่หงส์” อ่อ ..รัศศิน้องสาวคงจะมาหาเธอในห้องช่วงที่รังหงส์นึกโรแมนติคส่วนตัวใช้ชีวิตส่วนหนึ่งชั่วครู่ที่ผ่านมานี้ออกที่ระเบียงตึกข้างนอกระเบียงกว้างลูกกรงนั่นเอง เลยบอกน้องสาว “ พี่ยืนอยู่ข้างนอกจ้ะ คิดเรื่อยเปื่อย” ผู้เป็นน้องสาวคนรองจึงรับทราบ แล้วขมวดคิ้วถามกลับไปที่น้องสาวอีกครั้ง
“ เธอตามหาพี่เหมือนกันหรือไงรัศศิ หรือมีธุระอะไรให้พี่ช่วย”
น้องสาวคนที่สองอมยิ้มอีกครั้ง ดวงหน้าและเรียวปากที่ค่อนข้างหวานได้รูปเช่นสองพี่น้องความแตกต่างไม่ค่อยมีนัก สวยเท่าเทียมกัน “ นิดหน่อยค่ะ การบ้านรัศศิทำเสร็จแล้ว อยากมานั่งคุยกับพี่หงส์ ไม่รู้ว่าพี่หงส์จะนอนแล้วหรือยัง ถ้ารัศศิจะมากวน”
เธอเข้าใจความรู้สึกของน้องสาวจึงพยักหน้า “ เอ้า ได้จ้ะ มีอะไรก็พูดมาสิ รัศศิ พี่พร้อมจะฟังแล้วก็แนะนำให้”
จากนั้นสองพี่น้องก็นั่งคุยกันส่วนมากจะเป็นสารทุกข์เรื่องในมหาวิทยาลัย ที่ทั้งคู่เรียนที่เดียวกัน แต่ว่าคนละคณะ ความคืบหน้าของการเรียน และการเปลี่ยนแปลงของมหาวิทยาลัย ข่าวสารต่างๆที่บางครั้งรังหงส์ไม่ได้รับรู้ น้องสาวหัวไวกว่ารับทราบจึงมาบอกเธอ
ประมาณสักครึ่งชั่วโมงได้ จากนั้นประภารัศศิขอตัวกลับเข้าห้องของตนเองที่อยู่ถัดไปจากพี่สาวนั่นเอง ส่วนทางด้านขวาสุดเป็นห้องของน้องนุชคนสุดท้อง รังเพชร เป็นห้องที่บิดามารดาพักร่วมด้วย ดังกล่าวคือห้องใหญ่ของครอบครัวที่ รังหงส์และประภารัศศิลูกสาวทั้งสองของท่านเคยนอนมาก่อนตั้งแต่สมัยยังแบเบาะและชั้นประถม พอขึ้นมัธยมจึงได้ห้องส่วนตัวกัน บิดาตกแต่งเตรียมพร้อมไว้ก่อนหน้าแล้ว รังเพชรเมื่อโตเป็นสาวมากกว่านี้ก็คงจะขอแยกห้องมาอยู่เดี่ยวเหมือนอย่างพี่สาวทั้งสอง
พรุ่งนี้เองนั้นประภารัศศิต้องตื่นแต่เช้าพร้อมกับพี่สาวและน้องสาวทั้งสองมีหน้าที่ไปเรียนหนังสือเพื่อให้จบปริญญาตามที่บิดาและมารดารอคอยและตัวเธอเองก็มุ่งฝันไว้ มันเป็นปลายทางกับความสำเร็จที่เธอเองเฝ้ารอคอยให้มาถึงมาเยือนโดยเร็วไว
*****
รุ่งเช้าตรู่นางสาวเดือนชมพูอาศัยนั่งรถของน้าสาวที่ขับมาส่งเธอของบริเวณสี่แยกถนนใหญ่ของถนนสุขุมวิทอุดมสุข เพื่อช่วยให้เธอเดินทางไปยังมหาวิทยาลัยได้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น.. เดือนชมพูเองมักจะมารอรถเมล์ที่ป้ายซึ่งปัจจุบันสถานีรถไฟฟ้าอุดมสุขสร้างเสร็จแล้วแต่ยังไม่เปิดทำการ.. ถึงแม้ว่าจะเปิดใช้บริการจริง เดือนชมพูก็ยังคงจะใช้บริการรถเมล์ตามปกติเพราะสะดวกสบายเช่นกัน.. อีกสำคัญราคาไม่แพงอย่างที่ราคาของรถไฟฟ้า อยากเก็บเงินไว้ในกระเป๋า อีกอย่างการใช้จ่ายอย่างประหยัดเป็นสิ่งที่มีคุณค่าในจิตใจเป็นอย่างมาก
ฐานะของเธอเป็นเพียงลูกสาวชาวนาที่พ่อแม่ทนตรากตรำหลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดิน ทนต่อการเอารัดเอาเปรียบของพ่อค้าคนกลางนายทุน ที่จ้องจะเอาเปรียบตลอดเวลาในช่วงเวลาที่ผลผลิตรวงข้าวสีทองเหลืองอร่ามกำลังจะสุกอร่ามเต็มที่.. นึกถึงทางบ้านเดือนชมพูเซ็งต่อการเอารัดเอาเปรียบของเถ้าแก่โรงสี ที่ชาวนาทั้งหมู่บ้านดูเหมือนจะตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
ในราคาที่ถูกตั้งระบุเอาเองตามใจชอบ ถ้าเกิดชาวนาไม่ขายข้าวก็ไม่รู้ว่าจะเอาอะไรกินและใช้หนี้สินที่ติดค้างเมื่อปีที่แล้ว หากเอ่ยถึงอาชีพชาวนาภาพที่เห็นเธอสามารถบอกได้แบบนี้
รู้สึกหดหู่เศร้าใจอย่างบอกไม่ถูก กับอาชีพที่เป็นกระดุกสันหลังของชาติ..แต่ไม่ได้รับการเหลียวแลจากรัฐมากเท่าที่ควร.. ซ้ำหนำร้ายยังจะกดขี่หาทางเอารัดเอาเปรียบ..ในการจำนำราคาข้าว ฮั้วกับนายทุนบริษัทเอกชน กำหนดราคาเสียไม่นึกสงสารเห็นใจอาชีพที่เลี้ยงคนทั้งประเทศ
พูดถึงเรื่องนี้เดือนชมพูก็มีเลือดฮึดเลือดเดือดเช่นกัน.. เคยบอกกล่าวแก่พ่อและแม่ของเธอ ท่านทั้งสองเอ่ยขึ้นว่า “ ทำยังงั้นไม่ได้หรอกลูกเอ๋ย ยายพู่ อาชีพนี้บรรพบุรุษรุ่นปู่ย่าของเราสอนไว้.. แล้วทำตาม ทิ้งไม่ได้หรอกลูก มันเป็นสิ่งที่บรรพบุรุษหลงเหลือให้..อย่างน้อยก็มีข้าวกินดีกว่าไปซื้อเขา”
พอพ่อเธอเอ่ยขึ้นอย่างนี้ถึงกับอึ้งพูดไม่ออกเช่นเดียวกัน พอหันหน้าไปทางมารดาท่านก็พยักหน้าเช่นเดียวกัน เดือนชมพูเป็นเด็กสาวชาวนาที่ตระกูลนี้ทั้งตระกูลสมองดีเป็นเลิศ พี่ชายของเธอทั้งสองมีการเรียนเด่นตลอดมาล้วนเป็นสายวิทย์คณิตสอบได้อันดับต้นมาตั้งแต่ชั้นประถมจนถึงชั้นมัธยม และบรรดาญาติพี่น้องเชื้อสายเดียวกันที่รับราชการอยู่ในชนบทก็เป็นส่วนมาก เป็นครู เป็นผู้พิพากษาทนายความ
ดังนั้นไฟฝันในใจของเดือนชมพู ต้องการเรียนให้จบได้ทำงาน เป็นแพทย์หญิงกลับไปรับใช้ชนบทภูธรของเธอให้สมกับอาชีพแม่พระของคนเจ็บป่วย
ช่วงที่เธอตื่นนั้นมีความรู้สึกว่าน้าเขยคือ นวกิจ น้าปอน ยังไม่ตื่น ซึ่งเธอก็ต่านตั้งแต่เช้า ลงมาเสียบกาน้ำร้อน ทานขนมปังกับโอวัลตินก่อนออกจากบ้าน.. ชงกาแฟให้ผู้เป็นน้าสาวด้วย น้าเพ็ญผ่องเองต้องลุกไปทำงานแต่เช้าตรู่
“ยายจอมยุ่ง”
เสียงดังหันมาจากทางเบื้องหลังเป็นสุ้มเสียงที่เดือนชมพูคุ้นเคยเป็นอย่างดีจึงหันขวับไปยิ้มให้ด้วยพี่ชายของเธอนั่นเองคงเดินมาดักเธอที่ตึกคณะแพทย์
“พี่เตน” เตนหรือเตลานยิ้มร่าเริงใบหน้าใสส่งความรู้สึกที่ดีให้แก่น้องสาว เดินตรงเข้าไปตบบ่าของน้องสาวเบา
“ เพิ่งมาถึงเหรอ พี่มองหาเราตั้งนาน วันนี้มีตังค์ให้พี่สักสามร้อยมั๊ย ของพี่แต็งค์เอาไปทำรายงานส่งอาจารย์ ก็เลยเหลือติดแค่ร้อยกว่า..เงินสอนเด็กของพี่ยังไม่ออก แต่ถ้าออกเมื่อไหร่พี่จะคืนพู่ ตกลงมั๊ยจ้ะน้องสาว”
เท่าที่พี่ชายเอ่ยพูด เธอพยักหน้า ที่จริง..ก็เป็นเงินที่น้าสาวฝากส่งเผื่อมาให้พี่ชายของเธอนั่นเองราวกับน้าสาวจะรู้ว่าเงินขาด.. เมื่อเช้าตรู่น้าสาวส่งแบ๊งค์ห้าร้อยให้ใบหนึ่ง บอกว่าให้พี่ชายของเธอ
“ ได้ค่ะ พี่เตน พอดีน้าเพ็ญให้เงินพู่มาด้วย เอ ทำไมรู้ว่าพี่เตนเงินขาด ยังพูดเลยนะคะ หยิ่งอย่างพี่เตนเกรงใจน้าของตัวเองมากเกินไป น้าเพ็ญบอกว่าปล่อยให้อดเสียให้เข็ด”
เขาได้ยินคำพูดของน้าสาวฝากบริภาษผ่านมาทางน้องสาวก็ยิ้มขำๆอายเหมือนกัน ก็คงจะเป็นจริง.. แล้วก็นึกงงไปอีกอย่างที่ผู้เป็นน้าสาวนั้นฝากเงินไว้ให้ใช้ ราวกับรู้ว่าเงินกำลังขาดมือ ก็เลยนึกขอบคุณน้าสาวเอื้อมมือหยิบธนบัตรจากน้องสาว แล้วเอ่ย
“ งั้นพี่ไปก่อนล่ะ”
เอาแล้วล่ะ พี่ชายเธอ แหม..มาดักพบน้องเพื่อขอเงินหรือพี่เตน ทำไมไม่ถามไถ่อย่างอื่นบ้างล่ะ เช่นความเป็นอยู่ของเธอสุขสบายดีไหม.. ฮึ พี่เตนบ้า.. แล้วเดือนชมพูก็เดินขึ้นตึก
เขารี่มาทักสาวสวยนิสิตหน้าหวานเมื่อปะหน้า
“ หวัดดีครับคุณหนู”
ประภารัศศิถลีงหน้าตาใส่ทันที เชิดเมิน เขาใช้สำเนียงในการเรียกเธอประชดนี่นา แถมยังเดินมาขวางทางขึ้นตึกของเธออีก
“ หลีกเดี๋ยวนี้นะนายเตน” หนุ่มหล่อลูกชาวนายิ้มให้อย่างกวน..นึกอยากจะแกล้ง แล้วอมยิ้มยียวน
“ ถ้าไม่ไปล่ะจะว่าไง แถวนี้เขาไม่ได้ห้ามหวงนะที่ใครจะเดินผ่านไปผ่านมาได้”
สาวสวยหน้าตึงขึ้นมาทันที..เจอย้อนคำแสบเข้าให้แล้ว
“ มีเรื่อง”
ประภารัศศิหลุดปากออกมาทันที..
“ ฉันจะโวยวายให้ดูว่ามีพวกโรคจิตอุบาทว์มาป้วนเปี้ยนแถวนี้”
เตลานถึงกับอึ้งชะงักเหมือนกันกับวาจาสาวสวยทายาทโฮโซ ที่หน้าตาของหล่อนสวยน่ารักจนเขาอยากจะแกล้งไม่เว้นทั้งพี่สาวคนสวยของเธอ..