เพ็ญผ่องจึงถามหลานสาว เมื่อนึกถึง
“เอ้อ นี่ เตนกับแต้งค์ พี่ชายของเราเป็นยังไงบ้างล่ะ พู่ เพราะสองคนนั่น อยู่กันตามลำพัง น้าก็เป็นห่วง ไม่รู้ว่าเงินจำพอใช้หรือเปล่า ที่บอกว่า มี งานเสริม สอนเด็กนักเรียนจะพอกับค่าใช้จ่ายหรือเปล่า?”
“ ค่ะ น้าเพ็ญ พี่เตนกับพี่แต้งค์ ก็เป็นอย่างนี้แหละค่ะ”
“แต่ น้าว่าแบบนี้ไมดีนะ”
“ แต่ พี่เตน มีงานสอนพิเศษ คือติวหนังสือให้กับน้องๆชั้นสาธิตมัธยม แล้วเดือนหนึ่งก็ได้หลายพันนะคะ คิดว่า พอจะอยู่ได้”
ตราบใดที่ยังไม่รู้ความจริงจากปากของสองหนุ่มผู้เป็นหลานสาวอีก.. เพ็ญผ่องก็ไม่ค่อยจะเชื่อสักเท่าไหร่นัก.. กลัวจะอดมื้อกินมื้ออยู่อย่างขาดแคลนน่ะสิ ..
แต่ก็ช่างเถอะ มันทำตัวห่างเหินน้าสาวคนนี้เอง ขี้เกรงใจมากเกินไป ปล่อยให้อดกันอย่างนี้ล่ะ จะได้เข็ด.. เพราะจะว่าไป เพ็ญผ่องนึกเป็นห่วงเป็นใยหลานชายทั้งสองเสมอ หล่อนไม่ลืมสักนิดที่รับคำมั่นผู้เป็นอาสาวซึ่งเป็นแม่ของเด็ก
เดือนชมพูพูดตามที่ได้ยินพี่ชายทั้งสองอธิบาย.. ไม่คิดว่าเขาจะโกหกหรอก เสียงใสตอบน้าสาว เพ็ญผ่องยิ้มรับพยักหน้าแต่ไม่เอ่ยอะไร
จึงกระทั่งเข้าถึงบ้านพักจอดรถไว้..จากนั้นพากันเดินเข้าไปข้างใน
สามีบ่นว่าร้อนเหนียวตัวอยากจะอาบน้ำ
จึงได้ขอตัวขึ้นไปชั้นบนก่อน ส่วนเพ็ญผ่องขอตัวเดินเข้าไปในครัว เพื่อจัดการกับอาหาร อุ่นด้วยไมโครเวฟ รอสามีลงมาทาน
รอรับประทานอาหารด้วยกัน
เพ็ญผ่องถามหลานสาวขึ้นมาคำหนึ่ง หลังจากที่สามีอิ่มอาหารแล้วก็ลุกขึ้นไปนอน เพราะเพลียและอ่อนล้า
เพราะนึกห่วง สองพระหน่อหลานชายทั้งสองนั่นเอง
“ได้โทร.เข้าไปหาพี่เขาบ้างหรือเปล่าล่ะ พู่”
เดือนชมพูหันหน้ามาทางน้าสาวละความสนใจออกจากจอทีวี ยิ้มให้ก่อนเพื่อตอบคำถาม
“โทร.ไปจ้ะน้าเพ็ญ พี่เตนเป็นคนรับสายบอกว่ากำลังกลับมาจากติวหนังสือเด็กค่ะ ส่วนพี่แต๊งค์กำลังอาบน้ำอยู่”
เพ็ญผ่องถอนหายใจอีกกครั้ง เมื่อรับทราบความเป็นอยู่ เอ่ยเปรยขึ้นกับหลานสาว
“น้าไม่อยากให้ทำงานหนักกันนัก ยังเรียนหนังสืออยู่ ถ้าปิดเทอมก็ว่าไปอย่าง.. แต่มันจะไหวหรือเปล่าพู่ ไหนจะเรียนหนังสือ ค่อนข้างหนักทีเดียวล่ะมหาวิทยาลัยยิ่งเป็นจุฬา ก้อยากให้เอาใจใส่การเรียนมากกว่า งานส่วนตัว ขาดเหลืออะไรน้าจะช่วย..พู่โทร.บอกพี่ทั้งสองของหลานด้วยนะ..ถ้าไม่กล้ามาบากหน้าพึ่งน้า..น้ารู้หรอกมันอาย..ดูซิ อายแม้กระทั่งน้าของมัน.. วันไหนอดคอยดูเถอะน้าจะสมน้ำหน้า”
เดือนชมพู่ไม่ตอบความอะไรนอกจากนั่งนิ่งเรียบร้อย
ค่ำคืนในบ้านพัก..ซึ่งเป็นอพาร์ทเม้นย่านสุขุมวิท ..เป็นราคาที่พอจะหาได้.. ไม่ได้หรูมากสักเท่าใดอพาร์ทเม้นที่เก่าแก่.. พวกเขาคงไม่มีปัญญาเช่าอพาร์ทเม้นท์ที่ราคาค่าเช่าแพงเหยียบไปถึงหลักหมื่น อยู่ในซอยประมาณร้อยห้าสิบเมตรเดินเข้าออกได้อย่างสบายใจ
อาหารการกินก็แวะหาซื้อที่ปากซอยและกลางซอยซึ่งขายกันดาษดื่น เตนหรือเตลานเพิ่งเสร็จจากการเดินทางไปสอนพิเศษหรือติววิชาคณิตให้แก่น้อง..เด็กชายชั้นประถม ซึ่งละแวกบ้านอยู่แถวสุขุมวิทเช่นกัน
เขาต้องอาศัยนั่งรถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง หากวันใดที่ติดขัดเรื่องภารกิจกำลังยุ่งหรือว่ามีเรียนหนัก ก็จะโทร.ไปบอกปัดบอกกล่าวทางฝ่ายผู้ปกครองนักเรียน
ในช่วงก่อนเที่ยงหรือช่วงบ่าย แล้วเลื่อนไปในวันพรุ่งนี้..ทางนั้นก็เข้าใจอย่างดี สถาบันที่แต็งค์หรือเตชิตผู้น้องเรียนอยู่อยู่แถวจังหวัดนนท์เขาต้องนั่งรถเมล์ในช่วงที่โรงเรียนเลิกช่วงบ่ายสอง เตชิตเป็นฝ่ายกลับมาก่อนพี่ชายก็จะเสียบปลั๊กหุงข้าวเอาไว้ สักพักจึงลงไปเดินซื้อกับข้าวเอาไว้.. เพื่อที่พี่ชายกลับมาจะได้กินร่วมกัน จะเป็นอย่างทุกครั้ง ทั้งคู่นอนปรึกษาคุยกันระหว่างพี่น้องเรื่องราวจิปาถะเรื่องส่วนตัวและภายในครอบครัว..เรื่องสนุกสนานของทางมหาวิทยาลัย และเพื่อนฝูงบางคน คืนนี้ก็เช่นกันหลังจากสองพี่น้องร่วมทานข้าวด้วยกัน เอ่ยคุยถึงเรื่องคนในครอบครัว พ่อที่บาดเจ็บ
“อาการพ่อเป็นไงบ้างก็ไม่รู้”
“ แต้งค์ โทร.หาแม่แล้วนะ แม่บอกว่า ดีขึ้นแล้ว กลับมาที่บ้านแล้ว”
เสียงพี่ชายถอนหายใจ โล่งอก เบาสบาย ที่เรื่องเครียดไม่สบายใจและหนักอึ้งสลัดออกพ้นสมองได้ชั่วคราว.. ถ้าพ่อยังนอนอยู่ที่โรงพยาบาลเขาอยู่ทางนี้ต้องเป็นกังวลใจขนาดกินไม่ได้นอนไม่หลับแน่ สองพี่น้องนอนก่ายหน้าผากบนเตียงนอนในความมืดของห้องคุยกัน วันนี้ไม่มีการบ้านหรือรายงานส่งครู โป๊ะโคมไฟที่ตั้งวางกับโต๊ะเขียนหนังสือหรือโคมไฟที่หัวเตียงไม่ถูกเปิดใช้ เพราะถ้ามีงานทำ แม้ค่ำมืดแล้ว เตชิตคงต้องหันหน้าเข้าข้างฝาเพื่อก้มหน้าก้มตาเขียนคัดลายมือเพื่อส่งรายงาน ไม่งั้นถ้าต้องใช้คอมพิวเตอร์ที่มีอยู่ในห้องเครื่องหนึ่ง ผลัดกันใช้ระหว่างสองพี่น้อง
เป็นผลผลิตที่ได้จากการสอนหนังสือทั้งสองไปหาซื้อแถวศูนย์การค้าไอทีย่านประตูน้ำ ซื้อแยกชิ้นส่วนนำมาประกอบกันเอง ถ้ามีงานที่ต้องส่งรายงานให้กับอาจารย์ที่คณะเขาก็จะปริ๊นต์ออกมาจากเครื่อง
ฝ่ายรังหงส์ ที่ยังอยู่ในบ้านซึ่งเป็นคฤหาสน์ใหญ่โตโอฬาร รังหงส์มีน้องสาวที่คลอดคลานตามกันมาอีกสองคน คือ ประภารัศศิ แล้วก็มีรังเพชรเป็นน้องนุชคนสุดท้องที่กำลังเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ปีหนึ่ง คณะวิทยาศาสตร์ ค่ำสนิทอย่างนี้สมาชิกทุกคนอยู่ในบ้านกันครบ รังหงส์ยืนเกาะลูกกรงชั้นบนเหม่อมองภาพออกไป น้องสาวคนที่สอง เก็บตัวทำการบ้าน ส่วนคนเล็กสุดรังเพชรเห็นเฝ้าอยู่หน้าจอทีวี กับคุณรังรองกับรดิศผู้เป็นบิดา รดิศหรือเสี่ยพิพิธ หรือท่านเจ้าสัวเป็นบิดาของลูกสาวทั้งสามใบเถา พิพิธไม่มีลูกชายอย่างที่ใจเขาปรารถนามาก.. ทุกวันนี้ก็ยังเรียกร้องขอต่อเทวดาฟ้าดินกับการร่วมมือร่วมใจของภรรยา.. หากทว่าไม่สมหวังจนกระทั่งเขาได้นึกปลงไปแล้ว คิดว่าชีวิตของตนเองคงมีบุญไม่ถึงที่จะได้บุตรชายมาเชยชมเพื่อเป็นเสาเอกค้ำวงศ์วารและนามสกุลของท่าน เสี่ยพิพิธวายวุ่นอยู่กับธุรกิจส่วนตัวของครอบครัวแล้วยังที่แตกแขนงแยกย่อยออกไปเป็นสาขาเล็กสาขาน้อยทั้งกระจัดกระจายอยู่ในกรุงเทพแถบปริมณฑลยังจะมีต่างจังหวัดใหญ่ๆไกลออกไปอีก นั่นคือธุรกิจที่พิพิธสร้างทิ้งไว้เพื่อให้ทายาททั้งสามนั่นเอง
“ อ้าวหงส์มายืนทำอะไรอยู่ที่นี่ลูก “ รังรองซึ่งเดินผ่านเข้ามาเห็นไฟนอกระเบียงห้องเปิดทิ้งเอาไว้จึงเข้ามาสำรวจ.. เห็นร่างบุตรสาวคนโตที่ยืนมองเหม่อจึงเอ่ยถาม รังหงส์เมื่อรู้ว่าเป็นมารดาจึงยิ้มให้เล็กน้อยก่อนตอบ
“ ที่หนักใจก็คือ เรื่องเรียนแหละค่ะแม่ ไม่รู้ทำไมยากเหลือเกิน”
ตอบด้วยสีหน้าที่เหมือนกังวลความเครียดปรากฏขึ้นเล็กน้อย รังรองหันมายิ้มให้กับผู้เป็นลูกสาวพยายามเอ่ยพูดให้ข้อสติและเตือนใจรวมทั้งกำลังใจด้วย
“ ค่อยๆคิดสิลูก ค่อยๆคิดค่อยๆทำ ทุกสิ่งทุกอย่างนั่นแหละเหมือนคุณป๋าหนูทำธุรกิจ แม่ก็สอนอย่างนี้ อย่าเพิ่งคิดอะไรที่มากเกินตัวแล้วไกลเกินตัว บริหารงานในส่วนเฉพาะตนเองเท่านั้น..ส่วนเรื่องการเรียนของหงส์กับน้องๆเหมือนกัน แม่ไม่ได้คาดเดาหรือบังคับนี่จ้ะ ว่าจะต้องได้หรือเก่งอย่างโน้นอย่างนี้.. เท่าที่หงส์เอ็นท์เข้าในมหาวิทยาลัยของรัฐแห่งนี้ได้.. แม่ก็สุดแสนปลื้มจนไม่รู้จะยังไงแล้วลูก ที่พูดเพราะไม่อยากให้เห็นหงส์กังวล”
รังหงส์สบายใจขึ้นทันที กับน้ำคำที่ดุจน้ำทิพย์ชโลมของมารดา ท่านเข้าใจเธอนัก
“ เป็นไงล่ะลูกทีนี้” ทิ้งให้สักพักรังรองจึงเอ่ยถามบุตรสาวคนโตอีก
“ สบายใจแล้วค่ะ ขอบคุณแม่มากค่ะ ที่พูดให้สิ่งดีๆกับหงส์”
รังรองก็ไม่ได้ว่าอะไร เห็นลูกสาวสบายใจแล้วจึงขอตัวเดินออกไปลงไปข้างล่าง บอกกับลูกสาวคนโตด้วยว่า “ น้องอยู่ข้างล่างดูทีวี หงส์ไม่คิดจะลงไปข้างล่างหรือลูก คุยกับแม่ต่อหรือดูทีวีก็ได้” แต่รังหงส์ปฏิเสธมารดาเบา “ คงไม่หรอกคะแม่ หงส์ขอคิดอะไรหน่อย อีกหน่อยก็จะเข้าห้องอาบน้ำนอนแล้ว”
ไม่วายที่รังรองจะหันมาสนใจบุตรสาวอีก “ ไม่เครียดนะลูก” รังหงส์หันขยับจ้องมารดาเอ่ยตอบเบาพร้อมพยักหน้า “ ค่ะ แม่”
การที่รังหงส์ปล่อยตัวเองอยู่อย่างนี้ เพราะเธอแช่มชื่นนักที่จะได้ทำอะไรอย่างสุขสบายเป็นธรรมชาติยืนดูโน่นนี่แล้วเผลอไผลจินตนาการไปไกล หลังจากที่เรื่องเครียดสลายจางจากจิตใจแล้วเพราะมารดา แล้วไม่มีอะไรที่นอกจากเธอจะคิดแล้วด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจ นอกจากนายจอมกวนลูกชายชาวนารุ่นพี่คนนั้นที่เรียนอยู่วิศวกรรมศาสตร์ ซึ่งเธอมักถูกเขายั่วแหย่บ่อยหน ทั้งถูกล้อ จนรังหงส์หัวฟัดหัวเหวี่ยงใส่.. นายเตนนะนายเตน กล้ากับเธอมากเกินไปแล้ว วันหลังรังหงส์ต้องหาทางแก้เผ็ดเขาให้