ตอนที่ 9

1730 คำ
ครั้นเช้ารุ่งของอีกวัน บรรยากาศในการทำบุญอัฐิของบรรพบุรุษที่บรรจุอยู่ในเจดีย์และบางส่วนก็เป็นผนังกำแพงวัด เตลานกับเตชิต พร้อมด้วยน้องสาวถูกปลุกให้ตื่นตั้งแต่ตีสาม เช่นเดียวกับเพ็ญผ่องและสามีเพื่อลุกขึ้นทำอาหารถวายพระและเลี้ยงภัตตาหารเช้า หกโมงเช้าก็เริ่มทยอยนำอาหารคาวหวานขึ้นรถ บรรยากาศณบริเวณแนวกำแพงของวัดรวมทั้งเจดีย์บรรจุอัฐิของบรรพบุรุษฝ่ายปู่และย่า ถูกทำให้แลดูสะอาดจนเหี้ยนเตียนโล่ง ไม่ได้ดูรกเหมือนอย่างทีแรก ภาชนะต่างๆพร้อมด้วยอาหารคาวหวานส่วนหนึ่งถูกแบ่งขึ้นไปบนกุฏิวัด ซึ่งเป็นแบบอาคารตึกสองชั้น พระสงฆ์ถูกนิมนต์โดยฝ่ายเจ้าภาพและมัคทายกผู้ชำนาญในด้านงานพิธีทางศาสนา ซึ่งเป็นผู้นำในการอาราธนาศีลแบบฆารวาสพุทธมามกะซึ่งฝ่ายพระสงฆ์ก็จะได้อาราธนาธรรม ไม่เกินเจ็ดโมงครึ่งจึงเสร็จสรรพ ลูกหลานพากันถวายจตุปัจจัยไทยทานให้แก่พระสงฆ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็เก็บข้าวของเตรียมใส่รถไว้เพื่อกลับบ้าน แต่ก็ยังไม่ได้กลับกัน เพราะในฐานะเจ้าภาพก็ต้องขึ้นไปบนกุฏิวัดจัดสำรับอาหารคาวหวานเพื่อถวายพระภิกษุสงฆ์สดับตรับฟังพระธรรมเทศนาและให้ศีลให้พรจากท่านเจ้าอาวาสผู้เป็นประธานสงฆ์ รวมทั้งปะพรมน้ำมนต์เพื่อเป็นสิริมงคลก่อนจะกลับบ้าน ถือว่าเสร็จสรรพแล้ว ท้ายที่สุดทุกคนเปียกชุ่มไปด้วยน้ำมนต์ของหลวงพ่อเจ้าอาวาส ที่ท่านสวดชยันโต สอบถามสารทุกข์สุกดิบบรรดาญาติโยมลูกหลานของเจ้าภาพที่เดินทางมาจากกรุงเทพ และการเดินทางกลับก็ขอให้ถึงสวัสดิภาพ ก่อนจะกลับบ้านทั้งหมดหมอบคลานเข้าไปกราบไหว้นมัสการองค์พระประธานใหญ่หน้าตักสิบเก้านิ้วสีเหลืองอร่ามทั้งองค์ อย่างที่ขึ้นมาตอนแรกคือได้จุดธุปเทียนถวายดอกบัวเป็นที่เรียบร้อย โดยเฉพาะบัดนี้ธูปนั้นไหม้หมดจนเหลือเพียงขี้ธูปหล่นร่วงอยู่ในกระถาง ที่บ้านเกิดของเธอสำหรับเดือนชมพู ยังไม่อยากจะจากไปนัก มาอยู่ที่บ้านแค่สองสามวันไม่อุ่นใจ ไม่สะใจ ไม่สนุกเท่าที่ควรเลย เพราะภาระมันจำกัด ทั้งพี่ชายและน้าสาวรวมทั้งน้าเขย ทุกคนมีงานรออยู่ พวกเธอเองก็มีเรียนหนังสือ ไว้รอช่วงเวลาปิดเทอมฤดูฝน สอบเสร็จแล้วจะกลับมาอยู่บ้านให้หนานเป็นเดือนเลย สาสมกับความคิดถึงที่มากล้นพูนทวี คอยดูเหอะจะอยู่คุยกับสร้อยจนเช้ายันเย็นเลยทีเดียว แต่เวลานี้จำต้องนั่งฟังผู้ใหญ่ อันมีพ่อของเธอเป็นผู้นำที่ถูกคุยกับชาวบ้านเพื่อนบ้านที่เป็นชาวนาด้วยกัน ว่า ช่วงนี้ปุ๋ยปลอมมันอาละวาด ของจริงกับของเก๊ดูยาก ราคามันเท่ากัน เป็นเรื่องเคราะห์ซ้ำกรรมซัดกับชาวนา ที่บางคนถูกหลอก นายแตรจึงรณรงค์ให้ชาวบ้านทำปุ๋ยหมักกับปุ๋ยคอก รวมทั้งปุ๋ยสูตรชีวภาพ ลดการใช้เคมี ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้ดินเสีย ผลผลิตได้ไม่เต็มที่ เดี๋ยวนี้มันลุกลามไปหมด ชาวนาเห็นผลข้างเคียง ไม่เพียงแต่ต้นข้าวตาย และไม่เจริญงอกงามเท่าที่ควร อ่อนแอต้านกับโรคที่มาสารพัด เพราะต้นข้าวขาดภูมิคุ้มกันอย่างคน อีกอย่างมดแมลงเล็กในน้ำหรือปลา หนีหายไปหมด เพราะสารเคมีจากปุ๋ย “ถ้าอย่างนั้นพวกเราไม่ต้องง้อมัน ปีหน้าตั้งใจทำปุ๋ยชีวภาพกันทั้งหมู่บ้าน ไอ้ปุ๋ยเคมีของเ**กนายหน้าที่ตลาด ขายไม่ได้ก็ให้ค้างอยู่โกดังเลยสิ” นายแตรเป็นตัวตั้งตัวตีในเรื่องนี้ คือผู้นำนั่นแหละ ที่จะทำให้ชาวบ้านเปลี่ยนแปลงความคิด แนวความคิดเจ๋งแบบนี้เป็นผู้นำคนอื่นได้ ถ้าริเริ่มทำเรื่องสร้างสรรค์ ปีหน้ามีการเลือกตั้งผู้ใหญ่บ้านคนใหม่ แต่ตำแหน่งนี้เพิ่งถูกสั่งให้ยุบสองสามเดือนที่ผ่านมา เพราะเขตที่ตั้งหมู่บ้านอยู่ในเขตเทศบาลของอำเภอ กลับกลายเป็นว่ายุบตำแหน่งผู้ใหญ่ แต่มีตำแหน่งส.ข. คือสุขาภิบาลมาแทน กับอ.บ.ต. ชาวบ้านที่เป็นแนวเดียวกับนายแตรเลยยุให้ลงสมัครส.ก. เพราะตำแหน่งนี้ใครลงสมัครก็ได้แม้ไม่จบขั้นสูงถึงปริญญา แต่ขอให้มีวุฒิภาวะมีวิสัยทัศน์กว้างขวางสมกับเป็นผู้นำ เดือนชมพูโอกาสเงยหน้ามองเรือกสวนไร่นาที่เขียวขจีอีกครั้งในช่วงบ่าย ก่อนที่ทั้งหมดจะตัดสินใจว่าหัวค่ำนี้จะกลับกันเสียที ทางด้านน้าสาวกับน้าเขยพร้อมแม่ของเดือนชมพูวุ่นวายอยู่กับการนำข้าวเปลือกไปที่โรงสีเพื่อสีเป็นข้าวสารจะนำกลับไปพร้อมกันที่กรุงเทพ เพราะต้องการเก็บไว้กินได้นาน อีกอย่างนั้นราคาที่กรุงเทพแพงกว่าหลายเท่านัก คนที่เดินตามน้องสาวมาด้วยคือเตชิต เบื้องหลังคือไร่นาที่สุดลูกหูลูกตา ในความคิดที่ยาวไกลกว่านั้น ฐานะลูกชาวนา อยากส่งเสริมอาชีพบรรพบุรุษ หลังจากที่เขาจบการศึกาก่อนเถอะ ค่อยเริ่มโครงการนี้เป็นโครงการเล็กที่ถูกเก็บคิดไว้ในหัวสมอง มองเห็นความลำบากของพ่อมาตั้งแต่เด็ก ก็เลยอยากปฏิวัติจัดสรรอาชีพนี้ให้ทันสมัยขึ้น ต่อสู้กับชนชั้นที่เอารัดเอาเปรียบอย่างนายทุน “มองไร่นาคราวนี้พู่รู้สึกใจหายยังไงบอกไม่ถูก จะต้องไปจากพวกมันแล้ว อีกไม่นานก็ต้องเก็บเกี่ยว แต่ราคาก็ยังตกต่ำอยู่อย่างเดิม ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะมีวันที่อาชีพอย่างชาวนาจะร่ำรวยกับเขาได้สักที”เอ่ยตอบด้วยดวงตาฝันคว้างไปยังข้างหน้า ในฐานะที่เป็นลูกชาวนาเธอรู้สึกผูกพันมากพอสมควร และเธอก็ไม่สามารถหาคำตอบให้กับตัวเองได้ “พี่คิดอย่างพู่ เหมือนกัน เราต้องต่อสู้ ปฏิวัติใหม่ เพื่อไม่ให้ใครคอยมาดูถูกอาชีพชาวนา แล้วเอารัดเอาเปรียบกับมัน” เตชิตจ้องมองไปข้างหน้าด้วยดวงตาที่เปี่ยมประกายด้วยหวังในอนาคตที่เขาอยากทำให้สิ่งเหล่านี้เป็นจริง เพราะในวันหนึ่งเขาจะต้องกลับมาสู่รากเหง้าที่แท้จริงของตัวเอง เพราะวันใดวันหนึ่งเขาก็ต้องเบื่ออาชีพที่เรียนจบมา รถยนต์คันเดิมแล่นไปในเส้นทางขากลับอีกครั้ง ความมืดแห่งกาลเวลาทิ้งม่านสีดำอยู่ทางเบื้องหลัง บนขอบฟ้าที่คืนนี้แสงดาวดูหรุบหรู่ ไม่สว่างจ้าเท่าที่ควร และแสงจันทร์เองก็ไม่สาดแสงไขสุกสกาวเต็มที่ แสงไฟหน้าหม้อรถช่วยเปิดนำทาง นวกิจพี่เขยเป็นคนขับเช่นเดิม วันนี้ได้กระสอบข้าวสารบรรทุกใส่กะบะท้ายรถสามสี่กระสอบอย่างเพียงพอ ต่อการหุงหาเกือบตลอดปี เพ็ญผ่องนั่งอยู่ด้านหน้าคู่กับสามีปล่อยให้เตลานกับน้องสาวคนเล็กสุดนั่งอยู่ในแค๊บระหว่างกลาง ส่วนเตชิตหลานชายอีกคน ขออาสาตัวเองไปนั่งอยู่ท้ายรถกะบะคอยดูแลข้าวของที่บรรทุกใส่มาด้วย หลายสิ่งหลายอย่างที่ทางญาติเผื่อ ทั้งขนมนางเล็ด กระยาสารท ที่มีชื่อ กาละแมร์เช่นเดียวกัน พืชผักทางการเกษตร พริกขี้หนู กระเทียม มะละกอ ตะไคร้ ขิงข่า ขุดแล้วล้างให้สะอาดใส่บรรทุกมาในถุงปู่ยสะอาดเสร็จสรรพ เพ็ญผ่องนั่งสบายใจแล้วจึงเอ่ยคุยกับหลาน เปรยขึ้น “น้าดีใจจริงๆ ที่มาเที่ยวนี้เราขนกระสอบข้าวสาร อาหารการกินอีกมากมาย ส่วนหนึ่ง พวกขนมหวานนี่ น้าจะเอาไปฝากเพื่อนที่ทำงาน ”บรรดาหลานเองก็มีจิตใจที่แช่มชื่นเช่นเดียวกัน เพราะการที่ได้กลับคืนมาสู่ท้องถิ่นอันเป็นต้นกำเนิดของชีวิต กลับมาได้เห็นความเปลี่ยนแปลง และบางสิ่งบางอย่างยังคงอยู่ เป็นเสน่ห์น่ารักควบคู่กับความเป็นภูธร ที่วัฒนธรรมความเจริญทางเทคโนโลยีบางสิ่งบางอย่างอาจเอื้อมหรือเข้ามาจัดการไม่ได้ เตชิตมองทุกสิ่งทุกอย่างเป็นความรักเอื้ออนาทรเข้าใจ “คิดยังไงที่พ่อจะลงสมัครส.ก.ต้นเดือนหน้านี้ล่ะพี่เตน” เงียบไปนานทีเดียว เดือนชมพูที่ยังไม่ยอมหลับ เพราะเพิ่งอิ่มใจกับภาพทุกอย่างที่เป็นเหมือนรอยพิมพ์ในใจของเด็กสาว ญาติพี่น้องที่ห้อมล้อมกรูเข้ามาเยี่ยมกราย เพื่อนเธอที่ชื่อสร้อยกำลังมีความสุขกับการเป็นแม่คน เหลือแต่เพียงเธอที่ยังคงสถานะเป็นนิสิตสาวคณะแพทย์ และยังครองชีวิตโสดยังไม่แผ้วพานเรื่องความรักเหมือนบรรดาพี่ๆ พี่ชายคนโตหันมาทางน้องสาวหรี่ดวงตามองอยู่ครู่จึงเอ่ย “ก็ดีนะสิ พ่อเราจะได้ดังใหญ่แล้วคราวนี้ พี่เห็นแกชอบเรื่องการเมือง เป็นตัวแทนให้แก่ชาวบ้านได้สู้เพื่อรากหญ้าชาวนาอย่างแท้จริง ชาวบ้านเองที่สนับสนุนพ่อก็เยอะ เรื่องแบบนี้ถ้าไม่ลองก็ไม่รู้หรอกยัยพู่” แม้จะคล้อยตามไปกับความคิดของพี่ชาย แต่เดือนชมพู่คิดว่า “อุปสรรคน่าจะมีนะคะ ส่วนมากคนที่จะส่งลงเป็นตัวแทนสมัคร มักจะเป็นคนของนักการเมืองใหญ่ระดับส.ส.ของจังหวัด พ่อของเรามีเงินทุนน้อย”เธอพูดเหมือนเป็นกังวล แต่อยากจะให้กำลังใจบิดา “เธอก็อย่าด่วนคิดอย่างนั้นสิยัยพู่ พ่อเราน่ะรู้จักผู้คนมากมายกว้างขวางในหมู่ชาวบ้าน และคนหมู่บ้านอื่น มีหลายหมู่บ้านอยากให้พ่อเป็นตัวแทนในเรื่องนี้ เพื่อนของพ่อก็มีหลายหมู่บ้าน ถ้าชาวบ้านช่วยกันสนับสนุนอย่างแท้จริง พ่อเราต้องได้”เดือมชมพูเงียบกริบ ฟังพี่ชายเอ่ยพูดด้วยประกายตามีความหวัง ถึงกรุงเทพมหานครอีกครั้งเมื่อเวลาตีสาม รถของพี่เขยนวกิจขึ้นทางด่วนจึงไม่ได้ผ่านเส้นถนนสุขุมวิทที่พักของสองหนุ่ม เนื่องจากมีกระสอบข้าวสารด้วย เป็นความตั้งใจของน้าสาวที่จะให้บรรดาหลานทั้งสามพักอยู่ด้วย ตื่นขึ้นมาอีกครั้งในช่วงสาย เพ็ญผ่องจะให้สามีขับไปส่งถึงที่พักพร้อมกับแบ่งปันกระสอบข้าวสารไปด้วย
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม