คลั่งรัก 2
ขนมผิง
“ตกลงคุณคือคนที่พ่อฉันจ้างมาดูแลฉันจริงๆหรอ”
ฉันถามขึ้น ไม่ยอมก้าวเข้าไปในรถตู้สีดำที่มีผู้ชายหื่นกามนั่นนั่งรออยู่ด้านใน
“พ่อคุณไม่ได้จ้างผม”
“นั่นไง ฉันว่าแล้ว พ่อไม่มีทางจ้างคนโรคจิตแบบคุณหรอก พวกคุณเป็นใคร!!?”
ฉันรีบควานหาสเปรย์พริกไทยในกระเป๋าเพื่อเตรียมเอามาป้องกันตัว ถอยห่างจากพวกเขาอย่างระมัดระวัง
“โอ๊ย กูจะบ้า หน้าตาก็สวยทำไมไม่ฉลาดเลยวะ”
ริมฝีปากฉันเม้มเข้าหากันแน่น นึกเจ็บใจที่โดนเขาพูดใส่แบบนั้น และมือฉันดันไวกว่าสมอง ฉีดสเปรย์พริกไทยใส่เขาเต็มๆ
“โอ๊ยแสบ เธอฉีดบ้าอะไรของเธอใส่ฉัน”
“คุณชายเป็นอะไรรึเปล่าครับ”
“แสบสิวะ เอาน้ำมา”
“ครับๆ”
ผู้ชายในชุดสูทสีดำคนหนึ่งรีบหาน้ำยื่นให้ไอ้หน้าหล่อแต่โรคจิตคนนั้นและผู้ชายในชุดสูทสีดำอีกคนเดินเข้ามาหาฉัน
“อย่าเข้ามานะ”
ฉันทำท่าจะวิ่งหนีแต่โดนมือของใครบางคนกระชากแขนไว้
“คิดจะหนีหรอ”
ใบหน้าจากที่เคยหล่อเหลาราวเทพพระบุตรบัดนี้แลดูน่ากลัวยิ่งกว่าอสูรกายเสียอีก
“ก็คุณ...”
“แค่เธอว่าฉันเป็นโรคจิตก็มากเกินพอแล้วนะ นี่เธอกล้าทำร้ายร่างกายกันเลยรึไงวะ!!!”
ฉันสะดุ้งโหยง ตกใจเสียงตะคอกของเขา น้ำใสๆเอ่อล้นตรงขอบตา ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยเจอใครดุขนาดนี้มาก่อนเลย T_T
“คุณชายครับผมว่า”
“ไม่ต้องเสือก!!”
บอดี้การ์ดสองคนนั้นรีบถอยออกไปด้วยความรวดเร็ว ใบหน้าของผู้ชายตรงหน้าฉันเริ่มดุขึ้นกว่าเดิม(ยังดุได้อีก)
“ส่วนเธอ มานี่ ฉันฆ่าเธอแน่”
เขาลากแขนฉันด้วยแรงที่ฉันไม่อาจขัดขืนได้ไปทางบันไดหนีไฟก่อนจะผลักฉันกระแทกกับประตูเมื่อมันปิดลง
“โอ๊ย เจ็บนะTT”
“ไม่ต้องมาบีบน้ำตา!!”
“T_T”
แง ฉันไม่ใช่คนขี้แยเหมือนยัยลูกชุบแต่สถานการณ์ตอนนี้มันกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่แล้วจริงๆ
“อย่ามาร้องนะ ที่เธอทำฉันเจ็บกว่านี้อีก”
จริงอย่างที่เขาว่าเพราะตาเขาที่โดนฉันฉีดสเปรย์ใส่ตอนนี้แดงเถือก น่ากลัวเชียว
แต่ก็ใช่ว่าเขาจะมาตะคอกฉันแบบนี้ได้สักหน่อย
“ก็คุณ ฮรึก เป็นใครไม่รู้และคุณ ฮรึก ไม่น่าไว้ใจ”
ฉันพูดไปปาดน้ำตาไป ให้ตายเถอะ นี่มันไม่ใช่ขนมผิงเลย ขนมผิงที่คนภายนอกรู้จักต้องเชิดๆ หยิ่งๆสิ
“ถ้าพ่อเธอไม่ส่งฉันมา ฉันจะมารับเธอหาพระแสงอะไรวะ”
เสียงของอ่อนลง ฉันเงยหน้าสบตากับเขาครู่หนึ่งก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อเห็นเขาใช้มือขยับเนคไทเหมือนจะถอดออก
“พ่อเธอไม่ได้จ้างฉันแต่พ่อฉันบังคับให้มาดูแลเธอ รู้ไว้ซะด้วยยัยผิงผิง”
“แล้วทำไมไม่พูดตั้งทีแรก”
ฉันบ่นอุบอิบก่อนจะมีอะไรสักอย่างโยนมาใส่ เมื่อมองดูจึงรู้ว่าเป็นเนคไท
“เช็ดน้ำตาซะ น่าเกลียด”
พูดจบเขาจึงผลักประตูหนีไฟเดินออกไป ทิ้งให้ฉันยืนถือเนคไทในมือ อ้าปากค้าง
เมื่อกี้เขาว่าไงนะ เขาว่าฉันน่าเกลียดอย่างนั้นหรอ!!
ตอนนี้สถานการณ์ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติ ฉันกำลังนั่งอยู่ในรถตู้หรูสีดำของไอ้โรคจิต ไม่ใช่สิ เขาบอกว่าเขาชื่อฟรานซิสถ้าฉันเรียกโรคจิตอีกเขาจะเย็บปากฉัน(โหดร้าย)
“ฉันต้องนอนโรงแรมแอพเพอริทิปเท่านั้นนะ”
ฉันพูดขึ้นทำลายความเงียบ โรมแรมแอพเพอริทิปเป็นโรงแรมประจำของฉันเอง
ฉันมักจะไปนอนที่นั่นเวลามาทำธุระที่เมืองไทยแทนที่จะไปนอนคอนโดน้องสาวเพราะยัยนั่นซกมกจะตาย
“หึ เธอชอบโรงแรมนั้นรึไง”
“อืม ดีไซน์ดี ทำเลดี บริการดีและเจ้าของคงเป็นคนดีกว่าใครบางคน”
ฉันอดไม่ได้ที่จะตอบแบบแอบเหน็บแนมฟรานซิสด้วยความหมั่นไส้เพราะก่อนหน้านี้เขาหาว่าฉันตาต่ำ ผู้หญิงเกือบทั้งประเทศหลงใหลเขาแต่ฉันกลับว่าเขาโรคจิต
“ก็จริงอย่างที่เธอพูด เจ้าของที่นั่นหล่อและดี เรียกว่าเพอร์เฟคเลย”
“เหอะ พูดอย่างกับรู้จัก”
ฟรานซิสไม่ตอบเพียงแค่ไหวไหล่เล็กน้อยก่อนจะก้มลงเล่นมือถือต่อ
“เขาคงไม่ลดตัวมายุ่งกับนายสินะ”
“หึ ถามหน่อยระหว่างฉันกับเจ้าของแอพเพอริทิป เธอจะเลือกใคร”
อยู่ฟรานซิสก็ยื่นหน้าเข้ามาถาม แขนแกร่งสองข้างคร่อมเบาะฉันไว้แต่ฉันต้องทำเป็นเชิดเพื่อกลบอาการประหม่า
“ก็ต้องเลือกเจ้าของแอพเพอริทิป”
“ทั้งที่ยังไม่เคยเจอหน้าเนี่ยนะ”
“ใครบอก ฉันรู้จักเขา เราสนิทกันจะตาย”
ด้วยความอยากเอาชนะ ฉันเลยพูดออกไปอย่างนั้น ทั้งที่จริงแล้วแม้แต่ชื่อเจ้าของแอพเพอริทิป ฉันยังไม่รู้ด้วยซ้ำ>_<
“สนิทกันขนาดนั้นเลย”
ฟรานซิสถามขึ้นเสียงสูง ยกยิ้มมุมปากเหมือนดูถูก
“เออ ถ้าเจอ ฉันจะกระโดดจูบให้ดู”
“หึหึ แล้วจะรอดู”
บ้าจริง พูดอะไรของแกออกไปเนี่ยยัยขนมผิง ถ้าเกิดเจอขึ้นมาจริงๆ ฉันจะกระโดดจูบคนที่ไม่รู้จักกันได้ยังไง -_-“
ฉันนั่งกุมขมับอยู่คนเดียว เลยไม่ทันสังเกตเห็นว่าคนด้านข้างแอบยิ้มๆขำๆกับท่าทางหนักอกหนักใจของฉัน
โรงแรมแอพเพอริทิป
เราเดินทางมาถึงโรมแรมซึ่งฟรานซิสพาฉันเข้ามาในทางที่ฉันไม่เคยรู้ว่ามี แถมห้องที่เขาพามายังเป็นชั้นเดียวกับที่จอดรถ
เหมือนทั้งชั้นเป็นไพรเวทยังไงอย่างนั้น
“นี่ห้องใคร”
ฉันถามขึ้นเมื่อมองไปรอบห้องเนื่องจากห้องนี้ดูไม่เหมือนห้องพักของทางโรงแรม มันดูหรูหรากว้างขวางและลึกลับกว่าปกติ
“ห้องฉัน”
“ถ้าอย่างนั้นช่วยกรุณาไปส่งฉันที่ห้องพักของฉันด้วย”
“ที่นี่แหละห้องพักของเธอ”
“ฉันไม่ตลก!”
ฟรานซิส ยักไหล่ก่อนจะถอดเสื้อเชิ้ตออกเผยให้เห็นแผงอกกำยำ น่าสัมผัสของตัวเอง
“หึหึ มองขนาดนี้ รับผมไปทานมั้ยครับ”
ฉันกัดริมฝีปากตัวเองแน่น เดินตรงเข้าไปหาฟรานซิสก่อนจะต้องหยุดชะงักเมื่อมีคนเดินเข้ามา
“คุณชายเรียกดิฉันหรอคะ”
“อืม เดี๋ยวให้คนมาจัดห้องนั้นด้วยนะ”
ฟรานซิสหันไปพูดกับสาวในชุดเมทคนนั้น ชี้ไปทางประตูสีขาวด้านขวามือ
คือห้องเขาแบ่งเป็นสองฝั่ง ซ้ายและขวาเป็นทางเดินยาวและมีห้องโถงกว้างที่เรากำลังยืนกันอยู่ตรงกลาง
“ไม่ต้อง ฉันไม่ยอมนอนห้องเดียวกับนายหรอก”
“เอ่อ...”
“คุณคะ ดิฉันขอพบเจ้าของโรมแรมได้มั้ยคะ”
“เอ่อคือ”
แม่บ้านคนนั้นมีสีหน้าลำบากใจเล็กน้อย ฉันเลยรีบพูดต่อ
“ฉันรู้จักกับเขาและเขาจองห้องอื่นไว้ให้ฉัน ฉันต้องการรู้ว่าห้องไหน”
สิ่งที่ฉันพูดเป็นเรื่องโกหกทั้งหมด ฉันแค่พูดไปเพื่อให้หลุดออกไปจากห้องนี้เท่านั้น
ใครจะไปรู้ว่าคำตอบของแม่บ้านคนนั้นจะทำให้ฉันช็อกระดับสิบ
“คือ คุณฟรานซิสไงคะเป็นเจ้าของโรมแรมนี้”
“0_0”
“ไงครับ ไหนบอกเจอกันจะกระโดดจูบไง”
ฟรานซิสพูดพลางยื่นหน้าเข้ามาจะจูบฉันจริงๆ ฉันเลยรีบดันหน้าเขาออก
“อร๊าก ออกไปนะ”
“อะไร เราสนิทกันไม่ใช่หรอ หึหึ”
——————-