ไป๋ฉิงเหวินได้ยินเรื่องคุณชายสื่อก็รู้สึกสนใจ จู้หย่งปังที่เป็นหนึ่งในผู้ที่เคยร่วมเรียนกับอาจารย์เดียวกันจึงบอกเล่าให้ฟัง “สือเหวินกวางผู้นี้นับว่ามีความสามารถทั้งบุ๋นทั้งบู๋ผู้หนึ่ง อีกทั้งยังมีรูปร่างหน้าตาหล่อเหลา ชาติตระกูลก็ดี ตระกูลสือเป็นขุนนางสืบต่อกันมาตั้งแต่ยังไม่สถาปนาแคว้น พวกเขาจึงได้รับการยกย่องจากคนในเมืองผิงอย่างมาก แม้ว่าสือเหวินกวางในบางคราจะดูเจ้าอารมณ์และเอาแต่ใจบ้าง แต่สำหรับผู้ทำงานร่วมกับเขาแล้วต่างยอมรับกันว่าเขาเก่งกาจมากพอตัว” “จริงสิ! เจ้าเองก็เป็นบัณฑิตผู้หนึ่งเหตุใดจึงไม่สอบเป็นขุนนางเล่า?” “เจ้าทำตัวเหมือนท่านพ่อของข้าอีกคนแล้ว นั่นก็คอยรบเร้าข้าทุกคืนวัน ขอให้ข้าคิดอีกสักหน่อยเถิดว่าอยากจะทำงานด้านใด? งานมือปราบอย่างเจ้าก็ถือเป็นงานที่ตื่นเต้นดี ส่วนการเป็นขุนนางก็ทำให้คนยกย่องนับถือ ข้าขอเวลาคิดอีกสักหน่อ