ตอนที่ 13

1249 คำ
13 สตรีทั้งสองต่างคาดเดา นี่คงไม่ใช่ท่านอ๋องน้อยกระมัง อาชุนเห็นใบหน้าของชายที่เข้ามาใหม่ อายุราว ๆ เกือบสี่สิบ แต่ทว่าใบหน้านั้นช่างหล่อเหลาคมคายยิ่งนัก เนี่ยเจินช้อนสายตามองไปยังชายแปลกหน้าคนนี้ ก็พบว่าดวงตาของเขาช่างดูมืดดำอำมหิต นางไม่ชอบหน้าสักนิด ด้วยเพราะเขาตะคอกเจ้าหัวผักกาดที่กอดคอนางอยู่เช่นนี้ ยามนี้นางไม่สนใจว่าเขาจะเป็นใคร นางจึงได้กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงอันแข็งกร้าว พร้อมส่งสายตาไม่พอใจไปให้เขาอีกด้วย “ช่างเป็นท่านพ่อที่ไม่มีเหตุผลเอาเสียเลยนะ ท่านเลี้ยงเขาด้วยความรักหรือไม่ หรือว่าชอบออกคำสั่งเพียงแค่อย่างเดียว” นางพูดจาแม้จะไม่ได้ต่อว่าทางตรง แต่แอบเหน็บแนมทางอ้อม จนท่านอ๋องสีหน้ากราดเกรี้ยวขึ้นมาทันใด ปกติมีแต่สตรีหวาดกลัว ไม่กล้าต่อปาก แต่เด็กสาวคนนี้กับเชิดหน้าและดูดื้อรั้นไม่น้อย “ไม่เกี่ยวกับเจ้าส่งเขามาให้ข้า” น้ำเสียงดุดันกล่าวขึ้นมา ก็ยิ่งทำให้เจ้าตัวปัญหากอดคอนางแน่นขึ้นไปอีก “ท่านแม่ ข้าไม่ไป” ในที่สุดคนก่อเรื่องยอมเปิดปากพูดขึ้นมา ทำให้ชินอ๋องมึนศีรษะไปครู่หนึ่ง ปกติเขาพูดกับลูกชายแทบตาย เจ้าคนนี้ถือดีเป็นไหน ๆ ไม่พูดจาเอาแต่ทำลายข้าวของ “ในที่สุดก็ยอมพูดเสียที” สีหน้าตอนนี้กับเมื่อครู่ผิดกันราวฟ้ากับเหว ยามนี้ชินอ๋องถึงขั้นยิ้มออกมา เมื่อลูกชายอันเป็นยอดดวงใจนั้นได้พูดเสียทีหลังจากไม่ยอมปริปากพูดอะไรมาเป็นปี “มาให้พ่ออุ้มดีกว่านะ” น้ำเสียงดูอ่อนโยนขึ้นมาทันใด เขาแย้มยิ้มจนทำให้ เนี่ยเจินแปลกใจนัก “เจ้าตัวเล็กกลับไปหาท่านพ่อเถิด ข้ายังมีธุระต้องไปจัดการ” เนี่ยเจินอุ้มเด็กคนนี้แทบไม่ไหว แม้เขาจะดูตัวเล็กน่ารักแก้มยุ้ย ๆ แต่ทว่าก็หนักใช่เล่น ทำเอาแขนของนางปวดร้าวขึ้นมาทันใด อีกอย่างวันนี้จะมาเดินท่องเที่ยวซื้อขนมไปฝากท่านยาย แล้วคิดว่าจะเลยไปพบกับเหล่าเด็ก ๆ ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าอีก “คุณชายมาหาอี๋เหนียงเจ้าค่ะ” ซานอี๋เหนียงหรืออนุซาน กล่าวน้ำเสียงหวาน ชักจูงเจ้าตัวดีให้กลับมาสู่อ้อมกอดของนาง แต่วันนี้กลับพยศดื้อดึงนัก ปกตินางพูดอันใดเขาก็รับฟัง ส่วนมากเป็นนางดูแลแทนแม่นมเสียมากกว่า แววตาของนางซ่อนความไม่พอใจเอาไว้ นางไม่พอใจอยู่ไม่น้อย พอเดี๋ยวกลับไปยังตำหนัก นางจะจัดการสั่งสอนให้รู้ความ นางเท่านั้นที่จะเป็นมารดา หาใช่คนอื่นไม่ “ไม่ ข้าเกลียดเจ้า ข้าจะอยู่กับท่านแม่” ตัวปัญหาหน้าบึ้งตึงขึ้นมาทันใด เขาเป็นเด็กก็มีหัวใจไม่แพ้กัน ท่านแม่คนนี้ใจดีนัก พูดจาก็หวานรื่นหู ผิดกับสตรีคนนี้หน้าด้านและชอบกลั่นแกล้งข่มขู่และแอบหยิกเขาจนเนื้อเขียวก็มี เขาจึงไม่ยอมพูดจากับใครหากไม่จำเป็น ยามกล่าวบอกบิดาก็ไม่รับฟัง กล่าวเพียงแค่ว่าเป็นลูกผู้ชายต้องอดทน ตัวเขาไร้มารดาไม่เคยพานพบ แต่พบท่านแม่คนนี้งดงามยิ่งนัก จึงไม่คิดจะยอมปล่อย “ท่านแม่” ในที่สุดก็เริ่มงอแงอีกครั้ง และเอาแต่ใจจนทำให้ใคร ต่อใครต้องปวดหัวเพราะฤทธิ์เดชของเจ้าเด็กตัวปัญหา “เฉิงจื่อรุ่ยอย่าเอาแต่ใจนักได้หรือไม่ เป็นผู้ชายใยจะต้องร้องไห้ด้วย” เมื่อเห็นลูกรักไม่ยินยอมเขาก็จนปัญญา ออกคำสั่งใครต่อใครต่างหวาดกลัว ยกเว้นเพียงแค่ลูกชายผู้นี้ ออกคำสั่งทีไรไม่เคยฟังสักคำ แม้ครึ่งคำก็ทำหูทวนลม “หากเจ้าไม่ปล่อยนางอย่าหาว่าข้าใจดำนะ จื่อรุ่ย!” เขาจึงได้ตวาดลูกชายขึ้นอีกครั้ง เฉิงจื่อรุ่ยได้ยินเสียงตะคอกนั่นเขาร้องไห้หนักขึ้น จนทำให้ท่านหญิงหลัวเนี่ยเจินไม่พอใจขึ้นเสียงใส่อีกฝ่าย แม้รู้ดีว่าเขาเป็นใครกัน “พูดกับเขาดี ๆ ไม่ได้หรืออย่างไรกัน ก็แค่เด็กคนหนึ่งเท่านั้น คนที่ใจดำคือท่านต่างหากเล่า” น้ำเสียงไม่พอใจนั่นทำให้ท่านอ๋องถึงกับปวดศีรษะ สตรีใดก็ล้วนหวาดกลัว แต่นางกลับจ้องเขม็ง ไม่มีทีท่าจะหวาดกลัวสักนิด อีกทั้งยังดูเกรี้ยวกราดอีกต่างหาก ทำให้ท่านอ๋องปวดขมับเส้นเลือดเต้นตุบ ๆ ไปหมด นางช่างกล้าดีต่อปากต่อคำเกินไปแล้ว “เด็กดี พี่สาวจะไปเดินเที่ยวตลาด ซื้อขนมฝากท่านยาย เจ้าจะไปด้วยหรือไม่” เสียงหวานกล่าวขึ้นมา ฝ่ามือนุ่ม ๆ ลูบแผ่นหลังท่านอ๋องน้อยด้วยความอบอุ่น คล้ายกับว่าทำให้เขาใจเย็นลง พลางหยุดร้องไห้ เหลือเพียงแค่เสียงสะอื้นเบา ๆ จนตัวโยนเช่นนั้น “ขอรับท่านแม่” เฉิงจื่อรุ่ยพยักหน้าหงึกหงัก ยังคงเห็นแพตานั้นอาบไปด้วยหยาดน้ำแห่งความเสียใจ เหม่ยเจินจึงได้ย่อตัวให้เขายืน การกระทำของนางล้วนอยู่ในสายตาของท่านอ๋อง พระอนุชาของหวงตี้เพียงแค่พระองค์เดียว หรือจะเรียกให้ถูกเขาคือองค์ชายรองที่ปกครองแดนเหนือ เดินทางมาร่วมต้อนรับคณะราชทูต เหม่ยเจินดึงผ้าเช็ดหน้าออกมาซับคราบน้ำตาของเด็กน้อย ซานอี๋เหนียงเห็นเช่นนั้นนางจึงออกปากทันใด ด้วยเพราะเป็นคนปากไวและกลัวว่าท่านอ๋องจะชื่นชมสตรีเบื้องหน้า “อย่าได้เอาผ้าเช็ดหน้าต่ำ ๆ มาเช็ดพระพักตร์ท่านอ๋องน้อยนะ” เหม่ยเจินเช็ดคราบน้ำตาเผอิญพบรอยช้ำ ๆ และรอยเล็บจิกบนท่อนแขนของเฉิงจื่อรุ่ย นั่นแสดงว่าเด็กคนนี้ถูกอนุทำร้ายจึงทำให้เขาเป็นเด็กก้าวร้าวเช่นนี้ นางจะปกป้องเอง ถือเสียว่าเป็นหลานชายของนางสักคน ท่านหญิงหลัวเนี่ยเจิน ยืดตัวขึ้น พลางจับมือจื่อรุ่ยเอาไว้ แววตาแข็งกร้าวไม่ยอมใคร ส่งน้ำเสียงขึงขังพลางชักสีหน้าไม่พอใจ ท่วงท่าเย่อหยิ่งราวกับนางหงส์ “เจ้าเป็นใครข้าไม่รู้จัก กับเพียงแค่อนุต่ำ ๆ กล้าตีฝีปากข้าซึ่งเป็นท่านหญิง เป็นหลานสาวของไทเฮา เป็นหลานสาวของหวงตี้เชียวรึ ช่างกล้านัก” กล่าวก่นด่าอนุไปแล้ว นางเชิดหน้าขึ้นมา พลางมองใบหน้าอันหล่อเหลาล่อลวงสตรี แต่สำหรับนางหาใช่เช่นนั้นไม่ “ท่านก็อีกคนเป็นบิดาประสาอะไร ไม่รักไม่เอ็นดูลูกของตนปล่อยให้คนอื่นทำร้าย ได้อย่างไรกัน” กล่าวจบนางจึงได้อุ้มท่านอ๋องน้อยขึ้นมา แม้จะรู้สึกปวดแขน แต่เด็กคนนี้ต้องการ ความรักและการดูแลอย่างดี หาไม่แล้วเขาจะกลายเป็นคนที่เอาแต่ใจสร้างเรื่องวุ่นวาย จากนั้นจะเสียชื่อเสียงเชื้อพระวงศ์ที่สั่งสมมานาน “หากท่านต้องการเขาคืนละก็ ไปที่ตำหนักของไทเฮา พร้อมกับนาง ข้าจะลงโทษคนที่ทำร้ายร่างกายท่านอ๋องน้อยให้เข็ดหลาบคงรู้ว่ามีโทษสถานใด”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม