8
เหม่ยเจินเดินหาผ้ามาเช็ดทำความสะอาด จากนั้นนางจึงค่อย ๆ หยิบถ้วยที่มันแตกออกมาอย่างระมัดระวัง ด้วยเพราะมักเป็นคนซุ่มซ่ามอยู่แล้ว หากไม่ระวังจะถูกบาดเอาได้ เมื่อนางเก็บถ้วยเสร็จก็ไม่เลิกล้มความตั้งใจ “วันนี้ท่านไม่กินไม่เป็นไร พรุ่งนี้ข้าจะมาใหม่”
“ช่างวิปลาสเกินสตรีนัก ข้าออกปากก่นว่าขนาดนี้ยังหน้ามึนหน้าด้านอยู่อีก” เขากล่าวต่อว่าต่อขานนาง โดยไม่นึกถึงจิตใจของคนที่ได้ยิน โม่อวี้เฟยไม่ได้มาดูแลท่านแม่ทัพเพราะกำลังสาละวนจัดเตรียมสินสอดเจ้าสาวด้วยตนเอง การแต่งงานนี้ค่อนข้างกะทันหัน นางจึงได้ให้ม้าเร็วไปส่งข่าวให้ครอบครัวได้รับรู้ว่า นางกำลังจะกลายเป็นฮูหยินใหญ่แล้ว
นางกลืนก้อนแห่งคงามขมขื่นและอับอายลงไป พลางกล่าวขึ้นมาอย่างแดกดันอีกฝ่าย “ขอบคุณที่ชม” กล่าวจบคราวนี้ออกจากห้องไปจริง ๆ ปล่อยเขาทิ้งเอาไว้ในห้องเช่นนั้น ยามนี้เจ้าของดวงหน้างดงาม มีแต่ความเศร้าเสียใจ พลางเดินเร่งรีบกลับเรือนด้านหลังของตนเองกลับสะดุดล้มเสียอย่างนั้น
“เจ็บตรงไหนหรือไม่ขอรับ ขอข้าดูหน่อย” ชายหนุ่มเห็นเข้าไปไม่ทันได้รับนาง แต่ทว่ากลับสะดุดหกล้มลงมาเสียก่อน เหมือนว่านางกำลังหนีอะไรมาสักอย่าง
“ไม่เป็นอะไรเจ้าค่ะ แค่ข้อเท้าแพลงเล็กน้อยเท่านั้น” ไป๋เหม่ยเจินไม่ได้มองหน้าชายคนดังกล่าวเสียด้วยซ้ำไป แต่ทว่าชายหนุ่มเห็นดวงหน้าของนางก็รู้สึกตกตะลึงนัก
เขาเพิ่งจะพบสตรีที่งดงามผุดผาดเป็นครั้งแรก ส่วนมากพบก็มักจะแต่งหน้าหนา ๆ เหมือนงิ้วเสียอย่างนั้น พลันก้อนเนื้อข้างซ้ายเต้นรุนแรงราวกับเสียงกลองกำลังกระหน่ำตีระรัวเสียตึกตักโครมครามไม่เป็นจังหวะเอาเสียเลย รู้สึกหน้าของตนกำลังร้อนผ่าวขึ้นมาอีกด้วย
เหม่ยเจินชักเท้าของนางกลับเมื่อเห็นว่าชายคนนี้กำลังจะจับข้อเท้าของนาง เขาจึงได้ถามคำถามหนึ่งขึ้นมา “ไม่ทราบว่าท่านเป็นใครกัน” เขาอยากรู้จักนางเข้าให้เสียแล้ว แต่เหตุใดดวงตาคู่งามนี้จึงดูเหมือนมีไม่สดใสกลับดูเศร้าสร้อย
“ข้าก็เป็นแค่ภรรยาสวมรอยเท่านั้นเจ้าค่ะ อย่าได้มาใส่ใจกับสตรีไร้ค่าเช่นข้าเลย ขอตัวก่อนนะเจ้าคะ”
หลังจากนั้นทุกวัน ๆ วันไป๋เหม่ยเจินก็เข้ามาดูแลเขาอีกในช่วงเช้า เพื่อให้เขาได้ดื่มยาอันแสนล้ำค่า แม้จะถูกอีกฝ่ายต่อว่าต่อขาน และถูกเขาเหยียดหยามด้วยคำพูดจาไม่รักษาน้ำใจนางก็ตามที เหม่ยเจินกลับมีเพียงแค่ความคิดเดียวคืออยากรู้ว่าใต้ผ้าที่ปิดดวงตาเอาไว้นั้น เขามีอาการดีขึ้นบ้างหรือไม่
วันนี้ก็เป็นอีกวันที่นางถูกเขาขับไล่พร้อมกับลงนามในหนังสือหย่าให้นาง ไม่เพียงแค่มีหนังสือหย่าเท่านั้น ถ้อยคำก่นด่าสารพัดก็ไล่ตวาดใส่หลังนางอีกด้วย ความเจ็บปวดนี้ทำให้ไป๋เหม่ยเจินที่ไม่คาดคิดมาก่อน เหตุใดพี่ชายที่แสนใจดีในตอนนั้น กลับกลายเป็นผู้ชายที่ไร้เหตุผลและไร้ใจเช่นนี้กัน
อีกอย่างวันนี้เป็นวันที่เขาได้แต่งงานกับญาติผู้น้องดูเหมาะสมกันยิ่งนัก ช่างเป็นคู่ที่สวรรค์เมตตาเหมือน ผีเน่ากับโรงผุ คงเป็นคู่ที่ใครต่อใครต่างก็มาชื่นชมมาร่วมแสดงความยินดีอย่างคับคั่ง ย้อนกลับไปเมื่อสามวันก่อน ไม่มีงานเลี้ยง ไม่มีเหล่านักดนตรีขบวนรับตัวเจ้าสาวไม่มีผู้คนมาร่วมยินดีอวยพรในวันแต่งของนาง และไม่มีเจ้าบ่าวมาเข้าหอ
ไป๋เหม่ยเจินสมเพชตนเองนัก โชคดีที่ได้รับพระเมตตาจากไทเฮา ให้นางไปพำนักที่ตำหนักในวังหลวงเสียก่อนกลับจวน แต่ทว่าไม่ใช่จวนตระกูลไป๋ แต่เป็นจวนตระกูลหลัวต่างหาก ดังนั้นวันนี้นางจึงคิดได้ถี่ถ้วนแล้วที่จะจากไป แต่เดิมนางนำสมบัติของมารดาติดตัวมา แต่ส่งกลับคือตระกูลหลัว ยังขาดอีกส่วนหนึ่ง ถูกกวนซื่อนำออกไปขาย
นางมองหนังสือหย่าที่เขาได้ลงนามประทับตราเอาไว้ สีหน้าในตอนนี้มีเพียงแค่รอยยิ้มเยาะอยากจะตะโกนออกไปให้ดัง ๆ เสียเหลือเกิน นางยังไม่ทันจะได้เริ่ม แต่กลับพ่ายแพ้อย่างราบคาบ วันนี้เป็นวันมงคลของเขา นางคิดจะจากไปอย่างเงียบ ๆ แต่ทว่าท่านพ่อบ้านฉางมาเคาะประตูเอาเสียก่อน
“ฮูหยินรอง เมื่อเช้านายท่านได้มอบหนังสือหย่าให้จริง ๆ หรือขอรับ” เขามาเพื่อขอร้อง ไม่อยากให้ฮูหยินรอง หย่าร้างกับท่านแม่ทัพ เพียงเท่านี้ก็รู้แล้วว่าใครเป็นเทพธิดา ใครเป็นนางมารปีศาจร้ายกันแน่
ไป๋เหม่ยเจินคลี่ยิ้มหวานแต่ดวงตานั้นอาบได้ความเศร้าและเสียใจ “ไม่ว่าจะทำดีสักเท่าไหร่ พยายามสักแค่ไหน สุดท้ายนางก็เป็นเพียงแค่...คนไร้ค่า ภรรยาสวมรอย และคนที่...ถูกทิ้ง!” นั่นคือความจริงที่ได้รับรู้ และนางก็ทนมามากพอแล้ว ไม่อาจทำให้ตนเองเจ็บปวดอีกต่อไปได้
ด้านหน้าจวนมีเสียงอึกทึกดังครึกโครม สนุกรื่นเริงเพราะมีงานมงคล เสียงนั้นดังมากพอจนมาถึงส่วนด้านหลังของจวน “ฝากบอกเขาด้วย ข้ากับเขาระหว่างเราไม่มีอะไรติดค้างกันอีกแล้ว ขอบคุณที่ครั้งหนึ่งท่านแม่ทัพช่วยชีวิตของข้าเอาไว้ นี่เป็นยาอีกขวด ข้าให้ท่านลุงฉางเก็บเอาไว้ให้ดี อย่าลืมให้เขากินอย่างต่อเนื่อง คิดว่าอาการอีกไม่นานก็น่าหายดี พิษบางส่วนที่ถูกนั้นร้ายแรงก็จริง แต่ตำราพิสดารของท่านหมอเทวดา มีหรือจะรักษาไม่ได้”
แม้จะส่งยิ้มอ่อนหวาน แต่ด้านในอกนั้นช่างขมขื่นนัก แต่งงานมาเพียงแค่สี่วัน กลับถูกสามีส่งหนังสือหย่าร้างมาให้ จะมีอะไรอับอายได้ขนาดนี้อีก นางไม่เคยวิงวอนหรือต่อว่าในโชคชะตานำพาพบอุปสรรคมากมาย ทุกเรื่องราวไม่ว่าจะดีหรือเลวร้าย นางพยายามยิ้มและลุกขึ้นสู้ แต่ความรักเช่นนี้ นางขอเป็นฝ่ายถอนตัว ความรักที่มีแต่ความเจ็บปวดและชอกช้ำใจ
พ่อบ้านฉางหน้าเศร้าสลดนัก เมื่อฮูหยินรองยืนกรานอย่างหนักแน่น พร้อมกับยื่นหนังสือหย่ามอบให้เขาอีกด้วย ชายชราอยากจะฉีกมันทิ้งเสีย ไม่ใช่เรื่องดีนักที่ฮูหยินรองจะจากไปเช่นนี้ “ฮูหยินจะกลับไปที่ตระกูลไป๋ เช่นนั้นบ่าวจะให้คนมาช่วยขนของขอรับ”
“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ สมบัติของข้ามีไม่มาก ก่อนหน้านี้พอรู้ตัวเองดีจึงขนของเอาไปเก็บเอาไว้แล้ว” ท่วงท่าและการพูดจานั้น นางดูงดงามไปเสียหมด อีกทั้งยังนอบน้อมต่อผู้ที่อาวุโสมากกว่า นี่เท่ากับว่าตระกูลไป๋อบรมดูแลบุตรี มาได้อย่างดีเยี่ยม