5

2389 คำ
5 “ก็ไม่เป็นไรนี่นา พวกเราอย่างไรก็ไม่ลำบากหรอกน่า” นางยังคิดในแง่ดี คิดว่าทางตระกูลหยางคงจะให้เกียรติตระกูลไป๋ไม่กล้าหักหาญเป็นแน่ อีกทั้งยังมีตำแหน่งท่านราชครูอีกด้วย ถึงแม้ว่านางจะมีฐานะที่ต่ำต้อยเกิดจากฮูหยินรอง หาใช่ฮูหยินเอกเหมือนพี่สาว แต่ภูมิหลังของนางไม่อาจดูแคลนได้เช่นเดียวกัน ฐานะฮูหยินรองก็จริง แต่ทว่าท่านยายของนางเป็นพระญาติห่าง ๆ ของไทเฮา หากคนตระกูลหยางคิดหักหน้าก็คงต้องได้รับบทเรียนจากไทเฮาเสียแล้ว เดิมทีไป๋เหม่ยเจินมิเคยออกงานร่วมกับบิดาและฮูหยินเอก นั่นเพราะไม่ชอบความวุ่นวาย นางชมชอบอยู่เงียบ ๆ อ่านตำรา ท่องกลอน เดินหมาก กระทั่งบรรเลงพิณ ผู้คนจึงไม่เคยได้เห็นโฉมหน้าของนางมาก่อน แม้มิได้งดงามปานล่มแคว้น หรือเป็นหญิงงามที่ผู้คนต้องกล่าวขานยกย่องให้เป็นหญิงงามอันดับหนึ่ง แต่ทว่ารูปร่างผอมเพรียว ใบหน้ารูปไข่ คิ้วเรียวโก่งคล้ายดั่งคันศร จมูกโด่งเชิดรั้น คล้ายกับไม่ยอมคน ดวงตากลมโตดูสุกสกาวนัก ริมฝีปากจิ้มลิ้ม รวม ๆ แล้วก็ดูน่ารักทีเดียว ความรู้ความสามารถอันใดล้วนปกปิด หลงเหลือเพียงแค่สตรีกระโดกกระเดกไร้มารยาท ขาดคนอบรมให้ความรู้ ตำราต่าง ๆ มากมายล้วนผ่านตามาจนหมดสิ้น เพราะถูกอาชุนเคี่ยวเข็ญมาตั้งแต่เด็ก คัดอักษรลายมือล้วนงดงามอ่อนช้อยและแข็งกร้าวดุดันมีพลังทีเดียว ข่าวลือที่ว่าท่านแม่ทัพจะแต่งงานกับคุณหนูใหญ่ตระกูลไป๋ ได้ถูกกล่าวขานกันเป็นวงกว้าง เชิดชูคุณหนูผู้มีน้ำใจงาม ยินดีแต่งงานกับชายไร้ความสามารถ แต่หารู้ไม่ว่า จากคุณหนูใหญ่ เปลี่ยนเป็นคุณหนูรอง และก็มาถึงวันที่คุณหนูรองแต่งงานออกเรือนเสียที สินเดิมของคุณหนูรองยามแต่งออกเรือนนั้นมิได้มีมากมาย และยังมีสินสอดทางตระกูลหยางคิดหักหน้าตระกูลไป๋กับไทเฮาเสียด้วย ไป๋เหม่ยเจินไม่เคืองโกรธ ใบหน้าของนางประดับด้วยรอยยิ้ม เพียงแค่คิดว่านางจะได้ตอบแทนน้ำใจในครั้งนั้นก็อดที่จะตื่นเต้นไม่น้อย เกี้ยวเจ้าสาวสีแดง ประดับประดาอย่างพองาม หากใครเห็นขบวนรับเจ้าสาว ต่างก็ต้องนึกสงสารเจ้าสาวที่แต่งงานออกเรือนไป เจ้าบ่าวมิได้มารับเจ้าของตนที่จวนยังพอไหว แต่นี่ขบวนดูสั้น ๆ สินสอดมีเพียงแค่หนึ่งคันรถม้าก็เท่านั้น ท่านราชครูไป๋ขบกรามจนขึ้นเป็นสัน คิดจะไม่ให้ลูกสาวแต่งงานไปให้ได้ แต่ดีที่ว่าเหม่ยเจินเป็นคนออกปาก นางเพียงแค่กล่าวว่าสมบัตินอกกาย ไม่ตายก็หาใหม่ได้ ดังนั้นท่านราชครูจึงได้เอ่ยอนุญาตแม้จะรู้สึกถึงลางร้ายมาเยือนก็ตามที หนึ่งชั่วยามขบวนเจ้าสาวก็เดินทางมาถึงตระกูลหยาง สิ่งแรกที่ทำให้อาชุนกรุ่นโกรธราวกับมากองเพลิงสุมทรวงอก นั่นเพราะการตกแต่งช่างดูหยามเหยียดยิ่งนัก สิ่งที่เห็นอย่างที่สองมีสตรีนางหนึ่งยืนต้อนรับอยู่ เมื่อเกี้ยวเจ้าสาวมาถึงหน้าจวน “ไปเข้าด้านหลัง หาใช่ด้านหน้าไม่” โม่อวี้เฟยยิ้มเยาะ พลางเหยียดหยาม ในเมื่อทุกสิ่งทุกอย่างนางเป็นคนจัดการดูแล เรื่องนี้มีหรือนางจะยินดีต้อนรับอีกฝ่ายให้มาเป็นพี่สะใภ้ของตน ท่านลุง ท่านป้าก็ล่วงลับไปแล้ว แม้นางจะเป็นเพียงแค่ญาติห่าง ๆ แต่ก็ได้รับความไว้วางใจจากญาติผู้พี่ “จะได้อย่างไรกัน คุณหนูของข้าแต่งงานเป็นฮูหยินเอกของท่านแม่ทัพ” อาชุนตวาดใส่อีกฝ่าย สองมือเท้าเอวคล้ายดั่งแจกันหยกมีหู ใบหน้าแดงก่ำเต็มไปด้วยความโกรธ “พี่ชายข้าหาได้ต้องการฮูหยินไม่ อย่านึกว่าข้าไม่รู้ในเกี้ยวเจ้าสาวหาใช่คุณหนูใหญ่เป็นเพียงแค่คุณหนูรอง จะคิดเข้าทางหน้าจวนได้อย่างไร ต่ำศักดิ์ริอ่านจะเป็นฮูหยินใหญ่ เข้าด้านหลัง หากไม่ยินดีก็เชิญกลับไปเสียเถิด!” โม่อวี้เฟยไม่ลดละเช่นเดียวกัน ด้านนอกเกิดเรื่องอันใดขึ้นมา ท่านแม่ทัพหยางหาได้รู้เห็นไม่ เขานั่งรออยู่ในห้องนอน พิธีในช่วงเช้าก็ถือว่าไม่เกิดขึ้น ช่างแปลกประหลาดนัก มิได้กราบไหว้ฟ้าดิน ทำพิธีเพียงแค่ขอไปง่าย ๆ หากใครรู้เข้าก็คงหัวเราะเยาะสตรีนางนี้แล้ว “ท่านน้าช่างเถิดเจ้าค่ะ ข้ามีแต่ความจริงใจมอบให้ท่านแม่ทัพ สักวันเขาก็ต้องเห็นข้าอยู่ดี เราอย่าเสียเวลายืดเยื้อเลยเจ้าค่ะ ทำตามที่นางบอกเถิด” อาชุนนึกเอือมระอากับความใจดีของคุณหนูยิ่งนัก “หากยอมตั้งแต่ตอนนี้ ต่อไปคนพวกนี้ก็ต้องข่มเหงเราเป็นแน่” อาชุนมองเห็นอนาคตทันใด “ช่างเถิด ข้ามีแค่เจตนาอย่างเดียว” หากว่านางยินดีจะยืนเคียงข้างเขา ไม่ว่าจะยามสุข หรือยามทุกข์ ดวงตาเขามืดบอดนางจะเป็นดวงตาทั้งสองข้างให้เอง “เห็นหรือไม่นายของเจ้ายังออกปาก หามเกี้ยวนางเข้าด้านหลัง ต่อแต่นี้เข้าออกด้านนั้น หาใช่ประตูหน้าไม่” คำสั่งอันเด็ดขาดหรือมีอำนาจคับจวน โม่อวี้เฟยจะเป็นฮูหยินเอกให้จงได้ นางแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย บนใบหน้าอันงดงามไร้พิษสง หยางจงหมิงอดจะรู้สึกตื่นเต้นแทบจะทนไม่ไหวเขาจะได้พบนางเข้าให้แล้ว เหม่ยจู สตรีที่เขาเคยพบ นางน่ารักและอ่อนหวาน งดงามดุจเทพธิดา เรื่องทุกอย่างภายในจวนเขายกให้เป็นหน้าที่ของพ่อบ้านและญาติผู้น้อง ด้วยเพราะคนสนิทของเขาจะเดินทางกลับจากชายแดนอีกสองเดือนข้างหน้า “นายท่าน” เสียงแหบแห้งของชายชรากล่าวขึ้นมา “เจ้าสาวมาแล้วขอรับ” เขาก้าวเข้ามาพลางประคองให้เจ้านายลุกขึ้น แม้เขาจะเดินอย่างระมัดระวัง แต่ก็ต้องสะดุดอยู่ดี เขาไม่พอใจทุกครั้งที่ตนเป็นเช่นนี้ หากไม่ใช่เพราะถูกพิษละก็ เขาจะต้องไปรับเจ้าสาวด้วยตนเอง ชายชรามือชื้นเหงื่อเล็กน้อย นั่นเพราะถูกคุณหนูโม่ข่มขู่เอาไว้ หากเปิดเผยเรื่องราวในจวนที่นางได้ทำเอาไว้ให้ท่านแม่ทัพได้ล่วงรู้ มิเช่นนั้นนางจะลงโทษขับออกจากจวน หรือไม่ก็โบย “นางพอใจหรือไม่” สิ่งแรกที่กังวลใจคือเกรงว่านางจะไม่พอใจหากเขาต้อนรับนางไม่ดีพอ “เอ่อ...” ชายชราไม่กล่าวคำพูดอันใดให้เจ้านายไม่สบายใจ “พี่ชาย นางจะดีใจหรือไม่ แต่พี่ชายย่อมไม่พอใจแน่ สตรีนางนั้นเป็นเพียงแค่คุณหนูรองหาใช่คุณหนูใหญ่อย่างที่ท่านต้องการ เห็น ๆ อยู่แล้วว่าคนตระกูลไป๋คิดเช่นไร” โม่อวี้เฟยสวนขึ้นมาทันควัน ใบหน้าของนางเรียบเฉย แต่มีกลิ่นอายชวนอึดอัดคับแน่นทีเดียว เมื่อแม่ทัพหยางจงหมิงได้ยินเช่นนั้น เขาหยุดชะงักงันทันที “ตาข้าไม่ได้บอดไปตลอดเสียเมื่อไหร่ คนพวกนั้นกล้าดีอย่างไรเปลี่ยนตัวเจ้าสาวของข้า ให้คนอื่นมาสวมรอยแทน” น้ำเสียงของชายหนุ่มดูเกรี้ยวกราดนัก แม้จะดวงตามืดบอดมองไม่เห็น ใช่ว่าเป็นคนไร้ความสามารถ “กลับห้อง ข้าไม่ต้องการนาง กลับไปบอกนางด้วยว่าข้าไม่ยินดีรับนางเป็นภรรยา!” ไป๋เหม่ยจิน สวมชุดเจ้าสาวนั่งรออยู่บนเตียงมาครึ่งชั่วยาม แต่ก็ไร้วี่แววของเจ้าบ่าว สิ่งที่อาชุนไปสืบมาได้ยินเพียงแค่คำก่นด่าดูแคลนจากอีกฝ่าย ทำให้นางไม่กล้าพูดอะไรให้เจ้านายไม่พอใจ คนพวกนั้นจิตใจคับแคบพอ ๆ กับตามืดบอดของท่านแม่ทัพ หารู้ไม่ว่าคุณหนูของนางต้องมาที่นี่ด้วยเหตุอันใดกัน อาชุนยืนอยู่ข้างนอกเดินไปมา จนทำให้เจ้าสาวรับรู้ถึงเสียงฝีเท้า แต่นางก็ทำเพียงแค่นั่งนิ่ง ๆ คล้ายเสียงข้างนอกจะเป็นเจ้าบ่าว ผ่านไปครู่ใหญ่เสียงนั้นก็ไม่เข้ามาเสียที และไม่มีคนแจ้งอีกด้วย คราวนี้นางจึงนึกสำเหนียกตนเองว่า คงเป็นคนไม่สำคัญในสายตาของเขาเป็นแน่ ดังนั้นแล้วไป๋เหม่ยเจินจึงเปิดผ้าคลุมหน้าของเจ้าสาว แม้ในใจนางอยากจะให้เขาเป็นคนเปิดมันก็ตามที ในเมื่อเขาไม่มาพลันเสียใจนัก แต่ทว่าจุดประสงค์สำคัญก็เพียงแค่ต้องการอยู่ดูแลเขาไปจนกว่าจะหายดี ถึงยามนั้นเขาจะได้เห็นความตั้งใจของนาง ว่าแท้ที่จริงแล้ว นางก็มีใจให้เขา “ท่านน้าเข้ามาเถิดเจ้าค่ะ” เมื่อผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวถูกเปิดโดยฝีมือของนางเอง นางพับผ้าคลุมหน้าอย่างเรียบร้อยวางไว้บนหัวเตียง พลางสำรวจห้องนี้อย่างคร่าว ๆ ก็พบว่ามันไม่ได้ใหญ่โต ของตกแต่งในเรือนช่างดูดีกว่าสาวใช้ก็แค่นั้น พลางถอนหายใจ เมื่อรู้ชะตากรรมของตนเอง “คุณหนู หากปล่อยไว้ พวกเราจะอยู่ได้อย่างไร แค่นี้ก็รู้ว่าท่านแม่ทัพจิตใจคับแคบเพียงใด ขนาดเขาตามืดบอดคุณหนูยังยินดีแต่งงาน ขบวนรับเจ้าสาวอีก นี่ไม่เท่ากับว่าหักหน้าตระกูลไป๋หรือเจ้าคะ” อาชุนเดือดดาลนัก อกของนางแทบจะระเบิดออกเป็นเสี่ยง เพราะแค้นเคืองคนตระกูลหยาง โดยเฉพาะแม่ทัพหยางจงหมิง “ข้ามาเพื่อตอบแทนบุญคุณที่เขาเคยช่วยข้า หากวันนั้นเขาไม่ยื่นมือมาแล้ว ข้าก็คงไม่ได้อยู่จนถึงทุกวันนี้ อย่างน้อยข้าก็ได้อยู่ใกล้ชิด สักวันเขาคงจะดีกับข้า” ไป๋เหม่ยจินคิดในแง่ดี เอาไว้ก่อน ส่วนเรือนใหญ่ด้านหน้า ท่านแม่ทัพหยางเอาแต่ร่ำสุรา จนเมามายไม่ได้สติด้วยเพราะผิดหวังที่สตรีที่ตนต้องการนั้นเป็นคุณหนูเอก แม้จะเคยพบหน้ามาแล้ว มิได้สนิทสนมมากมาย แต่นางเป็นรักแรกพบของเขาก็ว่าได้ ข้างกายของชายหนุ่มมี โม่อวี้เฟยดูแลไม่ห่าง ใครจะเข้าออกห้องนี้มีเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้น “พี่ชาย ท่านเมาแล้ว” โม่อวี้เฟยแม้ว่าจะดึกดื่นแล้ว นางมาดูแลพี่ชายด้วยความหวัง ดวงตาคู่งามจดจ้องชายที่นางแอบรักมานานหลายปี ถึงเขาจะดวงตาเป็นเช่นนี้ นางก็หาได้สนใจไม่ นางเพียงแค่ต้องการมีเขาอยู่ ใช่ว่าดวงตาเขาจะมืดบอดนานจนไร้หนทางรักษา “ข้ายังไม่เมา เอาเหล้ามาให้ข้า ข้าจะดื่มย้อมใจ” เขาเอะอะโวยวาย บนพื้นห้องมีไหสุรากลิ้งไปมาหลายสิบไห ใบหน้าของเขาแดงก่ำราวกับลูกตำลึงสุก พูดคุยด้วยน้ำเสียงยาน ๆ เพราะเมาเกือบไม่ได้สติแล้ว เขายังคงสวมชุดเจ้าบ่าวเอาไว้ มิได้ถอดมันออกมา เพียงเพราะกำลังคร่ำครวญถึงสตรีในฝันที่โหยหา นึกไม่ถึงตระกูลไป๋จะสับเปลี่ยนเจ้าสาว ดังนั้นเขาจึงทำให้คนพวกนั้นได้รู้ว่า เขาก็ไม่ยอมถูกหักหน้าเช่นเดียวกัน “พี่ชายหากท่านยังเมามายไม่ได้สติเช่นนี้ ข้าจะโกรธท่านแล้วนะ” แม้ปากว่าพร่ำว่าจะโกรธ นางแอบจุดกำยานปลุกกำหนัดเอาไว้ ที่ผ่านมาหากเขาไม่ดื่มสุรามากมาย มีสติครบถ้วนจะจุดกำยานก็ยากเย็นยิ่งนัก วันนี้ได้โอกาส นางจะจัดการรวบหัวรวบหางเขาให้ได้ ทรัพย์สมบัติของเขาตั้งมากมาย มีหรือนางจะให้คนตระกูลไป๋มาชุบมือเปิบดูแลจวนหลังนี้ บัญชีต่าง ๆ นานา นางก็จัดการดูแลด้วยตนเอง เพราะได้รับความไว้วางใจจากเขา และนี่เป็นเรื่องที่ดี หากใครแต่งเข้ามานางย่อมอยู่เหนือกว่า อย่าคิดว่าสตรีเช่นนางจะงอมืองอเท้าให้อีกฝ่ายรังแกได้ง่าย ๆ “เฟยเอ๋อร์ เจ้าเป็นน้องสาวของข้า จะคิดโกรธข้าได้ลงคออีกหรือ” แม้ว่ารู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมา ยากจะควบคุมตนเอง ความรู้สึกวูบวาบมันกำลังเร่งเร้าบางอย่างให้ตื่นตัว “หากท่านยังขืนดื่มจนเมามายเช่นนี้” เมื่อเห็นว่าคนเมาเริ่มกระสับกระส่าย คลายชุดสีแดงออกอย่างช้า ๆ นางจึงได้ช่วยเขา ฝ่ามือของนางไล้บริเวณแผงอกแกร่งไปมา “ท่านพี่” เสียงหวานกล่าวออดอ้อน ขยับเข้าไปนั่งใกล้ ๆ มือของนางสวมกอบกุมมือชายหนุ่มเอาไว้ ความรู้สึกคล้ายกับว่ามีกระแสบางอย่างไหลวนเวียนในร่างกาย กลางกายรู้สึกปวดหน่วงขึ้นมาทันใด อีกทั้งยังรู้สึกอยากกระสันส่านอย่างไม่เคยมีมาก่อน จวบจนชุดของเขาถูกถอดออกจนหมด หญิงสาวประกบปากลงที่ริมฝีปากหนา ชายหนุ่มไม่ขัดศรัทธา รวบรัดกอดกระหวัดฟัดเหวี่ยงนัวเนียบนเตียงกว้าง เสียงร้องครางกระเส่าทั้งหญิงและชายดังขึ้นในเรือนใหญ่ ไป๋เหม่ยเจินคิดว่านางอยากจะมาพบเขาทำความรู้จักและข้อตกลงระหว่างนางกับท่านแม่ทัพ แต่ทว่าเมื่อเดินมาถึงห้องนอน กลับได้ยินเสียงที่ไม่น่าฟังนั้นเกิดขึ้น หัวใจที่มีรักอยู่อย่างท่วมท้นได้พังทลายลงมาทันใด การรักเขาข้างเดียวแม้จะเจ็บปวด แต่นางก็ยินดี นึกไม่ถึงว่าคืนเข้าหอนางกลับเป็นฝ่ายมาหาเขาถึงห้องนอน แต่ก็ต้องมาพบกับเรื่องที่ทำให้เจ็บปวดยิ่งนัก หญิงสาวยืนอยู่หน้าห้องด้วยหัวใจอันแสนรวดร้าวอย่างทรมาน แม้จะทำใจแข็งก็ไม่อาจจะต้านทานความรู้สึกเสียใจได้ นางจึงหมุนกายคิดจะกลับไปยังห้องนอน พลันประตูห้องก็เปิดออกมา “พี่สะใภ้ ข้าขอโทษ” น้ำเสียงสั่นเครือของโม่อวี้เฟยดังขึ้น จนทำให้ไป๋เหม่ยเจินตกใจ “อย่าทำร้ายข้าเลยนะ ข้าขอร้องท่านล่ะ” ไป๋เหม่ยเจินยังคงตกตะลึงจนตาค้าง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม