3

1210 คำ
3 “พี่ชายอีกไม่นานท่านจะแต่งภรรยาแล้ว” น้ำเสียงหวาน ๆ ของญาติผู้น้องดูแลญาติผู้พี่มาเป็นแรมเดือน ด้วยเพราะแอบรักชายคนนี้สุดหัวใจ แม้ว่าเขามีท่าทีเย็นชาและห่างเหิน แต่เขาไม่ปฏิเสธการดูแลจากนางก็นับว่าทำให้นางดีใจยิ่งนัก นั่นเพราะขอให้อยู่ใกล้ชิดเขาก็พอใจแล้ว “นางเป็นคุณหนูใหญ่ตระกูลไป๋ บุตรีของท่านราชครู ข้าเคยพบนางมาแล้วสองครั้ง งดงามไม่น้อย” เขากล่าวชื่นชมคู่หมั้นสาว แต่หารู้ไม่ว่าตนจะต้องแต่งงานกับน้องสาวแทน ส่วนญาติผู้น้องก้มหน้าลงเล็กน้อย หัวใจของนางเจ็บแปลบขึ้นมาทันใด เมื่อเห็นว่าญาติผู้พี่นั้นไม่มีนางอยู่ในสายตาสักนิด “จัดเตรียมไปถึงไหนแล้ว” เขากล่าวถามขึ้นมาเพื่อสอบถามว่าจวนที่เขาสั่งให้พ่อบ้านจัดเตรียมเอาไว้ เครื่องประดับล้ำค่าเขาก็ต้องกำชับพ่อบ้านอีกแรง แต่ทว่าญาติผู้น้องเงยหน้าขึ้นมากำหมัดแน่นข่มความโกรธเกรี้ยวเอาไว้ ภายในจวนนี้ใครจะมีอำนาจเหนือนางกันเล่า “จัดเตรียมเรียบร้อยตามคำสั่งของพี่ชายแล้วเจ้าค่ะ” กล่าวจบนางก็ลุกขึ้นยืน “เดี๋ยวข้าจะออกไปดูว่าขาดเหลือสิ่งใดในจวนอีกเพื่อต้อนรับพี่สะใภ้” นางกล่าวแดกดัน หัวใจของนางเดือดปุด ๆ ราวกับกาน้ำร้อนเดือดได้ที่ เสียงฝีเท้า นั้นดูหนักกว่าทุกครั้งไป “คุณหนูโม่ ในเรือนจัดเรียบร้อยแล้วขอรับ” พ่อบ้านเก่าแก่กล่าวขึ้นมาพลางปาดเหงื่อเม็ดโตผุดขึ้นบนใบหน้าของชายชรา นับตั้งแต่ที่ท่านแม่ทัพถูกพิษก็มีคุณหนูโม่อวี้เฟยติดตามมาดูแล และออกคำสั่งในจวนนี้ราวกับว่าเป็นฮูหยินของจวน หากพวกเขาไม่ทำตามก็จะถูกลงโทษเอาได้ง่าย ๆ นั่นเพราะว่าท่านแม่ทัพกำชับมา ให้นางมีสิทธิ์ขาดในจวนนี้ โม่อวี้เฟยปรายตามองในเรือนหลังนี้ ของประดับตกแต่งไม่มากนัก มีเพียงแค่เตียงนอนเท่านั้นที่พอดูได้ ของทุกอย่างในจวนไม่แตกต่างจากเรือนคนใช้สักนิด นางกดยิ้มขึ้นมาพลันจางหายไปในพริบตา “ดีมาก แล้ววันแต่งงานพี่ชายจะเดินออกไปได้อย่างไรกัน ให้นางเข้าพิธีกับไก่ไปแทน หรือไม่ก็งดพิธีการทั้งหมด!” “แต่ว่าคุณหนูโม่ทางนั้นเป็นถึงลูกสาวท่านราชครู นี่ไม่เท่ากับหักหน้าคนตระกูลนั้นหรือขอรับ มิหนำซ้ำหวงตี้ยังไว้วางพระทัยเป็นอย่างมากอีกด้วย เกรงว่าหากรู้ถึงพระเนตร ของหวงตี้แล้ว พวกเราจะไม่ถูกโทษหรือขอรับ” ชายชราเหงื่อท่วมตัวแล้ว เกรงว่าไม่อาจรับโทษไหว เพียงเพราะเด็กสาวคนนี้คิดชิงชังว่าที่พี่สะใภ้ มองหน้างดงามทีไรก็ อกสั่นขวัญหายนัก นางกินดีหมีหัวใจเสือมาหรืออย่างไรกัน “แล้วแต่ท่านก็แล้วกัน ทุกอย่างในจวนนี้ล้วนออกมาจากปากข้า ดังนั้นแล้วอย่าให้ใครมันปากโป้งเล่าข้าจะโบยมันจนตาย” แววตาของนางคล้ายราวกับมาเพลิงโทสะอยู่ในนั้น น้ำเสียงแข็งกระด้างกล่าวขึ้นมา จิตใจช่างดูอำมหิตเลือดเย็นนัก ใครเล่าจะรู้ว่าแท้จริงแล้ว คนที่จะเข้ามาเป็นฮูหยินเอกไม่ได้เรียบร้อยสักนิด หลังจากบิดาเอ่ยปากขนาดนั้น มีหรือบุตรีที่กตัญญูจะนิ่งเฉยดูดายบิดาได้ หากไม่ใช่เพราะบิดานั้นรักและเอ็นดูนาง ข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ บิดาก็จัดการซื้อหามาให้ แสดงความรักผ่านของใช้ต่าง ๆ “คุณหนูเหตุใดจึงตอบตกลงไปเช่นนั้น นี่ไม่เท่ากับหาเหาใส่หัวหรือเจ้าคะ” สาวใช้นึกอยากก่นด่าหรือไม่ดีดหน้าผากคุณหนูผู้ใสซื่อไร้เดียงสาเหลือเกิน จะขุดหลุมฝังตนเองหรือไม่ ยิ่งคิดก็ยิ่งกลุ้มใจ “จะหาเหาใส่หัวได้อย่างไรกัน หากข้ารักษาเขาสำเร็จ แน่นอนว่าอาจเปิดโรงหมอรักษาผู้คนได้ ข้าอ่านตำรามาสิบปี ฝึกฝนมาเป็นสิบปี แต่ไม่มีใครให้ข้าทดลองสักคน ดังนั้นท่านแม่ทัพเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด” เหม่ยเจินมั่นอกมั่นใจ นางเดินไปมาในมือยังมีตำราแพทย์พิสดารของท่านยาย “ข้าอยากตายนัก ตายวันละร้อยครั้งจะพอหรือไม่” อาชุนสีหน้านั้นแทบจะลาโลก คิดใช้ท่านแม่ทัพเป็นหนูลองยา “หากเขาตายขึ้นมาเล่าจะทำอย่างไร” นางท้อแท้กับคุณหนูน้อยผู้มองทุกอย่างในแง่ดีเสียเหลือเกิน “ไม่ตายหรอกท่านน้า ข้าจะใช้บัวหิมะพันปีที่ท่านยายมอบให้กับโสมคนหมื่นปีอีก ข้าว่าวิธีนี้ได้ผลนัก ยาพวกนี้แม้แต่ฮ่องเต้ยังไม่เสวย นับว่าท่านแม่ทัพมีวาสนายิ่งใหญ่กว่าฮ่องเต้เสียอีก” กล่าวจบนางนั่งลงบนเก้าอี้ มองในหม้อดินที่กำลังเดือดปุด ๆ ขึ้นมา ใต้หม้อดินนั้นเป็นถ่านไม้ที่นางแอบซ่อนเอาเข้ามาในเรือนหลังนี้ ใครไม่ได้รับอนุญาตอย่างคิดว่าจะเข้ามาในเรือนนางง่าย ๆ เพราะด้านหน้าของนางติดประกาศเอาไว้ “คุณหนูอีกไม่กี่วันก็จะแต่งงานแล้ว นายท่านจัดเตรียมสินเดิมให้เท่าไหร่กัน รู้หรือไม่เจ้าคะ” “แน่นอนว่าข้าต้องการของท่านแม่ทั้งหมด มีรายการอันใดบ้าง อยู่ในหีบเล็กบนโต๊ะ รบกวนท่านน้าเป็นธุระจัดการให้ข้าที” ยังไม่ทันให้อาชุนก้าวเท้าออกจากห้องนอนเสียด้วยซ้ำไป กวนซื่อก็มายืนอยู่หน้าเรือนของนางพร้อมกับสาวใช้แล้ว “คุณหนูรอง ฮูหยินใหญ่มาพบเจ้าค่ะ” สาวใช้คนสนิทกล่าวด้วยความนอบน้อม แม้จะรู้ว่าฮูหยินของ “ตายแล้ว ข้าจะทำอย่างไรดี ท่านน้าช่วยข้าทีเจ้าค่ะ” ไป๋เหม่ยเจินกำลังง่วนอยู่กับหาวิธีจัดการข้าวของเหล่านี้ อาชุนได้แต่ส่งเสียงบ่นอุบอิบ “ก็ข้าบอกคุณหนูแล้วอย่าเอาของพวกนี้มาไว้ในเรือน หากถูกจับได้ขึ้นมายุ่งตายชักเห็นหรือไม่เล่า” แม้ปากบ่นแต่วิ่งจับของเอาไปซ่อนมือเป็นพลันวัน พลางจุดกำยานดอกไม้ดับกลิ่นสมุนไพรเหม็น ๆ ภายในเรือนนี้อย่างรวดเร็ว เหม่ยเจินเปิดประตูแทนที่จะเป็นอาชุนมาเปิด ใบหน้าของนางเมื่อครู่รีบร้อนแก้มจึงได้เปรอะคราบก้นหม้อดินเผา กวนซื่อเห็นเช่นนี้แล้วตัดใจโกรธไม่ลง นางระบายยิ้มอ่อนแววตาช่างดูอ่อนโยนในคราบนางปีศาจร้ายกาจ นางล้วงเข้าไปในแขนเสื้อหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมา “ดูสิโตจนป่านนี้แล้วยังเล่นเป็นเด็ก ๆ ไปได้” น้ำเสียงหวานระรื่นหู ด้านหลังเป็นพี่สาวติดตามมา นางแอบเบะปากกลอกกลิ้งตาไปมา คิดว่าเหม่ยเจินไม่รู้ไม่เห็นหรืออย่างไรกัน มารดาผู้แสนดีเช็ดแก้มของลูกสาวจนคราบดำนั้นได้หายไป
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม