“ไปอยู่กับฉัน”
ดวงหน้าหวานสวยหันกลับมามองคนพูดประโยคเมื่อครู่
คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากัน ส่ายหน้าปฏิเสธคำของชายหนุ่มทันทีอย่างไม่ต้องเสียเวลาคิดนาน
สิงหราชมองอย่างไม่พอใจ แต่ข่มใบหน้าไม่ให้แสดงสีหน้าเอาแต่ใจออกมาให้คนตัวเล็กได้เห็น
“ทำไม” เขาเอ่ยถามเสียงราบเรียบ
ตั้งแต่เข้าสู่ช่วงวัยรุ่นมาคนอย่างสิงหราช วชิรจักร ยังไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนกล้าปฏิเสธคำชวนของเขาด้วยซ้ำ แต่ดูเหมือนผู้หญิงซื่อบื้อตรงหน้านี้จะไม่ง่ายเหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ ที่เขาเคยผ่านมา
“หนูไม่อยากรบกวนคุณสิงห์” พรพิรุณตอบออกไปอย่างที่ใจคิด เธอไม่อยากยุ่งจะเกี่ยวกับผู้ชายตรงหน้านี้อีก
“แล้วจะอยู่ในห้องสภาพแบบนี้เนี่ยนะ” ชายหนุ่มยกมือชี้ไปที่สภาพห้องเละเทะ ดวงตายังคงจ้องใบหน้าหวานสวยนิ่งๆ “หรือว่าเธอจะรอให้ไอ้สารเลวพวกนั้นกลับมาทำร้ายเอาอีก”
พรพิรุณหลุบตาลง คำพูดของเขาที่เอ่ยบอกออกมามันถูกทุกอย่าง เธอเองก็หวั่นใจว่าเจ้าหนี้พี่ชายจะกลับมาหาเรื่องอีกครั้ง ครั้งนี้โชคดีที่มีสิงหราชมาช่วยไว้ทัน แต่ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีกเธอจะยังโชคดีอีกหรือเปล่าก็ไม่รู้ ก่อนจะเงยขึ้นสบสายตาคมกริบ
“หนูจะไปอยู่กับเพื่อน”
สิงหราชมองคนตัวเล็กตรงหน้านิ่งไปอึดใจ ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ยื่นมือไปให้คนตัวเล็กได้จับ
“งั้นก็ลุกขึ้น ฉันจะไปส่ง” เขาเอ่ยบอกพลางมองคนตัวเล็กที่กำลังจะอ้าปากปฏิเสธ เลยต้องเอ่ยปากพูดย้ำอีกครั้งช้าๆ ชัดถ้อยชัดคำ
“ฉัน-จะ-ไป-ส่ง”
พรพิรุณเงยหน้าขึ้นมองคนตัวสูงสั่งให้ทำตามมากกว่าเอ่ยบอกเฉยๆ ก่อนจะยกมือข้างหนึ่งไปวางบนมือหนาช้าๆ ลุกขึ้นยืน โดยมีคนตัวสูงช่วยดึง
สิงหราชกวาดสายตามองหญิงสาวในชุดนอนแบบสายเดี่ยวกระโปรงสั้นเหนือเข่าขึ้นมาเล็กน้อยอย่างพิจารณา แล้วจึงถอดสูทออก ขยับตัวเข้าไปใกล้เพื่อเอาสูทคลุมร่างบางเอาไว้
ทว่าขณะที่กำลังสวมคลุมให้ร่างบางก็ก้มหน้าลงมากระซิบแผ่วเบาที่ข้างหูเล็ก
“ไม่มีชุดนอนที่มันเรียบร้อยกว่านี้หรือยังไง”
เมื่อคิดได้ว่าพวกชายฉกรรจ์ข้างนอกมันได้เห็นเรือนร่างสวยตรงหน้าอะไรไปแล้วบ้างก็รู้สึกหวงขึ้นมาเสียดื้อๆ อย่างไม่เคยเกิดขึ้นกับผู้หญิงคนไหนมาก่อน
พรพิรุณหดคอหนีลมหายใจร้อนๆ เป่ารดอยู่บริเวณต้นคอ คำถามที่ดังขึ้นมาทำให้เธอต้องก้มหน้าลงมองตัวเอง เพียงเท่านั้นก็ต้องรีบยกมือมากระชับเสื้อสูทปิดบังร่างกายให้มิดชิดกว่าเดิม เงยหน้าขึ้นมามองคนที่ถอยตัวออกห่าง
มือหนาเอื้อมมาจับกุมมือข้างหนึ่งของเธอไว้พร้อมกับออกแรงดึงเบาๆ ให้เดินตามหลังเขามาด้วยกัน ดวงตากลมโตมองแผ่นหลังกว้างด้วยแววตาวูบไหว
เดินออกมาจากห้องนอนก็เห็นว่าตอนนี้ภายในห้องของเธอเต็มไปด้วยผู้ชายตัวใหญ่มาเพิ่มอีกสามสี่คน เหลือบมาเห็นเจ้าหนี้ของพี่ชายนอนสลบอยู่ที่พื้น ด้วยความตกใจกับภาพตรงหน้าจึงเผลอเดินเร็วๆ เข้าไปชิดกับแผ่นหลังกว้างที่หยุดพูดอะไรกับลูกน้อง
สิงหราชสั่งการกับบอดีการ์ดที่มาใหม่ เปลี่ยนจากจับมือเล็กมาเป็นโอบไหล่บางเข้ามาแนบชิดตัวแทน หลังจากที่สัมผัสถึงแรงผวาของร่างบอบบางจากทางด้านหลัง
แล้วจากนั้นจึงพาคนตัวเล็กเดินออกจากห้องไปที่รถพร้อมกัน โดยมีลูกน้องคนสนิททั้งสองเดินประกบข้างไม่ห่างอย่างระแวดระวังภัยให้
พรพิรุณมองตามเส้นทางที่ไม่ใช่เส้นทางที่ตัวเองได้บอกกับคนขับไปก่อนขึ้นรถ ดวงตากลมโตสั่นระริกหันมองคนนั่งนิ่งๆ ข้างกาย ก่อนละสายจากสิงหราชเปลี่ยนมาชะโงกหน้าไปพูดกับคนขับรถแทน
“คุณมาผิดทางแล้วค่ะ คอนโดเพื่อนหนูไม่ใช่ทางนี้”
หนุ่มลูกครึ่งหน้าหล่อที่เคยมาส่งครั้งก่อน หันหน้ากลับมาบอก “ถูกแล้วครับ ทางนี้แหละ ผมมาทุกวัน”
วิกเตอร์ตอบกลับหญิงสาว แล้วหันกลับไปตั้งใจมองเส้นทางต่อ มุมปากแอบยกยิ้ม
“ไม่ใช่ค่ะ คอนโดเพื่อนหนูไปได้ทางเดียว คุณต้องกลับรถแล้วไปอีกทางถึงจะถูก” พรพิรุณยังคงร้องบอกต่อไป แต่ครั้งนี้กลับไม่มีคำตอบกลับมาจากคนขับอีก
หญิงสาวเริ่มรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ เมื่อสายตาเห็นว่ารถยนต์คันหรูขับเคลื่อนเข้ามาในโรงแรมหรูหราที่เคยมาไม่นานนี้เอง ดวงตากลมโตสั่นระริกแล้วรีบขยับตัวจนติดขอบประตูด้วยความหวาดกลัว
“คุณพาหนูกลับเดี๋ยวนี้!” เสียงหวานเอ่ยขึ้นไม่เบานัก
ดวงตาคู่หวานทอดหาคนที่บอกว่าจะพาไปหาเพื่อนด้วยความผิดหวังที่อุตส่าห์ไว้วางใจเขา ทั้งที่ตั้งใจแล้วว่าจะไม่ไว้ใจใครอีก
สิงหราชหันมองคนตวาดลั่นรถ เขาหรี่ตาผ่านแสงไฟสลัวๆ จากนอกตัวรถ ขณะขยับตัวเข้าไปใกล้คนที่กำลังหวาดระแวงอีกนิดพลางจะเอื้อมมือไปดึงสูทที่ตกลงมาจนเห็นไหล่เล็กเปลือยเปล่า
แต่กระนั้นต้องชะงักมือค้างเอาไว้ เมื่อเห็นว่าหญิงสาวหลับตาแน่น ร่างบางสั่นเทาราวกับกำลังกลัวอะไรบางอย่าง
“เธอคิดว่าฉันจะตบเธอเหรอ” เสียงทุ้มเอ่ยถามแผ่วเบาพลันนัยน์สีดำสนิทเกิดประกายวูบไหว
พรพิรุณรู้สึกตกใจที่เห็นว่ามือหนากำลังถูกยกเข้ามาใกล้คล้ายกับที่ชายฉกรรจ์เคยทำด้วยความกลัว แต่แล้วความหวาดกลัวค่อยๆ คลายลง เมื่อมีสัมผัสแผ่วเบาตรงบริเวณไหล่
เธอลืมตามองมือหนากระชับเสื้อสูทมาคลุมไหล่ให้อย่างเบามือด้วยความประหลาดใจ สบตาคมกริบแฝงไปด้วยความอ่อนโยนนิ่งๆ
“ถึงจะไม่ใช่คนดี แต่ก็ไม่ได้เลวถึงขนาดทำร้ายร่างกายผู้หญิงไม่มีทางสู้หรอกนะ” เสียงทุ้มเอ่ยบอกเสียงแผ่วเบา
เธอมองเขาด้วยสายตาสั่นไหว แอบรู้สึกผิดที่เผลอคิดไม่ดีกับเขา แต่เพราะความระแวง และยังฝังใจกับการกระทำของชายฉกรรจ์ที่บุกเข้ามา
“หนูจะไปหาเพื่อน ถ้าคุณสิงห์ไม่พาไป หนูไปเองก็ได้ค่ะ”
สิงหราชถอนหายใจ ปรายสายตาไปทางลูกน้องสองคนที่ลุกออกจากรถไปแล้ว หลังจากที่รถจอดสนิทในพื้นที่จอดรถส่วนตัวได้เพียงไม่กี่นาที
เขาไม่พูดอะไรออกมาอีกทำเพียงเปิดประตูลงจากรถ เดินอ้อมมาเปิดประตูฝั่งหญิงสาว
ร่างบางรีบหมุนตัวกลับมาหาคนที่เดินอ้อมมาเปิดประตูฝั่งของเธออย่างไม่เข้าใจ
“มันดึกแล้วนะ ป่านนี้เพื่อนเธอคงนอนแล้วมั้ง จะไปกวนเขาทำไม” เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยบอก
พรพิรุณส่ายหน้าช้าๆ “ไม่ค่ะ หนูจะไปหาเพื่อน” เสียงหวานยืนยันคำพูดพลางขยับตัวไปอีกฝั่ง หวังจะออกจากรถแล้วหาทางไปหาเพื่อนเอง
แต่ทว่าต้องชะงักนิ่งอยู่ที่เดิม
“ลูกน้องฉันมันไม่ใช่คนดีหรอกนะ ถ้าจู่ๆ มันเกิดหน้ามืดขึ้นมา ฉันจะไม่ช่วย” สิงหราชใช้ไม้ตายเพื่อขู่หญิงสาว “เลือกเอาว่าจะมาหาฉันดีๆ หรือจะเสี่ยงหนีออกไปทางลูกน้องของฉัน”