พรพิรุณยืนท่ามกลางผู้คนนับสิบ ตรงหน้ามีสิ่งปลูกสร้างทันสมัย ซึ่งมีไว้สำหรับต้อนรับนักท่องเที่ยวในยามราตรี ดวงหน้าสวยหวานเงยขึ้นอ่านป้ายชื่อร้านผับหรูหราแห่งหนึ่งกลางใจเมือง
“ขอดูบัตรประชาชนด้วยครับ”
สิ้นเสียงนั้นก็หันไปหาเจ้าของเสียง มือบางล้วงหยิบบัตรประชาชนส่งให้กับพนักงานที่ยืนอยู่ตรงหน้า
“หนูมาหาซ้อปรายค่ะ” เธอแจ้งกับพนักงานหน้าร้านที่กำลังส่องไฟดูบัตรประชาชนของเธออยู่
พนักงานตรวจบัตรหน้าโหดรับบัตรประชาชนของเธอแล้วก้มหน้าลงดูสลับกับเหลือบสายตามาดูหน้าของเธอสองสามที ก่อนจะส่งบัตรคืนให้
“เด็กซ้อเหรอ” พนักงานเอ่ยถามกลับ
พรพิรุณพยักหน้ารับช้าๆ “ค่ะพี่”
แล้วจากนั้นพนักงานตรวจบัตรจึงหันไปกวักมือเรียกเพื่อนคนหนึ่งที่ยืนอยู่ไม่ไกลกันมากนัก
“เดี๋ยวน้องเดิมตามคนนี้ไปนะ”
พนักงานคนเดิมหันกลับมาเอ่ยบอกกับเธอ แล้วถึงได้หันไปคุยกับเพื่อนเพียงสองสามประโยค ก่อนพนักงานที่มาใหม่จะพยักหน้าให้เธอเป็นเชิงบอกว่าให้เดินตามมา
“ขอบคุณค่ะพี่” ไม่ลืมที่จะขอบคุณพนักงานตรวจบัตร แล้วจึงก้าวเดินตามพนักงานร่างสูงใหญ่เข้าไปในร้าน
ภายในผับครบวงจรแห่งนี้ถูกตกแต่งอย่างหรูหรา จัดแบ่งพื้นที่ออกเป็นโซนให้บริการชัดเจน พรพิรุณหรี่ตาลงเล็กน้อยเมื่อภายในร้านมีวิสัยทัศน์การมองเห็นต่ำกว่าปกติ เพราะแสงไฟข้างในร้านเป็นแบบสลัวค่อนไปทางมืด ร่างบางห่อไหล่เล็กน้อยที่ต้องเดินเบียดเสียดลูกค้าคนอื่นๆ เข้ามายังโซนหนึ่งของร้าน
หญิงสาวถูกพาเข้ามาในห้องห้องหนึ่งที่อยู่ชั้นสองของผับ ผนังรอบด้านเป็นกระจกใสจึงทำให้สามารถเห็นนักท่องเที่ยวด้านล่างได้ทั้งหมด อีกทั้งยังเห็นเวทีภายในร้านได้ชัดเจน
“น้องนั่งรออยู่ในนี้แหละ อีกสักพักจะมีเพื่อนมาเพิ่มสองสามคน” พนักงานคนเดิมที่พาเข้ามาในห้องเอ่ยขึ้น
แต่ก่อนที่เขาจะได้เดินออกจากห้อง พรพิรุณก็รีบร้องถามขึ้นไว้ก่อน “เอ่อพี่คะ...แล้วซ้อปรายล่ะคะ”
“ซ้อติดธุระข้างนอก วันนี้ไม่ได้เข้าร้าน”
พนักงานตัวใหญ่หันกลับมาเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ พอพูดจบก็เดินออกจากห้องไป ทิ้งให้พรพิรุณยืนเคว้งอยู่กลางห้องคนเดียว หญิงสสาวเม้มปากอย่างทำตัวไม่ถูก ก่อนจะเดินไปนั่งลงที่โซฟา
ดวงหน้าสวยวันนี้แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางให้ดูเป็นธรรมชาติ ผมยาวสลวยสีน้ำตาลคาราเมลดัดเป็นลอนสวยถูกมือบางรวบมาปิดบังไหล่เปลือยของตัวเองเอาไว้ เพราะชุดที่สวมใส่เป็นเสื้อคร็อปสายเดี่ยวสีดำ กระโปรงแบบจีบรอบสีเดียวกับเสื้อยาวเหนือเข่ามาหนึ่งฝ่ามือ พอนั่งลงเลยทำให้กระโปรงของเธอเลิกขึ้นจนต้องใช้มือมาปิดบังต้นขาของตัวเองเอาไว้
แกร๊ก!
เสียงเปิดประตูห้องทำให้ดวงหน้าหวานสวยต้องเงยขึ้นมามองคนที่กำลังเดินเข้ามาในห้อง
พรพิรุณยิ้มบางๆ เพื่อเป็นการทักทายพลางขยับตัวไปนั่งจนเกือบขอบโซฟา ดวงตากลมโตคู่สวยหรี่ลงเล็กน้อยมองการแต่งกายหวาบหวิบของทั้งสามคนแล้วก้มมองตัวเอง
“เด็กใหม่เหรอ” หญิงสาวที่เดินมานั่งข้างๆ หันมาถาม เธอยิ้มส่งให้พรพิรุณอย่างเป็นมิตร
พรพิรุณยิ้มบางๆ แล้วขานรับ “ค่ะ”
“กำกระโปรงแน่นเชียว คงจะตื่นเต้นละสิ” แล้วผู้หญิงอีกคนที่นั่งอยู่โซฟาอีกตัวก็เอ่ยขึ้นด้วยท่าทีขำๆ ปนเอ็นดู
ใบหน้าหวานก้มลงมองมือตัวเองที่เผลอกำชายกระโปรงตัวเองแน่นอย่างที่ถูกแซว แล้วถึงได้ค่อยๆ คลายมือออกจากกระโปรง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองคนถามแล้วพยักหน้ารับ
“แรกๆ ก็อย่างนี้แหละ เดี๋ยวทำไปนานๆ ก็จะชินไปเอง” ผู้มากด้วยประสบการณ์อีกคนที่นั่งอยู่ถัดไปเอ่ยขึ้นบ้าง “ฉันชื่อจีนะ แล้วเธอล่ะ”
“ฝนค่ะ” เธอแนะนำตัวกับทุกคนภายในห้อง
รู้สึกดีขึ้นมานิดหน่อยที่เจอเพื่อนร่วมงานเป็นมิตร เพื่อนร่วมงานไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คาดการณ์เอาไว้
“เราอิงนะ” ผู้หญิงคนข้างๆ เอ่ยขึ้นมายิ้มๆ
“เราชื่อกิ่ง” คนตรงข้ามก็เอ่ยขึ้นบ้าง
พรพิรุณเริ่มคลายความกังวล ส่งยิ้มบางๆ ไปผูกมิตรกับเพื่อนใหม่ทั้งสามคน
แต่ทว่ายังไม่ทันที่จะได้พูดอะไรต่อ เสียงประตูห้องก็เปิดขึ้นอีกครั้ง
ผู้ชายในชุดสูทสีดำทั้งสองคนเดินเข้ามาในห้องก่อนเป็นกลุ่มแรก ก่อนจะหยุดนิ่งอยู่หน้าประตู เพื่อหลีกทางให้ผู้เป็นเจ้านายได้เดินเข้ามา
พรพิรุณเห็นหญิงสาวทั้งสาวลุกขึ้นยืน จึงรีบลุกขึ้นยืนบ้าง แต่ถึงกระนั้นเธอกลับไม่ได้เดินไปหาคนมาใหม่เฉกเช่นเดียวกับเพื่อนใหม่ ขณะที่ชายหนุ่มทั้งสามเองนั่นก็เดินเข้าแนบชิดพวกเธอด้วยท่าทางสนิทสนม แล้วพากันเดินกลับมานั่งลงที่โซฟาคนละตัวตามเดิม
และนั่นจึงทำให้หญิงสาวจึงนั่งลงบ้าง มือบางจับกุมกันแน่นอยู่บนตักด้วยความรู้สึกประหม่า ริมฝีปากบางเม้มเป็นเส้นตรง ดวงตากลมโตกวาดมองคนอื่นๆ ที่กำลังพูดจาเอาอกเอาใจคู่ของตัวเอง
แต่แล้วไม่กี่นาทีต่อมา อยู่ๆ ประตูห้องก็ถูกเปิดออกอีกครั้ง
พรพิรุณหันไปมองหน้าประตูอีกครั้ง สายตาของเธอตอนนี้กำลังจับจ้องมองที่ชายหนุ่มร่างสูงโปร่ง อกผาย ไหล่ผึ่งดูสง่างามไม่น้อย ในชุดสูทสีเทาก้าวเดินเข้ามา เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นผู้ชายที่มีใบหน้าหล่อคมราวกับเทพบุตรลงมาจุติ แล้วไม่อาจละสายตาจากเขาไปที่ไหนได้อีก
ชายหนุ่มร่างสูงย่างกรายเดินเข้ามาในห้องด้วยท่าทางสง่าผ่าเผย ทุกอย่างบนร่างกายของผู้ชายคนนี้ ราวกับว่าถูกรังสรรค์ออกมาด้วยความประณีตอย่างกับลูกรักของพระเจ้าก็ไม่ปาน ทำเอาผู้คนที่ได้พบเห็นยากจะถอนสายตา
“พวกกูคิดว่ามึงจะหาทางออกจากวังไม่เจอ” ภาคภูมิที่นั่งอยู่โซฟาตัวกลางเอ่ยแซวเพื่อนที่กำลังเดินหน้าตียุ่งเข้ามา
“ก็เกือบไม่ได้ออกมาเหมือนกัน ดีที่ได้ไอ้ช้างช่วยเอาไว้” เสียงทุ้มติดเหนื่อยหอบตอบกลับเพื่อน
สิงหราชเดินมากระแทกตัวนั่งลงบนพื้นที่ว่างของโซฟาตัวเดียวกับหญิงสาวคนหนึ่ง แผ่นหลังกว้างพิงกับพนักโซฟาด้วยท่าทางหมดอาลัยในชีวิต ดวงตาคู่คมปิดลงพลางเอ่ยปากสั่งเสียงเบา
“ชงเหล้าให้หน่อย ขอเข้มๆ นะ”
พรพิรุณสะดุ้งน้อยๆ เธอที่นั่งอยู่ใกล้ร่างสูงใหญ่ที่สุดจึงได้ยินคำสั่งของเขาชัดเจน และคำสั่งนั้นก็น่าจะเป็นการออกคำสั่งกับเธอโดยตรง
หญิงสาวเม้มริมฝีปากบางเข้าหากันแน่น ดวงตายังคงแอบลอบมองคนที่นั่งเอกเขนกด้วยความมึนงง เธอทำอะไรไม่ถูก เพราะชงเหล้าไม่เป็นและยังไม่เคยแตะมันเลยสักครั้งในชีวิต แต่ก่อนที่จะกังวลไปมากกว่านี้ สติของเธอก็กลับคืนมาด้วยศอกของอิงที่กระทุ้งเข้ากับสีข้างเบาๆ พอหันมาก็เห็นว่าอิงทำหน้าสั่งเป็นนัยๆ ให้ทำตาม โดยมีอิงเป็นคนทำให้ดูแบบเนียนๆ
“เหล้าค่ะ”