บทที่ 1 แรกพบสบตาพาไหวหวั่น EP.1

1361 คำ
“เซ็งชะมัด ไม่น่ามาที่นี่เลยจริงๆ” เสียงบ่นพึมพำอย่างหัวเสียดังมาจากเรียวปากอิ่มบนดวงหน้าสวยกระจ่างของบุษบามินตรา เพราะเริ่มจะหงุดหงิดกับสภาพของรถที่ติดแหง็กอยู่ตรงทางเข้าห้างสรรพสินค้าชื่อดัง ซึ่งหญิงสาวลืมเสียสนิทว่าวันนี้เป็นวันหยุดราชการ จำนวนรถที่มาจับจ่ายซื้อของจึงมากกว่าปกติ ตัวเธอมีธุระผ่านมาแถวนี้จึงคิดจะแวะซื้อพวกอาหารสดไปใส่ตู้เย็นบ้างเหมือนกัน กว่าหญิงสาวจะหาที่จอดรถได้ก็ต้องขับวนขึ้นไปจนถึงชั้นบนสุดที่มีรถจอดอยู่จำนวนน้อยคัน ซึ่งเธอเองไม่ค่อยชอบเพราะดูไม่ค่อยน่าไว้วางใจเท่าไหร่นัก ขณะกำลังเปิดประตูรถคันเก่งของตัวเองหูก็ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือ ครั้นเหลียวไปมองจึงพบกับเหตุการณ์ระทึกขวัญเข้า ไม่ห่างจากที่รถของเธอจอดนัก บุษบามินตราเห็นชายฉกรรจ์ร่างผอมเกร็งกำลังยื้อยุดฉุดกระชากกระเป๋าถือใบใหญ่จากมือของสตรีวัยวัยกลางคนท่าทางภูมิฐาน ที่แม้จะมีสีหน้าตื่นตกใจเพียงใดก็ตาม แต่ก็ไม่ยอมปล่อยมือจากกระเป๋าที่ถือไว้ ปากก็ร้องให้คนช่วยไม่ได้หยุด จึงถูกชายคนนั้นต่อยเข้าที่ท้องจนทรุดลงไปกองกับพื้น แล้วคนต่อยก็กำลังจะวิ่งหนีไปพร้อมกระเป๋าในมือ หญิงสาวเห็นดังนั้นก็รีบเปิดประตูผลัวะออกไป วิ่งเข้าใส่ร่างของคนร้ายด้วยความลืมตัว โดยการกางแขนออกแล้วเหวี่ยงเข้าที่ซอกคอจนมันเสียหลักเซไป อะดรีนาลีนที่พุ่งปรี๊ดขึ้นมาทำให้เธอส่งหมัดตามเข้าที่กกหูด้วยเรี่ยวแรง ที่มีอยู่กระทั่งร่างผอมเกร็งล้มลง หญิงสาวใช้จังหวะนั้นคว้ากระเป๋าใบใหญ่จากมือมันมาได้ ก่อนจะเตะซ้ำเข้าที่ชายโครงจนมันนอนตัวงอ โจรวิ่งราวที่คาดว่าคงเป็นเพียงมือสมัครเล่น หลังเจอฤทธิ์หมัดและเท้าเข้าไปโดยไม่ทันตั้งตัวก็นั่งมึนงงไปพักใหญ่ ก่อนจะตะลีตะลานลุกขึ้นยืนแล้วโกยแน่บลงบันไดหนีไปทันที เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของหลายคนวิ่งตรงมา “กะ...เกิดอะไรขึ้นหรือครับ แล้วบาดเจ็บกันบ้างหรือเปล่าครับ” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยร่างเตี้ยล่ำวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาพร้อมกับกระบองอันโตในมือ จนพลเมืองดีสาวต้องกลั้นหัวเราะพลางคิดในใจ แล้วจะสู้กับโจรไหวไหมละนั่น “ไม่เป็นไรหรอกจ้ะพ่อคู้น พอดีแม่หนูคนนี้มาช่วยไว้ได้ทัน” สตรีวัยกลางคนหน้าตางดงามสมวัย ที่เวลานี้ค่อยหายจากอาการตื่นตระหนกหันไปตอบเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ซึ่งเมื่ออีกฝ่ายได้ฟังคำตอบก็จ้องมายังหญิงสาวสวยด้วยความทึ่ง ก่อนจะวิทยุเรียกเจ้าหน้าที่ของห้างออกมายังที่เกิดเหตุเพื่อแจ้งเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ทราบ “ขอบใจหนูมากนะจ๊ะที่ช่วยไว้ ไม่งั้นป้าคงแย่แน่ๆ ทั้งสวยทั้งมีน้ำใจ แล้วยังเก่งมากๆ ด้วย” สตรีวัยกลางคนผู้เกือบจะสูญเสียทรัพย์สินเอ่ยชมพลเมืองดีสาวสวยไม่ขาดปาก พลางเดินเอามือกุมท้องเข้ามาหา คนถูกชมนึกขัดเขินที่ถูกชมว่าสวย ถ้าอีกฝ่ายเคยเห็นเธอสมัยเป็นเด็กที่ทั้งอ้วนดำแถมยังฟันหลอ คงจะต้องรีบเปลี่ยนคำพูดใหม่เป็นแน่ เมื่อครู่ตอนที่เธอทั้งเตะทั้งต่อยคนร้ายไปนั้น เป็นเพราะนึกถึงใบหน้าของสุนทร ศัตรูสมัยเด็กขึ้นมาจึงตะบันใส่ไม่ยั้ง! ถ้าคนร้ายเป็นพวกมืออาชีพเธอคงเอาชนะมันไม่ได้ง่ายๆ หรอก “คุณป้าเจ็บตรงไหนบ้างหรือเปล่าคะ เดี๋ยวเจ้าหน้าที่มาเขาคงพาไปเช็กที่โรงพยาบาล” หญิงสาวเอ่ยถามอาการหลังจากสังเกตท่าทางการเดินเมื่อครู่ เข้าใจว่าคงจุกจากการถูกต่อยที่ท้องตอนเกิดเหตุ ก่อนยื่นกระเป๋าถือใบใหญ่ที่มองแวบเดียวก็รู้ว่าราคาแพงมหาศาลคืนให้ หญิงวัยกลางคนสั่นหน้า “ไม่เป็นไรมากหรอกจ้ะ มันต่อยป้าไม่แรงมาก แต่ก็ทำเอาคนแก่อย่างป้าถึงกับทรุดได้เหมือนกัน” คนทำตัวเป็นพลเมืองดียังไม่ทันได้พูดอะไรออกไปอีก ก็มีเสียงทุ้มๆ ดังขึ้นทางด้านหลังเสียก่อน “คุณป้า เจ็บตรงไหนบ้างหรือเปล่าครับ” คนถูกเรียกคุณป้าหันไปมอง ครั้นเห็นคนถามดวงหน้าก็พลันบังเกิดรอยยิ้ม “อ้าว...ตากาย ทำไมมายืนอยู่ตรงนี้ล่ะจ๊ะ” ชายหนุ่มเจ้าของชื่อกายยกมือขึ้นไหว้ “ผมจอดรถอยู่ตรงโน้นครับคุณป้า เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและกำลังเปิดประตูลงจะลงมาช่วยอยู่แล้ว แต่ก็ไม่ทันคุณคนนี้ครับ” พูดพลางก็ปรายตาไปยังหญิงสาวที่ยืนหันข้างให้ แล้วผุดรอยยิ้มขึ้นมาวูบหนึ่งที่มุมปาก ก่อนจะจางหายไปอย่างรวดเร็ว “อ๋อ อย่างนี้นี่เอง” “แล้วตกลงคุณป้าเจ็บตรงไหนหรือเปล่า ไปโรงพยาบาลให้หมอดูสักหน่อยไม่ดีกว่าหรือครับ” น้ำเสียงเสียงทุ้มๆ นุ่มนวลที่ได้ยินทำให้บุษบามินตราหันไปมอง ก็พบกับชายหนุ่มร่างสูงผิวขาวเนียนในชุดกางเกงสีเทาอมฟ้า เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวพับแขนขึ้นมาถึงข้อศอก ใบหน้ารูปไข่เรียวสวยดุจสตรี จมูกโด่งเป็นสันรับกับริมฝีปากแดง ผมสีน้ำตาลเข้มตัดสั้น เนี้ยบตั้งแต่ศีรษะจดเท้า และสิ่งสะดุดตาที่สุดคงเป็นนัยน์ตาคมวาววับภายใต้คิ้วเรียวเข้มจัดที่กำลังจ้องมายังเธอ มีผลทำให้คนถูกมองนิ่งงันไปชั่วขณะ คลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเห็นอีกฝ่ายที่ไหน มาก่อน เพียงแต่ยังนึกไม่ออกเท่านั้น “ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ ป้าโชคดีที่ได้หนูคนนี้ช่วยไว้ ไม่งั้นคงสูญเสียทรัพย์สินไปมิใช่น้อย...” หญิงวัยกลางคนพูดยังไม่ทันจบประโยคก็ต้องชะงัก เนื่องจากเสียงแหลมๆ ของหญิงสาวที่เดินแกมวิ่งมายืนข้างชายหนุ่มดังแทรกขึ้นมาเสียก่อน “กายขา ไหนบอกว่าจะลงมาแป๊ปเดียวไงล่ะคะ” หลังต่อว่าชายหนุ่มด้วยท่าทางกระเง้ากระงอดแล้ว จึงหันไปยกมือไหว้สตรีวัยกลางคน “สวัสดีค่ะคุณป้าไคริกา” “หนูวิภาวีนี่เองก็นึกว่าใคร คุณแม่สบายดีหรือเปล่าจ๊ะ” คุณหญิงไคริกา อัครโยธิน ยกมือรับไหว้แล้วถามขึ้นตามมารยาท เมื่อจำได้ว่าอีกฝ่ายเป็นบุตรสาวนักธุรกิจนำเข้าเฟอร์นิเจอร์รายใหญ่ และมารดาของหญิงสาวผู้นี้เคยบริจาคเงินเข้าองค์กรการกุศลผ่านท่านอยู่หลายครั้ง “สบายดีค่ะ ตอนนี้หนีไปเที่ยวยุโรปอยู่ แล้วคุณป้าปลอดภัยดีใช่ไหมคะ วิกกี้เห็นเหตุการณ์อยู่เหมือนกัน ยังห้ามกายไม่ให้ลงมาเลยค่ะ กลัวจะถูกลูกหลง” คำพูดไม่ได้คิดของวิภาวีสร้างความขุ่นเคืองให้เกิดขึ้นบนใบหน้าเรียบสนิทของชายหนุ่มทันที จึงต่อว่าอีกฝ่ายออกไปด้วยน้ำเสียงเข้มอย่างไม่พอใจ “พูดจาแย่ๆ แบบนี้ออกมาได้ยังไงวิกกี้ ผมบอกแล้วไงว่าให้รออยู่บนรถ คุณลงมาทำไมล่ะ” “ก็...วิกกี้รออยู่บนรถตั้งนานไม่เห็นกายกลับไปเสียที ก็เลยต้องลงมาตาม วิกกี้เป็นห่วงกายนี่คะ” วิภาวีหันไปพูดเสียงอ่อยๆ กับชายหนุ่ม น้ำเสียงแหลมๆ ดังกล่าว ทำให้บุษบามินตราซึ่งปิดปากเงียบมาตลอดและกำลังจะเอ่ยขอตัวอดหันมองเจ้าของเสียงอันแสนจะน่ารำคาญหูนั่นไม่ได้ แล้วก็ต้องลอบแบะปากเมื่อเห็นเสื้อผ้าอีกฝ่ายอยู่ในสภาพไม่ค่อยจะเรียบร้อยนัก จากกระดุมเสื้อสองเม็ดบนที่ไม่ได้ติด ยิ่งเห็นคราบลิปสติกจางๆ ที่ติดอยู่ข้างแก้มของชายหนุ่ม ก็ยิ่งทำให้คนมองคาดเดาเหตุการณ์ไปได้ต่างๆ นานา
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม