มองไปข้างหน้าช่างมืดมน ในเมื่อพ่อแม่ของเธอยกเธอเพื่อปลดหนี้ก้อนใหญ่ของครอบครัวไปแล้ว แถมยังหมั้นกับเขาไปแล้วด้วย แล้วแบบนี้เธอจะหนีการแต่งงานไปได้ยังไง ใครเล่าจะช่วยเธอได้
ก๊อกๆ!
เสียงเคาะประตูด้านนอก ทำให้พันสิงห์เดินออกไปจากห้องนอน แล้วลลินก็ได้โอกาสแต่งตัว ก่อนจะรีบเดินออกจากห้องนอนเพื่อมาดูว่าใครมาหา
หวังว่าจะมีญาติคนไหนโผล่เข้ามาช่วยเธอสักคน และบางทีคืนนี้ เธออาจจะไม่นอนที่บ้านหลังนี้ อาจจะหนีไปนอนบ้านของป้าหอมนวลที่อยู่ท้ายหมู่บ้านก็ได้
ทว่าเมื่อเดินออกมา เธอก็พบกับใครคนหนึ่งที่เธอไม่คาดฝันว่าจะได้เจอเขาในตอนนี้
“นิคม!”
ลลินดีใจมากที่ได้เจอเพื่อนสนิทสมัยที่ยังเรียนอยู่ชั้นประถมด้วยกัน
นิคมจากหมู่บ้านไปนานมาก หกปีเห็นจะได้มั้ง เขาจากไปตั้งแต่เรียนป.6 ตอนนี้เขาคงเรียนจบม.6 แล้ว เพราะได้ข่าวว่าไปเรียนมัธยมแถวในเมือง
แต่เธอสิจบแค่ม.3 เท่านั้นพ่อแม่ก็ให้หยุดเรียนมาทำสวนทำไร่ช่วยพ่อกับแม่แล้ว เพราะฐานะยากจน เธอจึงไม่ได้เรียนต่อ
แต่ก็ไม่เคยนึกเสียใจที่ไม่ได้ไปเรียนเหมือนเพื่อนๆ แต่เสียใจที่ต้องมาหมั้นกับผู้ชายที่เธอไม่เคยรู้จักมักคุ้นกับเขามาก่อนมากกว่า รู้แค่ว่าเขาเป็นเจ้าหนี้ของพ่อกับแม่เท่านั้น แล้วถ้าไม่ตกลงหมั้นกับเขา ทุกคนในบ้านก็จะไม่มีที่ซุกหัวนอน
“ไม่ได้เจอกันนาน แนนสบายดีนะ”
“แนน สบายดี”
“คมกลับมาถึงบ้าน คมคิดถึงแนนเป็นคนแรกเลย แล้วนั่นใครเหรอ”
“คือ.... เขาเป็นเจ้าหนี้ของพ่อน่ะ เขามาเก็บดอกเบี้ย”
ลลินไม่กล้าบอกความจริงกับเพื่อนว่าเธอหมั้นแล้ว เธอไม่อยากให้ใครรู้ทั้งนั้นว่าเธอกำลังจะแต่งงานในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้
เวลาไม่กี่ปีทีไม่ได้เจอกัน นิคมดูเป็นหนุ่มขึ้นมาก แถมยังหล่อขึ้นกว่าเดิมมากด้วย และนิคมคือเพื่อนชายเพียงคนเดียวในหมู่บ้านที่ลลินสนิทด้วย
เคยนั่งกินข้าวด้วยกัน เคยไปเดินตลาดนัดด้วยกัน เคยไปเที่ยวงานวัดตอนกลางคืนด้วย ช่วงเวลานั้นเป็นช่วงเวลาที่เธอมีความสุข สนุกสนานมากที่สุดช่วงหนึ่งของชีวิตเลยก็ว่าได้
“คิดถึงความหลังเมื่อครั้งที่เรายังเด็กเนาะ” นิคมเอ่ยขึ้นมาก่อน
“ใช่ เวลามันไปผ่านเร็วจังเนาะ แป๊บๆ บางคนก็แต่งงานไปแล้ว แล้วคมมีแฟนรึยัง”
“ยัง คมยังโสด”
“แล้วคมทำงานหรือยัง หรือว่ายังเรียนอยู่”
“คมเรียนจบม.หกแล้ว คมก็กลับมาบ้านเลย คิดอยู่ว่าจะเรียนต่อดีไหม หรือทำงานเลย เพราะงานที่คมทำระหว่างที่เรียนไปด้วยเงินดีมากเลย”
“งานอะไรเหรอ แนะนำแนนบ้างสิ”
“คมไปเป็นนักร้องในผับ ได้วันหนึ่งเป็นพันเลยนะ บางวันได้ทิปด้วย รวมๆแล้วเดือนหนึ่งทำงานเฉพราะตอนกลางคืน คมมีรายได้เดือนหนึ่งหลายหมื่นเลย”
“โห รายได้ดีขนาดนั้นเลยเหรอ คมว่าอย่างแนนพอจะทำงานอะไรได้บ้างล่ะ”
“ทำงานเป็นสาวเสิร์ฟก็ได้นะแนน มีเพื่อนๆที่อยู่ห้องเดียวกัน ไอ้ทรายไงจำได้ไหม มันไปเป็นสาวเสิร์ฟที่นั่น เดือนหนึ่งก็ได้พอๆกับคมเลย แต่ทำงานง่ายมาก แค่เดินเสิร์ฟเครื่องดื่มหรือว่าเสิร์ฟอาหารเท่านั้น”
“แนนอยากทำบ้างจัง คิดดูว่าถ้าเดือนหนึ่งเก็บได้สามหมื่น ปีหนึ่งสามแสนหก สามปีแนนก็คงทำงานปลดหนี้ให้พ่อกับแม่ได้แล้ว”
ทว่าพอมาคิดถึงตรงนี้ ใจของลลินก็สลดวูบ เมื่อเธอคิดว่ามันคงสายไปแล้วที่จะไปหาเงินมาใช้หนี้ให้พ่อกับแม่ของเธอ แต่ว่าเธอก็ไม่อยากอยู่แบบไร้ค่านี่ เธอก็อยากมีงานทำ อยากมีเงินเก็บเป็นของตนเอง และที่สำคัญจะได้หาเงินมาเลี้ยงดูพ่อแม่ให้อยู่อย่างสุขสบายด้วย โดยที่ไม่จำเป็นต้องแบมือขอเงินใครใช้
การทำไร่ทำนามันก็ดีอยู่หรอก แต่ว่ามันไม่ค่อยมีรายได้เพียงพอกับค่าใช้จ่าย แถมไม่มีเงินเก็บเวลาไปหาหมอในยามเจ็บป่วยไข้อีกด้วย เธออยากจะทำงานหาเงินมาช่วยครอบครัวจริงๆ เธอไม่ยอมแต่งงานกับเขาแล้วทำหน้าที่เมียไปวันๆหรอก เธอจะต้องทำงานไปด้วย
ลลินตั้งใจแล้วว่า เธอจะหาทางคุยกับนิคมเรื่องที่เธออยากจะไปทำงานกับเขาให้ได้ อย่างน้อยก็มีทรายหรือเพลินใจทำงานที่นั่นด้วย
แล้วนิคมกับลลินก็คุยกันไปจนถึงเวลาอาหารกลางวัน ลลินก็ทำกับข้าวกับปลามาเลี้ยงนิคมตามปกติที่เคยทำสมัยยังเด็ก ที่นิคมเคยมาฝากท้องที่บ้านของเธอเป็นประจำ
แล้วภาพที่สองคนหัวร่อต่อกระซิกกันก็อยู่ในสายตาของคนที่อยู่บ้านในบริเวณบ้านเดียวกัน ตลอดเวลาที่หันมองมา มันทำให้เขาไม่พอใจ
ต่อให้เขายังไม่ได้แต่งงานกับลลิน แต่หล่อนก็ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเมียของเขาแล้ว ผู้ชายคนไหนก็ห้ามมายุ่งกับผู้หญิงของเขาทั้งนั้น
แต่พันสิงห์ยังไม่ทันจะได้คิดอะไรต่อ เขาก็ต้องกุมขมับเมื่อภรรยาทั้งสองคนที่เคยทะเลาะกันบ่อยๆของเขา เดินมาทางสำนักหมอดูของเขา
‘พวกหล่อนมาทำไม แล้วทำไมวันนี้ถึงสามัคคีกันได้’
สองนางบังเอิญไปเห็นภาพว่าที่เมียคนสามของสามีตัวเองกำลังคุยอย่างสนิทสนมกับนิคมที่พวกนางต่างก็รู้จักเพราะเคยไปเจอนิคมร้องเพลงอยู่ที่ผับที่พวกนางเคยไปตามหาพันสิงห์ แต่ก็ไม่เจอพันสิงห์ ทว่ากลับเจอนิคมแทน
พวกนางจำนิคมได้ดีเพราะเสียงร้องของเขาไพเราะมากและหน้าตาดี