เยส! สะใจอย่างแรงเลยให้ตาย!!
ในที่สุดผมก็ซิ่งตามมันทัน แถมได้โบนัสแอบเปิดกระโปรงยัยแว่นหมีโหดช่วงชุลมุนได้อีกต่างหาก โว้ว! เอาละ ประตูโรงเรียนนานาชาติที่ผมเรียนอยู่ห้องเกือบบ๊วยมาตลอดนับแต่จำความได้ -_-v อยู่ข้างหน้าไกลลิบๆ นี่แล้ว~
วันนี้ผมจะชนะปูโน่เป็นครั้งแรกในรอบสองปีเชียวนะ!!
ผมกับปูโน่ ก็อย่างที่บอกว่าเราเป็นฝาแฝดกัน ฝาแฝดไข่ใบเดียวกันที่โครโมโซมภายนอกถอดแบบมาเหมือนกันเป๊ะ! ขนาดที่แม่เคยเล่าให้ฟังว่าตอนเราเป็นเด็กแม่ยังแยกไม่ออกเลยว่าคนไหน ‘คาปูชิโน่’ คนพี่ คนไหน ‘เอสเพรสโซ่’ คนน้อง =_= ถึงกับต้องทำกำไลข้อมือร้อยป้ายชื่อพวกผมไว้พลิกดูชื่อกันเลยว่างั้น
พอคิดย้อนกลับไปตอนอยู่ในท้องแม่แล้วก็อดแหยงเบาๆ ไม่ได้ทุกทีเรื่องที่สายสะดือเราผูกกันตั้งเก้าเดือนในท้องแม่น่ะ -_-^ ณ เวลานี้ผมไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับมันเลยเหอะ ไม่รู้มันเริ่มตั้งแต่ตอนไหน... แต่พอจำความได้ ปูโน่ก็ติดแบล็กลิสต์อันดับหนึ่งในสมองผมแล้ว!
ผมชะลอความเร็วลงที่ริมถนนอันทอดขนานกับรั้วโรงเรียนเพื่อโปรยยิ้มตอบบรรดาสาวๆ ที่โบกมือโบกไม้ทักทายกันแต่เช้า แถมส่วนมากจะเรียกชื่อผมถูกกันอีกต่างหาก ถึงจะเพราะได้ยินคนข้างๆ เรียกต่อกันเป็นทอดๆ ก็เถอะ แต่แหงละ... คนอย่างเอสเพรสโซ่ไม่เคยให้สาวซ้อนท้ายจนบรรดาแฟนคลับต้องช้ำใจเหมือนคาปูชิโน่อยู่แล้ว
ฟ้าว~!!
OoO!
เฮ้ย! ไม่จริงอะ ช่วงจังหวะที่ผมชะลอรถเช็กเรตติ้งแค่ไม่ถึงนาที ฟิกซ์เกียร์คันนั้นก็แล่นฉิวแซงไป แถมยัยหมีโหดที่นั่งซ้อนท้ายยังชูนิ้วกลางส่งมาให้แบบโดยไม่ชายตาแล
โหย... โคตรจะหยาม -_-^
แบบนี้ต้องเจอกันสักตั้ง!
ผมเร่งสปีดเบียดคู่จักรยานคันหน้าได้อย่างไม่มีคำว่ายาก แต่เรื่องที่จะแซงก็ไม่ง่ายเหมือนกัน ประตูโรงเรียน... ประตูโรงเรียน... ประตูโรงเรียนอยู่ตรงหน้านี่แล้ว และตอนนี้ผมปั่นนำอยู่ประมาณเซ็นต์นึงละ!
“กอด”
สิ้นเสียงของปูโน่ คนซ้อนท้ายก็กอดเอวคนปั่นหมับเร็วตามสั่ง พร้อมกับที่คู่แข่งตลอดกาลของผมยกล้อหน้า สปินจักรยานหมุนเหวี่ยงมาทางจักรยานของผม =[]= วินาทีนี้ผมยิ่งไม่เข้าใจไปกันใหญ่ว่าทำไมใครต่อใครถึงชื่นชมว่ามันเป็นคนดีเลิศประเสริฐศรีได้ฟะ! นี่มันเลว! ชั่ว! ขี้โกงชัดๆ! มันทำให้ผมต้องหักหลบฝุ่นตลบ รถแทบปลิว ขณะที่ตัวมันประคองจักรยานหมุนวนกลางอากาศหนึ่งรอบกลับไปแตะล้อหน้าลงบนเส้นคั่นแบ่งระหว่างพื้นที่ด้านในกับหน้าโรงเรียนได้อย่างเฉียดฉิว
รถคันนั้นจอดนิ่งแค่ไม่กี่วินาทีก็ค่อยเคลื่อนเข้าโรงเรียนไปอย่างสบายอารมณ์โดยที่เท้าคนปั่นไม่ทันได้ยันพื้นด้วยซ้ำ และหมีโหดก็ยกมือแตะคิ้วสะบัดออกเยาะเย้ยทิ้งท้าย โดยไม่จำเป็นต้องหันกลับมามอง
อ๊าก... แพ้! แพ้มันอีกแล้ว!
ถึงจะเพราะโดนโกงก็เถอะ แต่ผมก็แพ้!!
ตั่บๆ
ฮึ่ย... คนกำลังอารมณ์เสีย -_-^ ใครมันบังอาจมาตบบ่าผมอีกวะ
“ไม่เป็นไรนะปูโน่”
ทักผิดไม่พอ ไอ้แว่นจืดที่ผมพอจะคุ้นว่ามันเป็นเด็กเรียนดีอันดับต้นๆ ไล่หลังปูโน่ไม่เท่าไหร่ยังส่งสายตามาดร้ายไปยังฟิกซ์เกียร์คันนั้นที่กำลังเลี้ยวเข้าโรงจอดจักรยานได้อีก
อะไรของมันวะครับ?
“น้องชายนายนั่นมันโคตรชั่วเลยว่ะ กับพี่กับเชื้อยังไม่เว้น”
อ้าว... ไอ้นี่ วอนแล้วมั้ยล่ะ -*-
แล้วถ้าจะพูดกันให้ถูกจริงๆ นะ ต้องบอกว่าปูโน่พี่ชายผมอะมันโคตรเฟก! เฟก! เฟก!
“สั่งสอนมั่งก็ดีนะ ปล่อยไปจะยิ่งเหลิง”
ไอ้คุณแว่นชะตาขาดตบบ่าผมปั่บๆ อีกสามสี่ทีด้วยสายตาเห็นอกเห็นใจ และผมฉวยจังหวะที่มันกำลังจะก้าวเดิน กระชากคอเสื้อดึงไอ้คุณแว่นแกงจืดกลับมาจ้องหน้าแบบเหี้ยมๆ ก่อนพูดเน้นเสียงชัดถ้อยชัดคำ จนหน้าขาวๆ นั่นไร้สีเลือดในพริบตา
“เอสโซ่น่ะ กูเอง!”
อารมณ์ค้าง...
ไอ้คุณแกงจืดที่สะเออะมานินทาผมให้ผมฟังมันทำผมค้างมาจนถึงเที่ยงนี่เลย -*- กะว่าจะได้ออกกำลังยามเช้าเพื่อสุขภาพซักหมัดสองหมัด แต่หมอนั่นกลับยกมือไหว้ขอโทษปลกๆ หน้าซีด ตัวสั่น จนผมต้องปล่อยตัวมันไปโดยไร้รอยขีดข่วนด้วยความสมเพช
แต่มันก็ทำให้ค้าง! ค้าง! ค้าง!
ฮึ่ย...พูดแล้วก็นึกอยากระบายกับใครสักคน
“เอสโซ่!”
ผมหันตามเสียงนั่น และคว้าลูกบอลสีส้มที่พุ่งทะยานมาเกือบประสานงากับหน้าตัวเองอยู่รอมร่อไปหมุนควงเล่นแบบชิลๆ ขณะที่ปริ๊นซ์ตัวการที่พยายามประทุษร้ายหน้าตาอันหล่อเหลาขั้นเทพของผม -_-+ กำลังยืนอยู่กลางกลุ่มเพื่อนคุ้นหน้าคุ้นตาและยักคิ้วยวนเชิญชวนให้ผมนึกอยากบรรจงวางฝ่าเท้าบนหน้าลูกครึ่งหล่อๆ ของมันอย่างเนียนๆ ซักทีสองที
“เห็นป่ะ ก็บอกแล้วว่านั่นน่ะเอสโซ่ๆ พวกมึงก็ไม่เชื่อ ปูโน่มันไม่ทำหน้าเ**ยกๆ แบบนั้นหรอก”
ดูมัน - -^
ผมหยุดหมุนบอล ส่งสายตาอาฆาตยิกๆ ไปให้พวกปริ๊นซ์ที่แท็กมือกันอย่างสะใจ ไม่รู้ว่าเพราะทายแม่นหรือหลอกด่าผมได้
เพื่อนผมส่วนมากจะไม่ค่อยทักพวกผมผิดเท่าไหร่ เพราะปูโน่มันติดมาดคุณชายหน้ามึน ต่างกับผมลิบลับ แต่ผมก็เคยแกล้งตีหน้านิ่งหลอกพวกมันเหมือนกันนะ และทุกครั้งพวกปริ๊นซ์ก็โดนต้มจนเปื่อย ตอนนั้นผมจะหัวเราะเยาะ ตีก้นแปะๆ ใส่ จนโดนไล่เตะมานักต่อนักแล้ว ฮ่าๆ
“มาเอสโซ่ ซ้อมกันหน่อยดีกว่า ใกล้แข่งแล้ว”