“ถ้างั้นนายก็ช่วยดูแลยัยวาคืนนี้ให้หน่อยก็แล้วกัน ถือว่าเห็นแก่ฉัน”
“ฉันไม่เห็นแก่นายหรอก ฉันจะพาวาไปส่งบ้านเดี๋ยวนี้แหละ” ปรมินทร์ยืนกรานหนักแน่น
“ถ้าไม่เห็นแก่ฉัน นายก็เห็นแก่เมีย เห็นแก่ลูกน้อยของฉันหน่อยนะ ถือว่าฉันขอร้องล่ะ”
ปรมินทร์อึ้งไปเมื่อเมธวินเอาลูกกับเมียมาเป็นตัวประกัน
ชายหนุ่มถอนใจออกมาแรงๆ ปรายตามองคนเมาเล็กน้อย ก่อนจะตอบออกไป
“ก็ได้ แต่พรุ่งนี้เช้านายรีบมารับวากลับบ้านเลยนะ”
“ได้สิ สรุปนายจะพายัยวาไปที่คอนโดของนายใช่ไหมไอ้สอง”
“อืม”
“งั้นฝากด้วยโว้ย ขอบใจมาก”
ปรมินทร์ถอนใจยาวเหยียด มองวาสินีที่เมาคอพับคออ่อนด้วยความหนักใจ
ตรงกันข้ามกับคนปลายสายอย่างเมธวินที่ยิ้มร่าอย่างมีความสุข
เขาเดินขึ้นไปนั่งบนเตียง กอดร่างอวบของภรรยาเอาไว้
“รินไม่ได้แพ้กลิ่นเหล้าสักหน่อยค่ะ”
เมธวินอมยิ้ม “ก็ถ้าผมไม่ใช้เหตุผลนี้ ไอ้สองมันก็จะพายัยวามาส่งที่บ้านน่ะสิครับ”
“พาน้องวามาบ้านมันไม่ดีตรงไหนล่ะคะ ที่นี่บ้านของเธอนะคะ”
เมธวินหันมองหน้าภรรยา ก่อนจะพูดถึงแผนการของตัวเอง
“ผมกำลังจะจับคู่ไอ้สองให้กับยัยวาน่ะ”
รินลดาเบิกตากว้างตกใจ
“จะเป็นไปได้ยังไงล่ะคะ ในเมื่อน้องวาชอบคุณหนึ่ง”
เมธวินอมยิ้มแววตาเป็นประกาย
“มันเป็นไปได้ไม่ยากหรอกริน เชื่อมือผมสิ รับรองว่าพรุ่งนี้ ผมได้ไอ้สองเป็นน้องเขยแน่ๆ”
“นี่แสดงว่า... คุณสองเป็นคนฉวยโอกาสเหรอคะ”
เมธวินรีบเบรกความคิดของภรรยา
“ไม่ใช่แบบนั้นหรอกริน... ไอ้สองมันสุภาพบุรุษจะตาย”
“อ้าว แล้วทำไมคุณสองถึงจะได้เป็นน้องเขยของคุณวินในวันพรุ่งนี้ล่ะคะ” รินลดาจ้องมองหน้าสามีด้วยสายตาประหลาดใจ
ชายหนุ่มที่โอบกอดภรรยาเอาไว้ อมยิ้มน้อยๆ ในหัวมีแผนการมากมาย
“ยัยวาต่างหากที่เมาแล้วไว้ใจไม่ได้”
“น้องวาเหรอคะ?”
เมธวินผงกศีรษะขึ้นลงเล็กน้อย ใบหน้าเกลื่อนไปด้วยรอยยิ้ม
แพรวนภาที่จับตามองปรมินทร์ตลอดเวลา รีบลุกขึ้นจากโต๊ะ และพุ่งตัวมาดักหน้าชายหนุ่มที่ประคองร่างของวาสินีออกมาที่หน้าไนต์คลับได้ทันเวลา
“มีอะไรให้แพรวช่วยไหมคะ”
แพรวนภาปรายตามองสภาพของหญิงสาวที่ปรมินทร์กำลังประคองอยู่ด้วยสายตาสมเพชระคนไม่เป็นมิตร
“ไม่เป็นไรครับหมอแพรว”
“เธอน่าจะเมามากนะคะ ให้แพรวช่วยดูไหมคะ” แพรวนภายังคงไม่ลดละความพยายาม
“อย่าเลยครับ หมอแพรวเข้าไปสังสรรค์กับเพื่อนๆ ต่อเถอะ ทางนี้เดี๋ยวผมจัดการเอง”
แม้หล่อนจะรู้ดีว่าปรมินทร์พูดเพราะเกรงใจ แต่หล่อนยังไม่เลิกตอแย
“แต่มันจะเหมาะเหรอคะ หมอสองเป็นผู้ชายนะคะ แล้วน้องคนนี้ก็เป็นผู้หญิง”
ปรมินทร์อมยิ้มให้กับคู่สนทนาเล็กน้อย ขณะตัดสินใจช้อนร่างของวาสินีขึ้นมาอุ้ม เจ้าหล่อนเมามายจนไม่มีแรงขัดขืน
“ผมเห็นวามาตั้งแต่เล็กน่ะครับ ไม่มีทางที่ผมจะทำอะไรไม่ดีกับเธอหรอก”
“เอ่อ... แพรวไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นหรอกค่ะ แพรว...”
“หมอแพรวเข้าไปดื่มกับเพื่อนๆ ต่อเถอะครับ ผมขอตัวก่อนครับ”
แล้วแพรวนภาก็ทำได้แค่ยืนปั้นยิ้มแกนๆ ให้กับปรมินทร์ และก็มองดูเขาอุ้มร่างของเด็กบ้านั่นไปที่รถอย่างทำอะไรไม่ได้
“แค่น้องสาวเพื่อน ทำไมคุณถึงดูเป็นห่วงเป็นใยนักล่ะคะหมอสอง”
แพรวนภาบ่นพึมพำอย่างไม่ชอบใจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากเดินกลับเข้าไปในไนต์คลับตามเดิมเท่านั้น
“อาวววว เอาเหล้ามา... จะเอาเหล้า...”
คนเมาที่เขาเพิ่งจะอุ้มก้าวข้ามธรณีประตูคอนโดหรูเข้ามาร้องแหกปากหาแอลกอฮอล์ดังลั่น จนหูของเขาแสบไปหมด
“เมามากแล้ววา...”
“ม่าย... ม่ายเมา... ม้าย... ม่าวววว”
เจ้าหล่อนที่เขาอุ้มอยู่ดิ้นขลุกขลักทำให้จำต้องโยนลงไปบนโซฟาแทน
“โอ๊ยยย...”
แม่คนเมาหัวราน้ำร้องโวยวายคงเพราะเจ็บ เขาทำได้แค่ยืนส่ายหน้าด้วยความระอาใจ
“เหล้ามันทำให้หายอกหักได้หรือไง ถึงได้ดื่มเข้าไปขนาดนี้เนี่ย”
“พี่หนึ่ง... พี่หนึ่งใจร้าย... พี่หนึ่ง... ทำไมไม่รอวาก่อน... ฮืออออ...”
แล้ววาสินีแม่เมรีขี้เมาก็พลิกตัวไปมาบนโซฟาจนตกลงมาบนพื้นดังแอ๊ก
ปรมินทร์ทั้งเหนื่อยใจ ทั้งสงสาร เขาย่อตัวลงไปช้อนร่างบอบบางนั้นขึ้นมาอุ้ม
“พี่หนึ่ง...”
“ไม่ใช่”
เขาตอบกลับคนเมาที่ตาฝาดมองเห็นเขาคือปรมะเสียงดุ แต่เจ้าหล่อนก็ยังยืนกรานว่าเขาคือปรมะผู้เป็นพี่ชายเหมือนเดิม
“พี่หนึ่ง... พี่หนึ่งไม่ได้... มีเมียหรอกใช่ไหมคะ... วาแค่... เข้าใจผิดไปใช่ไหม...”
เจ้าหล่อนยกมือขึ้นแตะใบหน้าของเขา และก็ร้องไห้ฟูมฟายเหมือนเด็กตัวเล็กๆ
ปรมินทร์บรรยายความรู้สึกตอนนี้ของตัวเองไม่ถูก รู้เพียงแต่ว่า เขาไม่ได้รู้สึกดีเลยแค่นั้น
“เลิกบ้า แล้วนอนซะ”
ชายหนุ่มใช้ส้นเท้าดันบานประตูห้องนอนให้ปิดลงตามหลัง และอุ้มร่างของวาสินีไปวางบนเตียงกว้างที่ปูด้วยผ้าปูเตียงสีน้ำเงินอมดำ
“พี่หนึ่ง... พี่หนึ่ง...”
“ตัดใจได้แล้วเด็กน้อย พี่หนึ่งไม่มองเธอหรอก”
ปรมินทร์พึมพำ มองร่างที่ดิ้นไปมาจนชายเสื้อเลิกขึ้นไปอยู่บริเวณสะดืออย่างอ่อนใจ ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อหาผ้าขนหนูมาเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้