ศรัณย์ - หนุ่มหล่อเพื่อนชายคนสนิทของริสาที่เติบโตมาด้วยกัน ด้วยความที่บ้านอยู่ใกล้กันเลยเป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เด็ก เขาเป็นคนหน้าตาสะอาด บุคลิกเรียบร้อย และเป็นฮอตเนิร์ดที่ต้องตาต้องใจของสาวๆ แม้ดูเหมือนเขาจะชนะใจผู้หญิงคนอื่นได้ไม่ยาก แต่ทั้งชีวิตเขาไม่เคยเอาชนะริสาได้เลย
เขาตั้งใจเรียนและนิสัยเรียบร้อยไม่ชอบมีปากมีเสียงกับใครมาตั้งแต่เด็ก ทำให้มักจะถูกเพื่อนในห้องคนอื่นๆ แกล้งเล่นเป็นประจำ จนได้ริสาที่มีนิสัยไม่ยอมคนเข้ามาช่วยเป็นกำแพงคอยกันพวกนิสัยเสียออกไป ศรัณย์เลยเหมือนกลายเป็นลูกสมุนอยู่ในความปกครองของเธอนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ริสาสนุกที่มีเขาคอยตามใจและเป็นลูกหาบที่ไม่ว่าจะชวนเล่นอะไรแผลงๆ เขาก็ไม่มีทางขัดขืน ส่วนศรัณย์แม้บางครั้งจะทำบ่นอยู่บ้างแต่เขาก็ดีใจที่มีเพื่อนที่สดใสอยู่ข้างๆ ช่วยให้เขาผ่านชีวิตในวัยเด็กมาได้แบบไม่น่าเบื่อ จนกลายเป็นภาพชินตาของคนในละแวกนั้นที่มักจะเห็นทั้งสองคนตัวติดกันตลอด มีสาวน้อยยิ้มกว้างที่ไหนก็ต้องมีเด็กหนุ่มแว่นหนาคอยเดินตามที่นั่น
วันเวลาผ่านไปจนกระทั่งทั้งคู่เติบโตขึ้นเป็นหนุ่มเป็นสาว ศรัณย์ก็ไม่รู้ว่ามันเริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เขามักจะแอบมองริสาในยามเผลออยู่บ่อยๆ เขาเริ่มตื่นเต้นเมื่อเธอเข้ามาใกล้ เริ่มใจสั่นเมื่อได้กลิ่นหอมจางๆ จากเส้นผมที่ลอยมาตามลม รอยยิ้มของริสาที่เขาเห็นมาตั้งแต่เด็กมันเริ่มกลายเป็นภาพที่เขานึกอยากจะเห็นเป็นสิ่งแรกตั้งแต่ตื่นนอนในตอนเช้า
จนกระทั่ง ม.6 เทอมสุดท้าย ศรัณย์ก็ทนความอัดอั้นในใจไม่ไหวอีกต่อไป...
"สา.. กูชอบมึงว่ะ"
"อืม รู้อยู่แล้วล่ะ"
"ห๊ะ?.. เอ่อ.. ละ-แล้วๆ แล้วไงวะ.."
"กูก็ชอบมึงนะ"
"เฮ้ย! จริงดิ!"
"จริงสิ ไม่งั้นกูจะอยู่กับมึงทำไม"
"งั้น.. เรามาเป็น.."
"ก็เป็นเพื่อนกันไง คิดอะไรมากวะ"
"........."
ศรัณย์ถึงกับอ้าปากค้างหาคำพูดต่อไม่ถูก
"นี่อย่าบอกนะว่าจะขอกูเป็นแฟนจริงๆ.. มึงคิดภาพเราวันพรุ่งนี้ออกมั้ย?"
"กะ-ก็......"
"ฮ่าๆๆ นั่นไง.. กูคิดภาพเราเป็นแฟนกันไม่ออกเลยว่ะ.. จะมองหน้ากันยังไงวะ กูจำเป็นต้องเขินมึงมั้ย?.. กูเนี่ยนะ เขินกับมึง?.. ช่างเหอะ ไปกินลูกชิ้นกันดีกว่า"
"สาาา.. มึงช่วยจริงจังหน่อยได้ไหมวะ กูซีเรียสนะเว้ย"
"เรื่องซีเรียสเหรอ? อืมมม.. มึงจะเลือกมหา'ลัยไหนอะ เก่งๆ อย่างมึงเลือกได้ทุกที่อยู่แล้วนี่ ตัดสินใจได้ยัง?"
"เรื่องนั้น.. กูก็ต้องเลือกที่เดียวกับมึงอยู่แล้ว ไม่น่าถาม"
"ดีมาก ไอ้รันของกูมันต้องอย่างงี้สิ.. ไม่มีมึงอยู่ด้วยชีวิตมหา'ลัยกูคงเหงาแย่.. ป่ะ ไปกันเหอะ"
ศรัณย์ถอนใจกับความง่ายๆ ของเพื่อนอย่างช่วยไม่ได้ แม้เขาจะพยายามรุกเร้าแสดงความรู้สึกอย่างชัดเจนเพื่อข้ามเส้นแบ่งความเป็นเพื่อนอยู่หลายครั้ง แต่ก็มักจะโดนริสาปัดตกด้วยรอยยิ้มแบบไม่สะทกสะท้านเหมือนเคย
ทั้งคู่ย้ายมาเมืองใหญ่เพื่อเข้าเรียนมหาวิทยาลัยก็ยังเลือกที่จะเช่าอยู่หอพักเดียวกัน แม้จะแยกกันอยู่คนละชั้นแต่ก็มักจะชวนกันออกไปทานข้าวหรือเที่ยวเล่นยามว่างเป็นประจำ ริสายังคงใช้ชีวิตเป็นปกติกับเขาเหมือนที่เคยเป็นมาตลอด
ศรัณย์ตั้งใจอย่างแน่วแน่ว่าภายในระยะเวลา 4 ปีในช่วงชีวิตนักศึกษาเขาน่าจะมีโอกาสทำให้ริสาเปิดประตูหัวใจให้เขาได้บ้าง แต่จนแล้วจนรอดเวลาผ่านไปถึงชั้นปีสุดท้ายความสัมพันธ์ในแบบที่หวังมันก็ไม่เกิดขึ้นจนเขาปลงตก
ริสายังคงทำตัวเอาแต่ใจ เป็นเหมือนลูกพี่คอยสั่งการโน่นนี่นั่นตามใจชอบและมีรอยยิ้มที่สดใสให้เสมอ.. เขาเริ่มรู้สึกว่าควรจะพอใจอยู่แค่นั้นและยอมยิ้มรับความเป็นเพื่อนกับเธอแต่โดยดี
จนกระทั่งไม่กี่วันก่อนอยู่ดีๆ ริสาก็มีคำขอแปลกๆ สั่งการให้เขาช่วยถ่ายรูปสุดเสียวนั่น แม้ว่าเขาเริ่มทำใจละทิ้งความพยายามคิดกับเธอเกินเพื่อนได้บ้างแล้ว แต่การได้เห็นริสาในมุมอื่นที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในคืนนั้น ได้เห็นร่างกายสุดยั่วยวนพร้อมกับใบหน้าสวยหวานกำลังทำหน้าอ้อนขออยู่ใต้หว่างขาในแบบที่เขาได้แต่คิดฝันนั่นทำให้ความรู้สึกต่างๆ กลับมาเอ่อล้นในอกยิ่งกว่าเดิม
เขาคิดจนนอนไม่หลับอยู่หลายคืนว่าเธอกำลังเล่นเกมส์อะไรอยู่ หรืออาจจะเป็นข้ออ้างในการเสนอตัวยอมเป็นแฟนกับเขา? แต่ด้วยนิสัยที่คาดเดาไม่ได้ของริสาทำให้ศรัณย์ไม่กล้าคิดเข้าข้างตัวเองมากเกินไป
แต่พอมาคิดอีกมุมหนึ่ง ในเมื่อถึงขั้นได้โชว์ของลับให้เธอเห็นเต็มหน้าเต็มตาไปขนาดนั้น.. เขาถอยไม่ได้อีกแล้ว.. เขาคิดว่าต้องทำอะไรให้มันชัดเจนขึ้นให้ได้ ต้องรุกมากกว่านี้ ต้องทนหน้าด้านตามตื้อขึ้นอีก แม้ว่าจะต้องแลกกับมิตรภาพความเป็นเพื่อนสิบปีก็ตาม
ตื้ด~ ตื้ดดด...
สายเรียกเข้าโทรศัพท์ของศรัณย์ดังขึ้น เขาเห็นคนที่กำลังคิดถึงโทรมาก็รีบกดรับสาย
"ว่าไงสา"
"ฮัลโหล ศรัณย์ อยู่ไหนเนี่ย เรียนเสร็จยัง"
"ยังเลย เหลืออีกคลาสนึง กำลังจะเข้าพอดี"
"พอเลย ไม่ต้องเข้าละ กลับห้องตอนนี้เลยนะ"
"เฮ้ยใจเย็น มีอะไรรึเปล่าวะ อีกชั่วโมงนึงเดี๋ยวโทรกลับนะ"
"เออน่า! บอกให้กลับก็กลับสิ อยากตายรึไง"
"ห๊ะ? งอแงอะไรของมึงเนี่ย"
"จะกลับไม่กลับ? ตอบ!"
"......เออๆ กลับก็ได้วะ พอใจมึงยัง... แล้วให้กูกลับไปทำไมล่ะ"
"ละ-แล้ว เดี๋ยวพอถึงห้องมึงก็อาบน้ำรอเลยนะ"
"สา.. ให้อาบน้ำ.. อย่าบอกนะว่า.."
"เอออ ไม่ต้องถาม อาบเสร็จแล้วไลน์มาบอกละกัน เดี๋ยวกูไปหา.. แค่นี้นะ"
*ติ๊ด*
สายตัดไปแค่นั้นทิ้งไว้ให้ศรัณย์ยืนนิ่งอ้าปากค้าง ความคิดในหัวฟุ้งกระจายเกิดภาพจินตนาการต่างๆ นานา แม้จะไม่รู้ชัดเจนว่าริสาต้องการอะไร แต่การให้เขารีบกลับห้อง.. ให้รีบอาบน้ำ.. เสร็จแล้วจะมาหา.. แค่นี้ก็ทำให้เขาเลือดลมสูบฉีด
พอได้สติกลับมาก็รีบวิ่งออกจากตึกคณะด้วยใบหน้าฉีกยิ้มเหมือนคนบ้า เดินทางกลับเข้าห้องได้ก็โยนกระเป๋าถอดเสื้อผ้าทิ้งกระจัดกระจาย เข้าห้องน้ำเปิดฝักบัวสาดรดตัว ฟอกสบู่ขัดจนเอี่ยมทุกซอกทุกมุม ออกมาเช็ดตัวเป่าผม ปะแป้งพรมน้ำหอมจนฟุ้งอบอวลไปทั้งห้อง
ก้มลงมองดูอาวุธตรงหว่างขาที่พองตัวแข็งอย่างอัตโนมัติ จับแท่งเนื้อขนาดยาวบิดดูซ้ายขวาเหมือนตรวจเช็คสภาพให้แน่ใจว่ามันดูดีที่สุด เปิดตู้เสื้อผ้าเลือกชุดนอนสบายๆ ที่คิดว่ามันน่าจะถอดง่าย แต่แล้วก็เปลี่ยนใจเพราะไม่อยากให้มันชัดเจนจนเกินไปเลยเลือกเอาชุดที่ใส่เหมือนพร้อมจะออกไปข้างนอกมาแทน
กลับมาจัดการที่นอนให้ผ้าปูเรียบตึง เรียงหมอนให้ดูดี เดินไปเปิดตู้เย็นเช็คดูมีน้ำพร้อมดื่ม เบียร์เย็นพร้อมเปิด ยิ้มด้วยความพอใจแล้วปิดตู้เย็นเดินมาที่ชั้นวางของข้างหัวเตียง เปิดลิ้นชักเห็นมีกล่องถุงยางนอนนิ่งอยู่ในนั้นก็ยกมือขึ้นปิดปากห้ามตัวเองไม่ให้หลุดยิ้มออกมา คิดลังเลในใจว่าจะเอามันออกมาวางเตรียมไว้เลยดีไหม แต่ก็ปิดลิ้นชักแล้วเดินมานั่งตรงขอบเตียง
หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจิ้มๆ ส่งข้อความไลน์ไปหาริสาแบบพิมพ์ไปยิ้มไป
"กูพร้อมแล้วนะ"
ศรัณย์กดส่งข้อความเสร็จก็ลุ้นรอด้วยใจระทึก พอเห็นว่าเพื่อนได้อ่านข้อความแล้วเขาก็ยิ่งตื่นเต้นจนหุบยิ้มเอาไว้ไม่อยู่
แต่แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าเรื่องทำนองนี้ก็เคยเกิดขึ้นมาแล้ว หลายต่อหลายครั้งที่ริสามักจะทำอะไรให้ความหวังเขาอยู่เรื่อยแต่ในท้ายที่สุดก็กลายเป็นเขาเองที่คิดมากเกินเลยไปคนเดียว
"นั่นสินะ.. สามันก็เป็นแบบนี้อยู่แล้วนี่หว่า จะไปหวังอะไรอีกวะ.." เขาบ่นกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะถอนหายใจปั้นหน้าเป็นปกติ บรรยากาศที่สดใสกลับมาเงียบสงบตามเดิม
ก๊อก ก๊อก...
เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น ศรัณย์เดินไปเปิดห้องก็พบว่าริสายืนรออยู่ในชุดสบายๆ กลิ่นแชมพูอ่อนๆ ของเธอหอมฟุ้งเหมือนเพิ่งอาบน้ำเสร็จมาเหมือนกัน เธอทำหน้านิ่งเหมือนเคย มองดูเขาด้วยหางตาแวบหนึ่งแล้วเดินเข้ามายืนอยู่กลางห้อง ศรัณย์เลยปิดประตูแล้วเดินตามเข้าไปคุยด้วย
"ตกลงว่าไง จะชวนไปกินข้าวเหรอ? วันนี้อยากกินอะไรล่ะ"
"คือ...... กูขอน้ำมึงหน่อยสิ"
"ห๊ะ?..."
ริสาหน้าแดงทำเป็นหันมองไปทางอื่นแล้วล้วงกระเป๋าหยิบเอากล่องถุงยางออกมายื่นให้
"น้ำของมึง.. แตกใส่ถุงนี่มาหน่อย"