ได้แต่รอ…1/1
“ผมจะไปประชุมที่ต่างประเทศสองอาทิตย์”
เสียงทุ้มเอ่ยบอกขณะที่กำลังติดกระดุมเสื้อเชิ้ตเตรียมออกไปทำงานในตอนเช้า อย่างเช่นทุกวัน
“ค่ะ มาหนูช่วย”
อติกานต์ คงมีสุข หญิงสาวในวัยยี่สิบสองปีที่เขารับเลี้ยงดูเดินเข้ามาช่วยจัดเสื้อผ้าให้ชายหนุ่มอีกมือ เขาปล่อยให้สาวน้อยใบหน้าหมดจด เครื่องหน้าสวยติดกระดุมเสื้อจนถึงเม็ดสุดท้ายพร้อมกับผูกเนกไทให้เรียบร้อยด้วยสายตาที่อ่านความคิดไม่ออก
ครั้นแต่งตัวทุกอย่างให้เสร็จสรรพดวงตากลมคู่หวานจึงได้ช้อนมอง ก่อนจะเอ่ยน้ำเสียงอ้อยอิ่ง
“คุณต่อกลับมาไม่ทันเปิดเทอมของหนู”
ต่อตระกูล เสริมทรัพย์ศิริ เข้าใจความหมายที่เธอกำลังต้องการสื่อ เมื่อเปิดเทอมก็ต้องมีการจ่ายค่าเทอม ซึ่งค่าใช้จ่ายพวกนี้เขาเป็นคนรับผิดชอบ รวมถึงค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ของเธอด้วย ทว่าเขาก็ไม่ใช่สายเปย์อย่างไม่มีเหตุจำเป็น เขาให้ค่าใช้จ่ายรายเดือนกับหญิงสาวเดือนละสามหมื่นบาทถ้วนไม่ขาดไม่เกิน หากมีสิ่งใดนอกเหนือจากนี้แล้วอยากได้ให้เอ่ยปากบอกเขาตรง ๆ เขาพร้อมจะให้แต่ไม่ได้ให้ทุกอย่างที่ขอ เช่น ถ้าเธอขอบ้านสักหลัง หรือคอนโดส่วนตัวสักห้อง แน่นอนไม่มีทางได้จากเขาเพราะนั่นถือว่ามันเกินความจำเป็น เขามีที่อยู่ให้เธอ มีรถให้ขับไปไหนมาไหนอย่างสบาย เขาไม่ได้ขี้งกขี้เหนียวเลี้ยงแบบอด ๆ อยาก ๆ หรอกนะ แค่ไม่ได้ให้จ่ายฟุ่มเฟือยเกินความจำเป็น เพราะมีเพื่อนเขาคนหนึ่งที่เคยเลี้ยงเด็กนักศึกษา ยอมเปย์ค่าใช้จ่ายไม่อั้น สุดท้ายเด็กนักศึกษาคนนั้นนำเงินไปศัลยกรรมพอตัวเองสวยขึ้นดูดีขึ้นก็วิ่งแร่ไปหาผู้ชายที่หล่อกว่ารวยกว่า นั่นเท่ากับว่าสูญเงินมากเกินประโยชน์ที่ควรได้รับกลับมาแถมอยู่กันไม่ถึงปีก็โดนเด็กเทให้แล้ว น่าขายหน้าชะมัด ถ้าอยากให้ผู้หญิงอยู่ด้วยนาน ๆ โดยไม่มีปากเสียงก็ต้องหัดควบคุมให้เป็น เขาไม่โง่ให้เด็กหลอกเอาเงินไปฟรี ๆ แบบนั้นหรอก
“เดี๋ยวให้เงินค่าใช้จ่ายไว้ให้ ไม่ต้องห่วงหรอก”
“ขอบคุณค่ะ”
อติกานต์พนมมือน้อย ๆ ก้มลงแทบอกพร้อมสวมกอดเขา หากแต่มือหนาก็ยั้งเรียวแขนนั้นไว้ไม่ให้ถูกร่างกายเขามาก ทำให้หญิงสาวชะงักไปชั่วขณะ
“เดี๋ยวเสื้อยับ ฉันต้องรีบออกไปประชุม”
“ค่ะคุณต่อ”
สามวันต่อมาอติกานต์นั่งอยู่หน้าโน้ตบุ๊กครู่ใหญ่ก่อนจะพับหน้าจอลงพร้อมกับอาการทอดถอนหายใจออกเฮือกใหญ่ เทอมนี้เป็นเทอมสุดท้ายของการเรียนในระดับอุดมศึกษาคว้าปริญญาใบแรกให้ตัวเอง หากแต่การเรียนของเธอก็ต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของคนอื่นนั่นก็คือเจ้าของคอนโดมิเนียมขนาดร้อยกว่าตารางเมตรที่เธออาศัยอยู่ตอนนี้ เขาคนนั้นเป็นคนจ่ายค่าเทอมรวมถึงค่าใช้จ่ายทุกอย่างในชีวิต พูดให้เข้าใจง่าย ๆ ก็คือ เธอเป็นเด็กเลี้ยงของผู้ชายที่มีฐานะร่ำรวยคนหนึ่งที่เขาพึงพอใจเธอ และเธอก็พึงพอใจที่จะอยู่กับเขาหลังจากญาติคนสุดท้ายเธอเสียชีวิตอย่างกะทันหันเพราะอุบัติเหตุในตอนที่เธอกำลังเรียนอยู่ปีหนึ่ง
ชีวิตคนบางครั้งก็เผชิญกับเคราะห์ซ้ำกรรมซัดเหมือนชาติที่แล้วเธอเคยทำให้ใครต้องพลัดพรากจากกัน มาชาตินี้เธอถึงต้องพลัดพรากจากคนที่รักจนหมดสิ้น หลังจากมารดาเสียชีวิตด้วยโรคร้าย บิดาของอติกานต์ก็มีสภาวะโรคซึมเศร้าพยายามทำร้ายตัวเองอยู่หลายครั้งพอรักษาจนอาการเริ่มจะดีขึ้นก็กลับมาประสบอุบัติเหตุจนถึงแก่ชีวิตตามมารดาไปในปีต่อมา บิดาของเธอทำงานที่บริษัทเอกชนแห่งหนึ่งเป็นพนักงานดีเด่น ในวันเผาศพมีผู้บริหารคนหนึ่งมาร่วมพิธีด้วยจากการพูดกึ่งบังคับของบิดาซึ่งเป็นประธานบริษัท ให้ลองลงไปดูสภาพความเป็นอยู่ของพนักงานระดับล่างบ้าง
เพื่อนร่วมงานที่มาร่วมพิธีศพต่างเห็นใจหญิงสาวที่ยืนสะอื้นอยู่หน้าเมรุอย่างไร้คนเคียงข้างคอยปลอบโยน พอสอบถามเจ้าตัวก็ทราบว่า ครอบครัวของเธอมีเพียง บิดา มารดา และตัวเธอเท่านั้น ไม่มีญาติที่ไหนอีกแล้ว ขณะที่ข้อมูลต่าง ๆ ถูกถ่ายทอดออกมาก็มีสายตาคู่หนึ่งจับจ้องมองอยู่
ช่างน่าสงสารเสียจริง
หลังจากเผาศพก็มีผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาหาหญิงสาวที่ยังยืนแหงนมองเปลวควันพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า อติกานต์ร้องไห้สะอื้นจนดวงตาบวมช้ำปลายจมูกแดงเรื่อ นานเท่าไรไม่รู้กระทั่งรู้สึกว่ามีใครมายืนอยู่ข้างกายจึงหันไปมอง ก็พบกับผู้ชายคนหนึ่ง เขามองหน้าเธอก่อนจะยื่นผ้าเช็ดหน้าผืนสะอาดส่งมาให้พร้อมกับหลุบตามองผ้าเช็ดหน้าที่เปียกปอนทุกด้านในมือ พยักหน้าสื่อความหมายให้เธอรับผ้าเช็ดหน้าผืนใหม่จากมือเขา
ก่อนที่จะมีการพูดคุยกันเกิดขึ้น วันต่อมาเขาคนนี้ก็เป็นคนมาเก็บเถ้าอัฐิของบิดาเป็นเพื่อนเธอ พร้อมกับพานำไปลอยอังคารส่วนหนึ่ง หลังจากวันนั้นผู้ชายคนนี้ก็เข้ามามีบทบาทในชีวิตของเธอจนถึงวันนี้ เขาใช้ช่วงโอกาสที่เธออ่อนแอ ต้องการใครสักคนอยู่ข้าง ๆ แทรกซึมเข้ามาในจิตใจ เขาให้สัญญาว่าจะดูแลเธอจนกว่าเธอจะเรียนจบ
“ถ้าคุณไม่มีใคร มาอยู่กับผมมั้ย ต่อไปนี้ผมจะดูแลคุณ จนกว่าคุณจะเรียนจบ”
ในตอนที่อติกานต์ยังรู้สึกสับสนเขาที่มีประสบการณ์เหนือกว่าทุกด้านก็หว่านล้อม
“ไม่มีอะไรเสียหายหรอก เราก็วินวินทั้งคู่ แต่อย่าคาดหวังไปไกลนัก ถ้าคุณทำตัวดี คุณก็จะได้รับการดูแลอย่างดีจากผม ทันทีที่คุณเรียนจบเราจะเป็นอิสระต่อกัน ผมจะให้เงินคุณด้วยก้อนหนึ่งเพื่อไปเริ่มต้นชีวิตใหม่”